ช่วงหลายปีทีผ่านมา การเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์ถือว่าแตกต่างมาก เมื่อเทียบกับราวๆ 10 ปีก่อนหน้านี้ การเข้ามาของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ๆ ช่วยให้คนเข้าถึงรถกลุ่มนี้มากขึ้น ประกอบกับชีวิตคนในปัจจุบัน ก็มีวิถีเปลี่ยนไปด้วย
ในบรรดารถยนต์ที่ดูเหมือนจะตกที่นั่งลำบากอย่างช่วยไม่ได้ ดูจะไม่พ้นรถยนต์นั่งขนาดกลางประเภท 4 ประตู หรือกลุ่มซีดานกลาง ซึ่งบ้านเราเรียกรถกลุ่มนี้ว่า “D Segment” รถกลุ่มนี้เดิมทีเป็นรถหรูใช้แสดงสถานะสังคม สำหรับคนที่เริ่มจะมีพอกินพอใช้ แต่ยังไม่อยากจะขึ้นไปจับรถหรูจากแบรนด์ยุโรป หากภายหลังตลาดที่เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ประเทศต้นทางที่นิยมรถกลุ่มนี้อย่างสูง สหรัฐอเมริกา เริ่มเปลี่ยนแปลงมาเป็นรถยนต์ครอบครัวพื้นฐานตาม และในอนาคตเราอาจจะไม่เห็นรถซีดานขนาดกลางออกมาจำหน่ายอีกต่อไปในอนาคต
ตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงทั่วโลกกำลังส่งผลถึงจริตการซื้อของคนไทยด้วย จากตัวเลขยอดขายตลอดทั้งปี 2017 ต่างบ่งชี้ถึงความนิยมรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น ขณะที่ตัวเลขรถยนต์ขนาดกลางกลับถดถอยลงไป
ตัวเลขที่แม้แต่ค่ายสูงสุดอย่าง Toyota ที่มีรถยอดนิยมอย่าง Toyota Camry เหลือขายเดือนละ 300 กว่าคัน ตลอดจน Honda Accord เหลือเพียง 266 คัน และ Nissan เหลือเพียงเดือนละ 30 กว่าคัน ตามรายงานยอดขายรถยนต์ของเว็บไซต์ Headlightmag.com บ่งชี้ว่า ตลาดกลุ่มนี้กำลังจะไปไม่รอดและรอวันตายหายไปจากประเทศไทยในอีกไม่นานนี้
และทางฮอนด้าดูเหมือนจะเป็นค่ายแรกที่ออกมาประวิงเวลารอดูสถานการณ์ทิศทางลม โดยเราเคยได้รับทราบว่า ทางฮอนด้า ประเทศไทย ยังไม่มีแผนในการเปิดตัวรถยนต์นั่งซีดานกลาง Honda Accord ใหม่ ในไทย ภายในปีพ.ศ. 2561 นี้ ส่วนทางโตโยต้าก็ยังดูเงียบ ไม่มีทีท่าว่าจะนำ Toyota Camry ใหม่ เข้ามา แต่ด้วยยยอดขายที่ดีตลอดต่อเนื่อง ก็ยังพอจะมีหวังอยู่บ้าง ยิ่งกว่านั้นทาง นิสสัน ที่มีรถยนต์ Nissan Altima ญาตห่างๆ ของ Nissan Teana ก็ยังไม่เปิดตัวรุ่นใหม่ทำตลาด ทั้งที่ในอเมริกา ขายมาจะ 2 ปีแล้ว ด้วยซ้ำไป
ประเด็นหนึ่งที่ทำให้ตลาดรถยนต์ซีดานกลางพังพาบและยอดขายหดหายไม่เพียงแต่การเจริญเติบโตของรถยนต์อเนกประสงค์ในวันนี้เท่านั้น หากยังรวมถึงการที่แบรนด์รถยนต์ยุโรปชั้นนทั้งหลาย เริ่มสร้างรถยนต์ขนาดเล็กลงมากขึ้น
ค่ายรถยนต์ชั้นนำอย่าง Mercedes Benz เพิ่งจะเปิดไลน์อัพผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกกลุ่มนี้ว่า New Generation Compact Car กลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กสมรรถนะดี ในราคาไม่แพงกลายเป็นกลุ่มใหม่ที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยสนใจ คิดเสียง่ายๆ ว่า อย่างน้อยก็มีโอกาสขับรถแบรนด์หรู ถึงจะไม่ได้ดูภูมิฐานมากมาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีความเป็นแบรนด์หรูลงมาแล้วดูดี
