ถ้ากล่าวถึงบรรดารถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวออกมาในทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนคงสนใจเทคโนโลยียังใหม่ๆ ที่พรั่งพร้อมตอบสมรรถนะ และโจทย์ในการใช้รถดีขึ้น หากเมื่อกลับมาที่รถ เราต่างรู้ดีมันยังใช้งานได้ดีไม่ดื้อไม่งอแง แต่เหลียวมองเรือนไมล์ เฮ้ย!! มันจะแสนกิโลเมตรแล้วนี่ พลันคิดก็คงต้องถึงเวลาแห่งการจากลากันเสียแล้ว
ระยทาง 100,000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนรถใหม่ เป็นประเด็นที่เชื่อว่า หลายคนบางทีก็ตั้งคำถามว่าเราควรจะเปลี่ยนรถยนต์ทุกๆ 1 แสนกิโลเมตรจริงหรือไม่
ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนรถ ทุกๆ ที่เกิน 1 แสนกิโลเมตร หรือ ก่อนเข้าระยะแสนกิโลเมตร มีมาตั้งแต่ครั้งอดีตเก่าเล่าเรื่องรุ่นพ่อ ในยุคก่อนรถยนต์มาพร้อมความต้องการการดูแลรักษาค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยแบบในปัจจุบัน ทำให้การตรวจสอบตัวรถต่างๆ ต้องทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ คล้ายๆ ว่าได้หมอดี รถก็อยู่ในสภาพดีใช้ได้นาน รวมถึงคุณภาพของอะไหลชิ้นส่วนต่างๆ ก็นับว่าไม่ดีเท่าปัจจุบัน อาทิ น้ำมันเครื่อง ซึ่งปัจจุบันเป็นแบบสังเคราะห์ 100% หมดแล้ว ทำให้ในยุคก่อน เมื่อรถยนต์ใช้งานนานๆ จึงอาจเสื่อมถอยเร็วกว่าในปัจจุบัน
อีกประการที่ทำให้คนมองถึงการเปลี่ยนรถทุกๆ แสนกิโลเมตร คงไม่พ้นการรับประกันคุณภาพสินค้า ในปัจจุบันใช้คุณภาพมาตรฐาน 3 ปี 1 แสนกิโลเมตร เหมือนกันแทบทุกยี่ห้อ
การรับประกันดังกล่าว ช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจในการใช้งาน โดยเฉพาะในกรณีชิ้นส่วนเสียหายหรือสึกหรอ ในช่วงเวลารับประกัน ผู้ใช้สามารถทำเรื่องของเคลมตามปัญหาที่พบ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในกรณีพบอุปกรณ์ชิ้นส่วนเสียหายจากการใช้งานของเรา ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าอะไหล่โดยไม่จำเป็น
ความดีความชอบดังกล่าวยังไม่เท่ากับการตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่รถซ่อมหนัก เมื่อพ้นระยะ 1แสนกิโลเมตรขึ้นไป ตามปกติแล้ว ในอดีตรถยนต์เมื่อถึงระยะ 1 แสนกิโลเมตร จะต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่เรียกว่า “สายพานไทมมิ่ง” สายพานชุดนี้จะเสื่อมสภาพในระยะ 1 แสนกิโลเมตรโดยประมาณ ซึ่งเจ้าของรถจะต้องเข้าเปลี่ยนชิ้นส่วนดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากหากสายพานเสื่อมสภาพจนขาด จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ตลอดจนการเข้าเช็คระยะเพื่อเปลี่ยนสายพานไทมมิ่งนั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงหากเปลี่ยนในศูนย์บริการ เนื่องจากช่างจะต้องถอดประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมากในระดับหนึ่ง แต่ปัจจุบัน ทีมวิศวกรรถยนต์ลดปัญหาดังกล่าวด้วยการเปลี่ยนมาใช้โซ่ในการขับชุดเพลาแทน ทำให้ไม่จำเป็นต้องถอดเปลี่ยนสายพานอีกต่อไป และช่วยให้การดูแลเครื่องยนต์ง่ายมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การบำรุงรถยนต์ใช้งานหนัก ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณจำเป็นต้องดูแล อาทิระบบส่งกำลังซึ่งหากใช้งานบ่อยก็อาจจะเสื่อมสภาพได้ ไว รวมถึงระบบกันสะเทือนตัวรถ ที่อาจจะต้องเปลี่ยนในเร็ววัน เนื่องจากรถมีระยะทางมาก และระบบโช๊คอัพ ผ่านการใช้งานมานาน
ค่าใช้จ่ายบางอย่างอาจสูงมาก เมื่อเทียบว่าเอาค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปซื้อรถใหม่ สำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันน่าจะคุ้มกว่า หรือไม่ แทนที่จะต้องคอยมานั่งซ่อมรถให้พร้อมใช้งาน ตลอดจนรถใหม่ ยังมีดีในเรื่องความวางใจในการใช้งาน ไม่งอแง ไม่ตายกลางทาง ให้ชีวิตป่วนวุ่นวายใจ
แต่รถเก่าระยะทางเกิน 1 แสนกิโลเมตร ก็ขับได้ดีได้ถ้าคุณรู้จักดูแลพวกมันเป็นอย่างดี ทุ่มทุนในการบำรุงรักษารถตามที่สมควรจะเป็น อย่าปล่อยปละละเลย ยามที่มีชิ้นส่วนจะเสียแล้วต้องเปลี่ยน ตามคำแนะนำของช่างหรือ ศูนย์บริการ การทำตามคำแนะนำช่วยลดปัญหาในการใช้งานได้ดี และทำให้รถคุณมีสภาพพร้อมใช้งาน
ในวันนี้การใชรถยนต์จนมีระยะทาง 1 แสนกิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ถ้าคุณรู้จักดูแลพวกมัน เป็นอย่างดี จนคุณอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถใหม่ในเร็ววันนี้
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com