MPV หรูในบ้านเรานั้นมีตัวเลือกน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในโลก นั่นทำให้การนำเข้า Toyota Alphard กับ Vellfire ของเหล่าเกรย์มาร์เก็ตสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ แม้ว่าจะผ่านไปนานเป็นสิบปีแต่รถรุ่นนี้ก็ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้สองรถตู้หรูได้ปรับโฉมใหม่ให้ดุดัน แรง ประหยัด และปลอดภัยกว่าเดิม ซึ่งเราคาดว่าอีกไม่นานนักคนไทยก็มีโอกาสได้จับจองรถคันนี้อย่างแน่นอน
25 ธันวาคม 2017 วันคริสมาสต์ที่ทางโตโยต้าได้มอบของขวัญชิ้นใหม่ที่ใหญ่โตให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดเผย Toyota Alphard กับ Vellfire รุ่นปรับโฉมหน้าใหม่ ซึ่งเจ้า MPV สายหรูสองคันนี้มีด้านหน้าที่ถูกขัดเกลาให้ดูดุดันหรูหรากว่าที่เคย ด้วยการใช้วัสดุโครมเมียมตกแต่งอยู่บริเวณกระจังหน้ารวมถึงส่วนต่างๆ รอบคัน ยิ่งไปกว่านั้นไฟหน้าแบบแอลอีดียังมอบความโฉมเฉี่ยวสวยงามไม่ซ้ำใคร นอกจากนี้ไฟท้ายแอลอีก็มีการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน
ตามสไตล MPV ที่ส่วนใหญ่จะเน้นหนักในเรื่องความหรูหรา กับ Alphard และ Vellfire คุณจะพบกับการออกแบบแผงหน้าปัดใหม่ ตั้งแต่วัสดุหุ้มเบาะหนังรวมไปถึงลายไม้ให้เลือกเป็นออปชัน ขณะเดียวหนังหุ้มเบาะแบบ Nappa สีขาวขาวดำได้ถูกเพิ่มอยู่ในรายการอุปกรณ์เสริม ส่วนโมเดล Wellcab ที่มีไว้สำหรับการรับส่งผู้สูงอายุหรือผู้พิการยังมีกลไกการขึ้นลงใหม่สำหรับเบาะนั่ง เพื่อลดภาระในการพาผู้โดยสารขึ้นรถ และเบาะนั่งยังช่วยให้สามารถเข้าออกและออกจากที่จอดรถได้ง่ายขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดของการปรับโฉมรถตู้หรูครั้งนี้ก็คือการเพิ่มระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เจนฯ 2 ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถทุกระดับ ซึ่งระบบนี้เพิ่งถูกเปิดตัวต่อประชาชนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยภายในมีระบบความปลอดภัยเช่น ระบบแจ้งเตือนการชนพร้อมการเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบคนเดินถนนและคนปั่นจักรยาน รวมไปถึงระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนทั้งในทางตรงหรือโค้ง กับระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรล่วงหน้า และปิดท้ายด้วยระบบแจ้งเตือนรถติดด้านหน้าพร้อมไฟจราจร
ประเด็นของขุมพลังหลักก็คืออีกสิ่งที่เป็นไฮไลต์ไม่แพ้กับระบบความปลอดภัย เพราะภายใตฝากระโปรงของ Alphard กับ Vellfire มีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน V6 รหัสใหม่ 2GR-FKE ขนาด 3.5 ลิตรที่จ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงสู่ห้องเผาไหม้ ซึ่งทางผู้ผลิตระบุว่าเครื่องบล็อกนี้ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ทว่ารายละเอียดของแรงม้ากับแรงบิดยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ แต่พวกเขาบอกแค่เรื่องความประหยัดน้ำมันที่อยู่ราว 10.4-10.6 กิโลเมตรต่อลิตร หากเทียบกับโมเดลก่อนที่ทำได้ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตรก็นับว่าาน่าสนใจเลยทีเดียว
ในโมเดลเครื่องยนต์ V6 ได้เปลี่ยนชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดไปเป็นแบบ Direct Shift 8 สปีด ขณะที่เครื่องเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตัน จะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ส่วนรุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์ Atkinson ขนาด 2.5 ลิตรขนาด 150 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 141 แรงม้า และมอเตอร์ที่ล้อหลังให้แรงม้า 67 ตัว เพื่อปั่นกำลังสู่พื้นผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นั่นทำให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 19.4 กิโลเมตรต่อลิตร
ใครที่สงสัยว่ารถสองคันนี้ยังคงนุ่มย้วยเหมือนเดิมไหม? เราคาดว่าคงจะย้วยน้อยกว่าหรืออาจขับดีขึ้น เพราะทางผู้ผลิตได้ออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ที่เชื่อมชิ้นส่วนตัวรถด้วยกาวแก้วที่มีความแข็งสูง ส่งผลให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้นแถมยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ และมอบความสบายในการโดยสารได้ดีกว่าเดิม
Toyota Alphard กับ Vellfire มีรุ่นย่อยให้เลือกหลากหลาย เริ่มด้วยระดับหรูสุด Executive Lounge แบบ 6 ที่นั่งที่มีอยู่ในรุ่น Aero ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็มี Alphard Executive Lounge S และ Vellfire Executive Lounge Z ส่วนลูกค้าคนไหนต้องการความประหยัดหรือรักษ์โลกก็มีรุ่น Hybrid Aero, Alphard Hybrid S และ Alphard Hybrid Z ให้เลือกได้ตามต้องการ
เราคิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้บรรดาเกรย์มาร์เก็ตต้องรีบชิง Alphard กับ Vellfire รุ่นปรับโฉมมาขายในไทย แต่ความยากก็มีอยู่ว่าพวกเขาจะสามารถแย่งรถมาจากดีลเลอร์ในญี่ปุ่นได้หรือไม่ เพราะ MPV สองรุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามที่แดนปลาดิบไม่แพ้บ้านเรา
ช่วยเป็นกำลังใจให้เรา