เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง ติดตามผู้เขียนได้ทาง Facebook
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์รุ่นใหม่นอกจากจะได้รับการพัฒนาชุดเครื่องยนต์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ตอบสนองเรื่องสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันมากขึ้น อีกหัวใจหลักสำคัญที่ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ตามไปด้วยก็เห้นจะไม่พ้นระบบส่งกำลัง เพื่อนคู่หูเครื่องยนต์ให้มีศักยภาพตามไปด้วย
ระบบเกียร์รุ่นใหม่ แบบใหม่ๆ อาทิ ระบบเกียร์แบบ CVT, ระบบเกียร์คลัทช์คู่ ดูจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงสำหรับคนที่เน้นขับรถที่มีสมรรถนะ แต่ในระยะหลังบริษัทรถยนต์เริมหันมาคบระบบเกียร์อัตโนมัติดั้งเดิมมากขึ้น หากก็มีการปรับปรุงเรื่องของอัตราทดเกียร์ให้มีจังหวะมากขึ้น ตั้งแต่ 7 ไปจนถึง 10 จังหวะ ที่บ้างออกมาขายแล้ว และบ้างยังอยู่ในระหว่างการเตรียมวางขายในรถรุ่นใหม่ในอนาคต
ประเด็นหนึ่งที่ดูเริ่มจะร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากรถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่น อย่าง MG ZS และดูจะไม่พ้นระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 4 สปีด ที่กลับเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าอย่าง งงๆ
การแนะนำระบบเกียร์ 4 สปีด ดูจะเป็นเรื่องล้าสมัยสำหรับรถยนต์ในยุคนี้ที่มาพร้อมระบบเกียร์อื่นๆ มากมายให้เป็นทางเลือกสำหรับบริษัทรถยนต์ และมันดูเชยระเบิด เมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่ง
เรื่องการใช้เกียร์ 4 สปีดในรถยนต์รุ่นใหม่ บางรุ่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้ว่าเราอาจจะติดภาพว่าเกียร์ 4 สปีด ควรถึงการเวลาปลดระวางไปได้แล้ว เนื่องจากจำนวนเกียร์ที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานในปัจจุบัน ที่มีอัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 5 /6 เกียร์ เป็นอย่างน้อยในการใช้งานวันนี้
จำนวนทดเกียร์สำคัญไฉน
ก่อนอื่น หลายคนคงชอบรถยนต์สมัยใหม่หลายรุ่น ที่มีอัตราทดเกียร์เยอะๆ จนสับตำแหน่งกันจนมือหงิก ตามหลักทางวิศวกรรมแล้วระบบเกียร์ไม่ได้มีความสำคัญเท่าเครื่องยนต์ แต่เนื่องจากชุดเกียร์เป็นผู้รับถ่ายทอดกำลังลงสู่เพลาขับ ทำให้บางครั้งรถจะวิ่งดีหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์อย่างเดียว
แนวทางใหม่ของบรรดาวิศวกรรมที่หันมาเพิ่มอัตราทดเกียร์ให้เยอะเข้าว่า ส่วนหนึ่งก็มาจากกระแสการออกแบบเครื่องที่พยายามลดขนาดเครื่องยนต์ลง แล้วเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำลังมากขึ้น หรือที่เรียกว่า “Down Sizing “
ปัญหาของเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลงนั้น คือมันสมควรจะต้องการทำการในช่วงแรงบิดที่เหมาะสม หรือที่เรียกว่า “Power Band” อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันในการขับขี่ให้สูงขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ไม่จำเป็นต้องเค้นรอบสูงอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ด้วยไปในตัว
จำนวนไม่พอต้องดูอัตราทดด้วย …
การเพิ่มอัตราทดเข้ามา มันฟังดูดีในแง่การสื่อสารการตลาดกับลูกค้า คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดตรึกตรองมากว่า เกียร์จำนวนมากมีประโยชน์ย่างไร รู้แต่ว่ายิ่งเยอะยิ่งดีก็เท่านั้น
ถึงแม้ว่าข้อดีของเกียร์ที่มีอัตราทดมากจะช่วยก่อให้เกิดประโยชน์ในการขับขี่ทั้งในแง่ของอัตราเร่ง อัตราประหยัดน้ำมัน อย่างที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นแล้ว แต่ว่าส่วนสำคัญในชุดเกียร์ที่แท้จริง กลับอยู่ที่อัตราทดเกียร์ในแต่ละตำแหน่งที่ถูกเซทมาด้วย ว่ามันจะถ่ายทอดกำลังดีขึ้นแค่ไหน
อัตราทดเกียร์ คืออัตราสัดส่วนในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังชุดเพลาขับก่อนปั่นลงล้อและยาง ยิ่งชุดเกียร์มีอัตราทดสูงก็ยิ่งทำให้อัตราเร่งของเครื่องยนต์ดีขึ้น แต่ก็สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
