ตั้งแต่เปิดตัวออกมาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ Volvo V40 ถือเป็นรถที่สร้างความสำเร็จให้กับบริษัทรถยนต์วอลโว่อย่างมาก ด้วยการวางตัวเองเป็นรถยนต์รุ่นเริ่มต้น ที่ทำให้หลายคนมีโอกาสเขยิบเข้ามาใกล้ชิดแบรนด์วอลโว่ ด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่ได้แพงจนไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
อาจจะเรียกว่าเป็นรถยุโรป ที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดวันนี้ ก็คงไม่ผิดนัก นั่นทำให้ Volvo V40 T4 เป็นรถที่คนจำนวนมากหมายปอง เมื่อเดินดู 3 อรหันต์ รถยนต์ยุโรปในไทย มันอาจจะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็จริง แต่ด้วยราคาและสมรรถนะแบบรถยุโรป ที่รถญี่ปุ่นไม่มีทางเทียบเคียงได้แล้ว Volvo V40 จึงกลายเป็นหนึ่งในรถวอลโว่ที่เราเห็นมากบนถนน รุ่นหนึ่ง
ในช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ทาง Volvo จัดการปรับโฉมรถยนต์ Volvo V40 ใหม่ โดยเพิ่มสไตล์ที่ลงตัวมากขึ้น กว่ารุ่นก่อนหน้านี้ จุดเด่นสำคัญของ Volvo V40 ใหม่ คือการเสริมเติมความทันสมัยของรถให้น่าใช้งานมากขึ้น และไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องหน้าตา เมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาเติมเต็มความชอบความต้องการของลูกค้า
ด้วยการออกแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์กับไฟหน้า LED ฆ้อนธอร์ บ่งบอกถึงความเป็นไวกิ้งสวีเดนตั้งแต่แรกเห็น กระจังหน้ารุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงเติมเต็มความหรูหรามากขึ้น คล้ายกับในรุ่น Volvo XC 90 และ Volvo S 90-V90 ที่เพิ่งเปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว
ด้านข้าง ล้ออัลลอยเปลี่ยนลวดลายใหม่ จากเดิมทีใช้ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว กว้าง 7.5 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง 225/45/R17 รุ่นใหม่ เปลี่ยนเป็นล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว ลดขนาดยางลงเหลือเพียง 205/55/R16 แต่ถามผม ก็ไม่รู้สึกว่าความสปอร์ตน้อยลง เมื่อมองภาพรวมดูน้อยลง แต่ถ้ามามองเรื่องการหายางซื้อใส่ ยามที่ยางชุดติดรถหมดวาระการใช้งาน ก็ต้องยอมรับว่า อาจจะหายากสักหน่อย และมีราคาใกล้เคียงกับขอบ 17 นิ้ว
ด้านหลังเรือนร่างรถไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร จากรุ่นเดิม มีเพียงป้ายรหัสเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนจาก “T5” มาเป็น “T4” เท่านั้น ที่พอจะสังเกตได้
รับกุญแจ ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร Volvo V40 T4 ยังคงต้อนรับด้วยการตบแต่งที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหราเหมือนเช่นที่ผ่านมา หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ยังคงมนต์เสน่ห์ของความเป็นยอดรถลุคสปอร์ตจากรุ่นเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น
เหลียวมองภายในห้องโดยสารรุ่นนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก … ทุกอย่างยังคงเหมือนเอาไว้หมดทั้งสิ้น แต่ถึงมันจะคงเดิม ก็ยังนั่งสบายตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะเบาะนั่งคู่หน้าขนาดใหญ่ ส่วนเบาะหลังอาจจะมีพื้นที่คับแคบไปบ้างก็ตาม แต่ที่ดูจะต้องกลับไปทำการบ้านใน Volvo V40 รุ่นต่อไป ก็ไม่พ้นความยุ่งเหยิง ของ ระบบ Volvo Sensus และการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ ที่รวมเอามาไว้ตรงกลาง จนบางทีกดเอง งงเอง ว่านี่อยู่เมนูไหนแล้ว
ได้เวลาเดินทาง ผมสตาร์ทเครื่องยนต์ Volvo V40 T4 เสียงแรกของขุมพลังรุ่นใหม่ ใต้ V40 T4 มาพร้อมความเร้าใจเครื่องเดินเบา เสียงดังนิดๆ แต่ออกมาทางทุ้มแน่น ใต้ร่างเล็กคันนี้ มันใช้ขุมพลัง 4 สูบแถวเรียงพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จขนาด 2.0 ลิตร
เครื่องรหัส T4 ใหม่ เป็นเรื่องที่ทางวอลโว่ตัดสินใจแปลกๆ สักหน่อย เมื่อพวกเขาตอนกำลังเครื่องยนต์ของ V40 รุ่นจำหน่ายในไทยลง จากเดิมในรุ่น T5 ให้กำลัง 213 แรงม้า สูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 2,700 -5,000 รอบต่อนาทีและบวก40นิวตันเมตร เมื่อ overboost รวมpeak torque 340 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์ T4 ใหม่ กำลังลดลงเหลือเพียง 190 แรงม้า แต่ก็มาเร็วขึ้น ที่ 4,700 รอบต่อนาที (ลดลงไป 23 แรงม้า) ส่วนแรงบิดจากเดิมเหลือเพียง 300 นิวตันเมตร แต่ก็มีให้ใช้อย่างหนำใจตั้งแต่ 1,300 -4,000 รอบต่อนาที
การลดกำลังเครื่องยนต์ลงไม่ใช่เรื่องที่เราจะเห็นบ่อยนักในประเทศไทย แต่ Volvo ก็ทำให้เราสงสัย จนต้องจับมาลองว่า สรุปแล้ว การลดเครื่องยนต์ทำให้รถขับดีขึ้นได้ด้วยหรือ ??