ทางด้าน BMW ก็มีรถยนต์กลุ่มนี้ในกลุ่ม BMW Series 1 เช่นกัน และแบรนด์ที่ดูจะรีดยอดขายจากรถยนต์ซีดานกลางไปได้ค่อนข้างมากดูจะเป็น Volvo โดยในตลอดช่วงที่เริ่มวางจำหน่ายรถยนต์ Volvo V40 คอมแพ็คคาร์ขนาดเล็กของบริษัท พวกมันสามารถตอบลูกค้าได้ถึงความหรูหรา ในราคาเพียง 1.89 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระดับ 2 ล้าน กับรุ่น Cross Country
ถึงพื้นที่ในการใช้สอยจะน้อยลงกว่าซีดานกลาง แต่ก็ยังมีฟังชั่นจำเป็นครบครันต่างๆ มากมาย รถบางรุ่นเน้นสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ซีดานกลางจากญี่ปุ่นที่มีเครื่องยนต์กำลังสูงสุดไม่เกิน 180 แรงม้า ถึงแม้จะมีการส่งรถรุ่นไฮบริดออกมาวางขายในช่วง 2-3 ปีทีผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
ยิ่งเมื่อนำฟังชั่นไปเทียบหาความคุ้มค่ากับรถยนต์อเนกประสงค์ ซีดานกลางได้เรื่องขนาดพื้นที่การใช้งาน และความสบายในการโดยสารตลอดจนความหรูหราเท่านั้น เมื่อถูกเปรียบถึงการขนสัมภาระ ความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสาร ถือว่าน้อยกว่า และคุ้มกว่าถ้าซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ที่อาจจะเล็กกว่า แต่ก็ตอบโจทย์มากกว่า
ภาพเดียวกันนี้ก็กำลังชัดมากขึ้นบนเวทีโลก ตลอดหลายปีที่ผ่านมารถยนต์อเนกประสงค์เป็นรถที่ขายดี แต่ซีดานกลางกลับทรุดลงเรื่อยๆ รถยนต์ซีดานกลางใหม่ๆ อย่าง Toyota Camry ในอเมริกา หนีตายด้วยการเน้นขายเพียงรุ่นไฮบริดและรุ่นสมรรถนะสูง ผันตัวสูงรถสำหรับผู้บริหารอย่างแท้จริง
ส่วน Honda Accord ก็ผันตัวสู่รถที่มีความหรูหราและทันสมัย พร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูง เช่นเดียวกับทาง Mazda ที่เพิ่งปรับ Mazda 6 ไป โดยใช้เครื่องยนต์ Mazda CX-9 เข้ามาตอบโจทย์ ทำให้รถ Mazda6 ตัวท๊อปเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงขึ้น ก็ตอบโจทย์แก่ลูกค้าที่ดีขึ้น
แต่ในอนาคตซีดานกลางจากผู้ผลิตญี่ปุ่นและอเมริกาดูน่าจะมีความสำคัญน้อยลงอย่างมาก จนขนาดค่ายวงรีสีน้ำเงินอย่าง Ford ประกาศยกเลิกการพัฒนาโครงการ Ford fusion ใหม่ที่เดินหน้ามาสักระยะหนึ่ง และจะออกวางจำหน่ายในปี 2020 กลางคัน
ชะตากรรมรถยนต์ซีดานกลางในวันหน้าดูจะค่อนข้างมืดมน คนที่ชอบรถยนต์ซีดานกลาง ขนาดสร้างความภูฐานดูจะมีแต่คนที่มีอายุเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อรถจากกลุ่มแบรนด์ยุโรปแล้ว ในวันนี้การเปลี่ยนแปลงในรถยนต์ซีดานกลางกำลังทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงสังคมที่เกิดขึ้น จนวันหน้าเราอาจจะไม่มีทางได้เห็นรถซีดานขนาดกลางเหล่านี้อีกเลยก็ได้
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com