การใช้งานรถยนต์เป็นประจำ สิ่งที่ตามมาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย คือการดูแลรถยนต์ที่เราใช้ให้มีสภาพการใช้งานเป็นปกติ มั่นใจได้ทุกครั้งที่ไปนั่งหลังพวงมาลัย เรื่องราวการดูแลรถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็มักจะมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการดูแลรถบ่อยครั้งว่า เราควรไปที่ใด
เรื่องราวของ อู่นอกกับศูนย์บริการ เป็นสิ่งที่หลายคนต่างคิดไม่ตก เมื่อต้องมาดูเงินในกระเป๋าที่ต้องเจียดมาใช้ดูแลรถยนตืที่ใช้งานอยู่ เมื่อเทียบกับอู่นอกที่สามารถขับเข้าไปใช้บริการที่ไหนก็ได้ตามความสะดวกของแต่ละคน สิ่งที่เหมือนกันอาจจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษารถให้อยุ่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมใช้งาน แต่มันแตกต่างกันอย่างไร บ้างรู้ไหมครับ
ศูนย์บริการ
หลังคุณรับรถใหม่ไปใช้อย่างสบายใจ ฝ่ายบริการหลังการขายก็จะตามติดคุณทันที เพื่อให้รถของคุณได้รับการตรวจเช็คจากช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกต้อง และพร้อมใช้งานเสมอ
หน้าที่ศูนย์บริการ ก็คล้ายๆ อู่ทั่วไป คือ ให้บริการตรวจเช็ต ตรวจซ่อมรถยนต์ที่เราใช้งาน แต่ศูนย์บริการในปัจจุบันมีดีกว่าอู่ทั่วไปหลายประการ ตั้งแต่เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจซ่อม ไปจนถึงความสามารถขิงทีมช่างที่ได้รับการฝึกอบรมจากทางผู้ผลิตสม่ำเสมอ นอกจากนี้ด้วยศูนย์บริการจะให้บรอการเฉพาะรถยี่ห้อของตน ทำให้ช่างที่ทำงานค่อนข้างมีความชำนาญการค่อนข้างมากในการปฏิบัติงาน ช่วยให้คุณวางใจได้เมื่อเข้ารับบริการ
นอกจากความมั่นใจในการทำงานของช่างแล้ว คุณจะยังมั่นใจอีกว่า รถคุณเมื่อเข้าศูนย์บริการ จะมีการตรวจเช็คที่ถูกต้อง ด้วยการเช็คตามรายการตรวจเช็คตามระยะทางการใช้งาน หรือ ผมมักช่องเรียกว่าซ่อมเป็นแพ็คเกจ อาทิ ทุก 10,000 กิโลเมตร คุณอาจจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ แต่เมื่อถึงระยะ 40,000 กิโลเมตร ศูนย์บริการจะมีรายการตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนที่เสื่อสภาพให้คุณ อาทิ
-ตรวจ ท่อทางเดินน้ำมัน
-ตรวจสอบผ้าเบรก
-เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง
-น้ำมันเกียร์
-ตรวจสอบ น้ำหล่อเย็นหม้อน้ำ
การตรวจสอบเป็นชุดแบบนี้มีข้อดี คือรถคุณจะได้รับการบริการอย่างเต็มที่ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น ตลอดจน อะไหล่หรือน้ำมันที่ใช้ ก็ได้รับการการีนตีจากผู้ผลิต และมั่นใจได้เลยครับว่าไม่มีอะไหล่ปลอม หรืออะไหล่เทียบใส่เข้าไปในรถคุณแน่ๆ จึงมั่นใจค่อนข้างมากในการเข้ารับบริการ แต่ก็มักจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสุงเมื่อเทียบกับอู่นอก เนื่องจากการเข้ารับศูนย์บริการ โดยส่วนใหญ่จะคิดต่าใช้จ่ายในการทำงาน เป็นรายชั่วโมง โดยประเมินจากการทำงานจริง
เช่น สมมุติ ผมนำบิ๊กไบค์ Honda CB500X เข้าศูนย์บริการ ชั่วโมงทำงานจะเริ่มขึ้น เมื่อรถถูกนำเข้าไปรับบริการ ตามความประสงค์ของเจ้าของ ทำงานเสร็จเมื่อไร จึงคิดค่าแรงออกมา โดยดูตามเวลามาตรฐานของการให้บริการ ผิดกับอู่นอก ที่มักทำงานโดยคิดตามค่าใช้จ่ายแบบเหมาะ เช่น กรณีเดียวกัน ช่างอาจจะคิดค่าบริการเพียง 200 บาท ไม่ได้ นับเป็นเวลาทำงาน