ผมลองค้นข้อมูลเครื่องยนต์รหัส T4 เพิ่มเติมจากต่างประเทศ พบว่า เครื่องยนต์บล้อกนี้เป็นบล็อกใหม่สุด ใช้รหัสว่า B4204T19 ซึ่งเพิ่งออกมาเมื่อปี 2016 นี่เอง ที่สำคัญ เทียบกับเครื่องยนต์รหัส T5 เดิม แล้ว เครื่องยนต์บล็อกใหม่ มีกำลังอัดในเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น เป็น 11.3 : 1 จากเดิม 10.8 : 1 ซึ่งโดยปกติแล้ว เราจะไม่เห็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จกำลังอัดสูงมากนัก แต่นี่น่าจะเป็นสัญญาณถึงความไม่ธรรมดา แม้ว่าจะลดกำลังลง ก็อาจจะยังคงความเร้าใจ
ด่านแรกต้องลองขับในเมือง Volvo V40 ทั้งรุ่นเดิมและรุ่นใหม่ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ ช่วงแรกที่ออกตัวจากไฟแดงย่านหัวหมาก ยอมรับว่ามันรู้สึกไม่ปรู๊ดปร้าดเร้าใจเท่าเดิม แต่เมื่อเครื่องได้วิ่ง มันก็ตอบสนองดี รวดเร็วทันใจขึ้น อย่างเห็นได้ชัด อาจจะเพราะแรงบิดสูงในรอบต่ำที่ลดลงมาจนเหยียบไปจากรอบเครื่องเดินเบานิดเดียว ก็ได้รอบกำลังแล้ว
แต่สิ่งที่ยังไม่น่าประทับใจเหมือนเดิม ก็ไม่พ้นเรื่องของอัตราประหยัดน้ำมัน เครื่องสองพันเทอร์โบขับในเมืองมันก็ย่อมจะซดน้ำมันเป็นปกติอยู่แล้ว อันที่จริง ส่วนสำคัญ คือการที่ระบบ Start-Stop ของ Volvo เกือบทุกรุ่นมักไม่ทำงานที่ภาวะอากาศร้อนเกินกว่า 30 องศา ทำให้ เครื่องยนต์สองพันเทอร์โบเราต้องทำงานตลอดเวลา ปั่นน้ำมันทิ้งไปในช่วงเวลารถติดจอดสนิทท่ามกลางป่าคอนกรีต ผมกลับมาถึงปั้มเจ้าประจำแถวบ้าน เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 เผลอแวบเดียววิ่งในเมืองไปตั้ง 98.3 กิโลเมตร เติมน้ำมันคืนถังไปทั้งสิ้น 11.41 ลิตร เคาะอัตราประหยัดทันใจ .. ได้ตัวเลข 8.61 ก.ม./ลิตร
เทียบกับรุ่น T5 เดิม ผมเปิดดูย้อนข้อมูลเก่า ที่ทดสอบไว้ตั้งแต่เมื่อปีมะโว้ Volvo V40 T5 ทำอัตราประหยัดในเมืองได้เพียง 7.67 ก.ม./ลิตร นั่นหมายความว่า รุ่นใหม่ มีความประหยัดกว่ารุ่นเดิมในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่น่าพอใจเท่าที่ควร สิ่งที่วอลโว่ควรส่งข้อมูลกลับไปให้ทีมวิศวกร ที่โกเทนเบิรก ทำการบ้านต่อไป คือว่า ทำไม ระบบ Idling Stop ถึงเซทมาไม่เหมาะกับอากาศเมืองไทย จนกลายเป็นลูกค้าซื้อรถที่มีออพชั่นแล้วมีเหมือนไม่มียังไงอย่างงั้น สิ่งนี้ควรต้องกลับไปศึกษารายละเอียดอย่างแรง!! เพื่อทำให้คนใช้ Volvo มีโอกาสประหยัดขึ้น ถึงคนซื้อรถยุโรป จะแบบว่า เออช่างมันน้ำมันฉันไม่แคร์ก็ตาม