รถยนต์ที่มีจำนวนอัตราทดเกียร์เยอะ จึงมีโอกาสที่ทางทีมวิศวกรจะพัฒนาอัตราทดในแต่ละตำแหน่งให้สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์มากขึ้น ยิ่งอัตราทดมากก็ยิ่งสามารถซอยอัตราทดเกียร์ในแต่ละจังหวะได้ถี่ขึ้นตามความต้องการ ที่ทางทีมวิศวกรเห็นเหมาะสม
พวกเขาสามารถเซทเกียร์สามารถเพิ่มประสิทธิมากขึ้นในแง่อัตราเร่ง อาทิเกียร์ 1-3 เซทให้มีอัตราทดเกียร์สูงต่อเนื่องเพื่อทำให้รถคันนั้นๆ เร่งดี และ เซทอัตราทด เกียร์ 4-6 ให้มีอัตราทดต่ำมากๆ เพื่อ ทำให้รถประหยัดหลังจากออกตัวแล้ว รวมถึงอัตราทดเกียร์ที่ต่ำกว่า 1 ยิ่งต่ำมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสทำความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเท่านั้น เป็นต้น
ตลอดจน ด้วยอัตราทดเกียร์ที่เยอะ ทำให้การเปลี่ยนอัตราทดแต่ละตำแหน่งมีความสูงของชุดเฟืองต่างกันไม่มาก ส่งผลในแง่ความสบายในการขับขี่ ช่วยให้รถไม่กระชากมากในการเปลี่ยนแต่ละตำแหน่ง กลายเป็นผลพลอยได้ที่มีข้อดีอย่างมากกว่าข้อเสียของเกียร์เหล่านี้
แล้วเกียร์ ออโต้ 4 สปีด ล้าสมัยจริงไหม …
ถ้ามองรถยนต์ใหม่ๆ ที่ทำตลาดในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน เราไม่เห็นการใช้ระบบเกียร์ออโต้ 4 สปีดกันแล้ว และชุดเกียร์ที่แนะนำในวันนี้กับรถยนต์นั่งขนาดเล้กจนถึงคอมแพ็คคาร์ส่วนใหญ่ เปลี่ยนไปเป็นระบบเกียร์ CVT หรือไม่ก็ออโต้ 6 สปีด กันหมดแล้ว
ด้วยประการชะนี้ทำให้คนจำนวนมากมองว่า เกียร์ออโต้ 4 สปีด เป็นเทคโนโลยีโบราณ เนื่องจากรถเกียร์ออโต้ 4 สปีด มีมานานกว่า 20-30 ปีแล้ว และปัจจุบันมีรถยนต์น้อยรุ่นที่ใช้ระบบเกียร์ออโต้ 4 สปีด เหลือเพียงไม่กี่รุ่นในตลาด แถมบางรุ่น ยังยอมเปลี่ยนไปใช้ระบบเกียร์แบบใหม่ที่ประสิทธิภาพมากกว่า อาทิ Toyota Vios ใหม่ ที่เปลี่ยนทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ เมื่อปีกลายหลังใช้เครื่องยนต์ 1 NZ-FE และออโต้ 4 สปีด มาตั้งแต่เจนเนอร์เรชั่น
หากแต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ คือว่า คนส่วนใหญ่ที่เคยขับรถเกียร์ออโต้ต่างคุ้นเคยกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ค่อนข้างมาก แถมในแง่การบำรุงรักษาก็ค่อนข้างง่ายพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้น ในบางแง่มุมมของการใช้รถยนต์ที่มีอัตราทดเกียร์มากเกินไป อาจจะไม่ตอบโจทยืในการใช้งานในบางพื้นที่อาทิ รถยนต์รุ่นนั้นๆ ต้องการออกแบบให้ใช้งานในเมืองเป็นสำคัญ การออกแบบชุดเกียร์ให้มีอัตราทดจำนวนมาก อาจฟังดูดี แต่เมื่อนำมาขับใช้งานจริง รถอาจจะใช้ชุดเกียร์ไม่หมดครบทุกอัตราทด เช่นอาจจะใช้เพียง 5 เกียร์ จาก 6 เกียร์ เนื่องจากมีการเซทอัตราทดต่ำมาก จึงทำให้ใช้เกียร์ได้ไม่เต้มประสิทธิภาพ
ดังนั้นในแง่มุมของวิศวกรบางบริษัท จึงคิดหาทางใช้งานระบบเกียร์ให้เต็มประสิทธิภาพ โดยดูจากรอบพละกำลังของเครื่องยนต์ และความต้องการในการสร้างรถยนต์รุ่นนั้น
จึงไม่แปลกที่ระบบเกียร์ออโต้ 4 สปีด จะยังอยู่บ้างในตลาด แม้จะมีจำนวนน้อยมากก็ตาม เนื่องจากรถบางรุ่นอาจจะต้องการให้ตอบสนองต่อการใช้งานความเร็วต่ำ ขับในเมืองมากกว่า และอาจต้องการเพียงเดินทางไกลได้บ้างในความเร็วที่เหมาะสม
ตลอดจนด้วยความคุ้นเคยของคนกับชุดเกียร์แบบนี้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนรู้วิธีการขับใหม่ รวมถึงอัตราทดที่ห่างโดดกันแต่ละเกียร์อยู่แล้ว ช่วยให้ออโต้ 4 สปีด มีอัตราเร่งที่ค่อนข้างดี ตอบสนองเร็วในระดับหนึ่ง ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่สูงมากด้วย
ในวันนี้ถ้าคุณคิดว่ารถยนต์เกียร์ออโต้ 4 สปีด มันและดูล้าสมัย ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อนับว่ารถยนต์รุ่นใหม่มีระบบเกียร์รุ่นใหม่ หรือมีอัตราทดมากกว่า ทว่าบางทีเราเองก็ต้องมองถึงลักษณะการใช้งานของรถรุ่นนั้นๆ ด้วยว่ามันออกแบบมาเพื่อขับใช้งานลักษณะใด และมันตอบโจทย์การใช้งานเราหรือไม่ เพราะท้ายสุดแล้วเครื่องและเกียร์ต้องทำงานสัมพันธ์กัน