อีกประการที่สำคัญและจะลืมไมได้ คงไม่พ้นเรื่องการรับประกันคุณภาพตัวรถ โดยเฉพาะบรรดารถใหม่ อย่างเผลอไปเข้าอู่นอกเชียวนะครับ เพราะอาจจะทำให้การรับประกันขาดได้ ในระยะ 3 ปี 100,000 กิโลเมตร เป็นระยะที่ทางผู้ผลิตรถยนต์รับประกันคุณภาพตัวรถ โดยหากเกิดการเสื่อมสภาพ สึกหรอ จากความบกพร่องของอุปกรณ์หรือคุณภาพการผลิต เราในฐานผู้บริโภคมีสิทธิที่จะสามารถเรียกร้องขอเปลี่ยนให้แก้ไขได้ ซึ่งถ้าคุณไปเข้าอู่นอกตั้งแต่เริ่มต้น ผู้ผลิตมีสิทธิขอปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ดังนั้น จึงอาจกล่าวสรุปได้ว่า ถ้ารถคุณเป็นรถใหม่สมควรจะต้องเข้ารับบริการที่ศูนย์บริกาจนกว่าจะพ้นในระยะการรับประกันคุณภาพ และยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถอย่างมั่นใจ ดูแลโดยช่างที่เชี่ยวชาญที่ฝึกอบรมจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง
อู่นอก
กล่าวถึงอู่นอกในยุคนี้ หลายคนอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยเท่ากับการรับบริการที่ศูนย์บริการ มากนัก ถึงหลายปีที่ผ่านมาอู่นอกจะถูกค่อนแคะ เรื่องความสามารถในการให้บริการอย่างมกา แต่อู่นอกก็มีการให้บริการหลายระดับตามราคา รวมถึงคุณภาพสินค้า ก็ไม่ได้เป็นรองศูนย์บริการนัก
อู่นอกที่คนทั่วไปมักเข้าไปใช้บริการ โดยมากก็มี อยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1.ศูนย์บริการอิสระมาตรฐาน อู่นอกกลุ่มนี้ เป็นพวกบริษัทอะไหล่รถยนต์มาเปิดเองให้บริการ โดยเน้นนำเสนอสินค้าของตน อาทิ Bosch Service Center, B-quick, Cockpit ช่างในอู่แบบนี้จะทำงานคล้ายกับการทำงานของศูนย์บริการรถยนต์ มีการตรวจเช็คที่เป็นมาตรฐาน มีรายการตรวจสอบที่แน่นอน แตกต่างเพียง อาจไม่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่ากับบรรดาช่างในศูนย์บริการรถยนต์เฉพาะยี่ห้อ
2.อู่ทั่วไป คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของอู่ทั่วไปมากนัก เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี แต่อู่ทั่วไปก็มีหลายระดับ และปัจจุบันอู่ทั่วไปดีๆ มีความเชี่ยวชาญ ก็สามารถทราบได้จากบรรดากลุ่มผู้ใช้ ซึ่งจะแวะเวียนเข้าให้บริการอู่ประจำเสมอ
อู่ทั่วไปเหล่านี้ บางอู่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าช่างในศูนย์บริการเนื่องจากรับตรวจซ่อมเฉพาะยี่ห้อเช่นกัน แต่อาจจะขาดความพร้อมเครื่องมือที่ใช้ทำงานเมื่อเทียบกับศูนย์บริการทั้งหลาย
อย่างไรก็ดีเมื่อนับว่าราคาค่าใช้จ่ายในการรับบริการเทียบกับศูนย์บริการมีความแตกต่างกันอย่างมากกว่าครึ่งต่อครึ่ง ไม่ว่าจะค่าแรง หรือค่าอะไหล่ ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ามาก ยิ่งกับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 3 ปี ขาดระยะรับประกันคุณภาพไปแล้ว การเข้าอู่นอกอาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้
การเลือกเข้าศูนย์บริการ หรืออู่นอก ล้วนแล้วแต่มีความดีแตกต่างกันไป และคุณในฐานะเจ้าของรถควรจะเลือกการเข้ารับบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา รวมถึงต้องได้รับความมั่นใจ ตลอดจนความปลอดภัยในการใช้งานด้วยครับ