วันต่อมาผมขับไปรับเดือนที่ลพบุรี เส้นทางประจำจากกรุงเทพไปลพบุรี วิ่งไปกลับ ถัวเฉลี่ยแล้ว จะได้ระยะทาง 300 กิโลเมตรโดยประมาณ เส้นทางจากบ้านตัดออกวงแหวนตะวันตก ยาวไปตัดออกเส้นทางอ้อมหลังอยุธยา เพื่อไปออกต่างระดับบางปะหัน แล้ว ออกสายเอเชีย ไปตัดออกต่างระดับ สิงห์บุรี แล้วกลับขวา เพื่อไปยังลพบุรี
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีไฟแดงน้อยมาก ผมออกเดินทางจากบ้านย่านบางใหญ่ ใช้ความเร็ว 110-140 ก.ม./ช.ม. ดูตามจังหวะจราจร และเส้นทาง เนื่องจากบางช่วงเช่นถนนสายเอเชีย เป็นเส้นทางตรงยาวๆ ขับช้าก็ดูจะง่วงไม่ลงนา ก็จะไปจูบกำแพงเสียก่อน การใช้ความเร็ว เกินกฎหมาย กำหนดสักหน่อยอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก แต่ก็ป้องกันอุบัติเหตุได้ดีกว่า ถ้าขับอย่างมีสติสัมปะชัญญะ
ตลอดเส้นทางที่ขับนอกเมือง อาการช่วงล่างของ Volvo V40 T4 ในภาพรวมเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ มันเป็นรถที่ให้ความสบายในการขับขี่ แต่ก็ยังมั่นใจแม้ว่าคุณอาจจะต้องใช้ความเร็วในการเดินทาง
ช่วงความเร็วสูงรถไม่ดูตัวเบาจนแทบจะเหาะเหินเดินอากาศ แต่คงความมั่นใจ ไม่ว่าจะขับที่ความเร็วทั่วไป หรือมากกว่ามนุษมนาเขาขับกัน ก็ไม่มีความรู้สึกเสียวในการขับขี่ ไม่ว่าจะขับตรงๆ หรือเปลี่ยนเลน ไปมา แม้ว่านี่จะเป็นรถรุ่นเล็กที่สุดของ Volvo ก็ตาม
ช่วงตัดออกสายเอเชีย จากบางปะหัน เป็นทางโค้ง 2 S ผมลองเอา Volvo V40 T4 เข้าโค้งนี้ที่วัดสมรรนถะ ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ช่วงล่างทางด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลัง Multi Link ทำงานกันอย่างแข็งขัน ไม่มีคำว่าลื่นไถลให้เห็น มีเพียงเสียงยาง Michelin Energy Saver ที่ดังลั่นโค้งนิดๆ ก็แหงล่ะสิ มันไม่ใช่ยางสปอร์ตนี่นา จะได้หนึบในโค้งเป็นตุ๊กแก
หลังจากกลับจากลพบุรี ผมกลับมาเติมน้ำมันที่ปั้มประจำ ไปกลับงวดนี้ได้ระยะทางทั้งสิ้น 343 .8 กิโลเมตร เติมน้ำมันไปทั้งสิ้น 25 ลิตร พอดี เป็นเงิน 640 บาท ผมหาอัตราประหยัดอยู่ 3 รอบ เพื่อทบทวนตัวเลขว่าถูกต้องแน่ๆ เพราะผมได้อัตราประหยัดนอกเมืองที่ 13.75 ก.ม./ลิตร … เฮ้ย นี่ประหยัดมากเลยนะ ด้วยจากที่ขับเป็นช่วง 100-140 ก.ม./ช.ม. และเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ที่ได้อัตราประหยัดเพียง 8.58 ก.ม./ลิตร ถือว่าประหยัดกว่ามาก!!
Volvo V40 T4 อย่ามองแค่กำลังเครื่องยนต์ ประหยัดกว่า ถูกว่า คือคำตอบ
ตลอดเวลาที่ทำการรีวิวรถมา ผมยอมรับข้อหนึ่งว่า คนไทยเป็นคนบ้าพลัง .. ไม่รู้ล่ะว่า อะไรยังไง ผมขอแรงม้า-แรงบิดเยอะไว้ก่อนเป็นใช้ได้ ทั้งที่มันอาจจะเกินความจำเป็นในการใช้งานไปมาก
ทีแรกที่ผมรู้ว่า Volvo เอาเครื่องยนต์ T4 มาลงใน Volvo V40 ผมเกริ่นกับคนใกล้ตัวว่า แปลก ไม่รู้คิดได้ยังไง ที่เอาเครื่องยนต์แรงน้อยกว่ามาให้ลูกค้าในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งจะทำให้หลายคนกังขา เรื่องสมรรถนะในการขับขี่อย่างแน่นอน
การได้มาขับ Volvo V40 T4 คลายข้อสงสัยผมแล้ว เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ถึงจะกำลังแรงม้าและแรงบิดน้อยกว่า แต่สมรรถนะ ไม่ได้ด้อยกว่าอย่างที่คิด จากที่ทดสอบในภาคสมรรถนะทางด้านอัตราเร่ง เจ้า Volvo V40 T4 มีอัตราเร่งเฉลี่ย 0-100 ก.ม./ช.ม.ที่ 8 วินาที และ80-120 ก.ม./ช.ม. ที่ 5.6 วินาที
เมื่อเปรียบเทียบกับสมรรถนะจากรุ่น T5 แอบแปลกใจนิดหน่อย ที่สมรรถนะของรถ เร่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน รวมถึงอัตราประหยัดก็ดีขึ้นด้วย
ตารางแสดงเปรียบเทียบอัตราเร่ง ของ Volvo V40 T4- T5
อัตราเร่ง | ครั้งที่ 1 | ครั้งที่ 2 | ครั้งที่ 3 | เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. – Volvo V40 T5 | 11.98 | 8.23 | 9.16 | 8.73 |
0-100 ก.ม./ช.ม. – Volvo V40 T4 | 8.0 | 8.0 | 8.0 | 8.0 |
80-120 ก.ม./ช.ม. – Volvo V40 T5 | 5.0 | 6.54 | 5.73 | 6.14 |
80-120 ก.ม./ช.ม. – Volvo V40 T4 | 5.0 | 6.0 | 6.0 | 5.667 |
หมายเหตุ ทดสอบบนถนนลาดยาง นั่ง 2 คน เปิดแอร์ใช้เกียร์ D ตามปกติ
ตารางแสดงการเปรียบเทียบอัตราประหยัด
Volvo V40 T5 | Volvo V40 T4 | |
ในเมือง | 7.67 ก.ม./ลิตร | 8.61 ก.ม./ลิตร |
นอกเมือง | 8.58 ก.ม./ลิตร | 13.75 ก.ม./ลิตร |
หมายเหตุ ทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล 95
และที่สำคัญที่สุด นอกจากสมรรถนะและความประหยัด จะดีขึ้นแล้ว ราคา Volvo V40 T4 ใหม่ ยังมีการปรับราคาขายลดลง จากเดิม รุ่นที่แล้ว ขายคันละ 1,820,000 บาท รุ่นใหม่ไมเนอร์เชนจ์ พร้อมเครื่องยนต์รหัส T4 ขายราคาเพียง 1,749,000 บาทเท่านั้น
ผมว่า ทั้งหมดที่วอลโว่ได้ทำ คือ สร้างรถที่เพียงพอต่อการใช้งานในราคาที่ใช่ และลูกค้าไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องสมรรถนะ รถออกตัวดีกว่าอาจจะด้วยแรงบิดที่เหมาะสมกับขนาดรถ ดังนั้นการลดกำลังเครื่องยนต์ จึงได้อัตราเร่งดีขึ้น และพร้อมกันกำลังเครื่องน้อยลง ก็ไม่ต้องจ่ายน้ำมันหนาบานเบอะ เข้าไปเผาไหม้ ทำให้ได้อัตราประหยัดเพิ่มขึ้นด้วย
ปิดประตู Volvo V40 T4 ก่อนชักภาพถ่ายรูป แล้วเตรียมส่งมันกลับบ้าน นี่คือ รถที่ทำให้คุณประหลาดใจกับความคิดชาวไวกิ้ง แต่มันได้ผลอย่างดี วันนี้ Volvo V40 T4 เป็นรถที่ลงตัวกว่ารุ่นเดิมมากๆ มันไม่ใช่รถที่แรง แต่แฝงความเร้าใจและความประหยัด เรื่องความปลอดภัย ก็ครบเครื่องอยู่แล้ว แถมราคาถูกว่าเดิม 7 หมื่น บาท ….
ผมว่านี่สิค่ายรถที่ทำเพื่อลูกค้า เอาลูกค้าเป็นที่ตั้ง แล้วสร้างสิ่งที่ใช่ให้พวกเขา …
เรื่อง และขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ วอลโว่ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อ รถทดสอบ Volvo V40 T4 มาให้ได้ทดสอบกัน
ขอบคุณสถานที่ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น สำหรับ สถานที่ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ที่เปิดให้ถ่ายรูป
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”263″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]