ในบรรดารถรถยนต์ยุคใหม่ เทคโนโลยี “ไฮบริดเสียบปลั้ก” ดูจะเป็นความันสมัยที่เราจับต้องได้ในวันนี้ รถยนต์หลายรุ่นนำเสนอความล้ำหน้าในการใช้งาน ด้วยความละม้ายคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมการขับขี่แห่งโลกอนาคต ที่เริ่มมีขายมามายในต่างประเทศ หากคนด้วยข้อจำกัดในแง่การใช้งานต่าง ๆ ทำให้บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่มองว่า การจับเอาความสามารถในการใช้งานสุดล้ำ มาผสมกับความเข้าใจในปัจจุบัน น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่ากับผู้ใช้
ช่วงเวลา 2 -3 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่า เราน่าจะเห็นทางค่ายรถยนต์สัญลักษณ์ตราดาว Mercedes Benz เปิดตัวรถยนต์นั่งสุดหรูในตลาดพร้อมเทคโนโลยีไฮบริด ก่อนจะเริ่มเป็นผู้นำทางด้านรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั๊กในประเทศไทย พวกเขามีรถประเภทนี้ให้เลือกตั้งแต่ รุ่นเล็ก ใน Mercedes Benz C Class ไปยัน Mercedes Benz S class หากเมื่อมองกลุ่ม SUV รถอเนกประสงค์ที่กำลังได้รับความนิยม Mercedes Benz GLE 500E ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับลูกค้า ด้วยความทันสมัย และสมรรนถะในการขับขี่ที่ไม่ธรรมดา
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 5.3 วินาที จาก Mercedes Benz ฟังดูเจ้าอเนกประสงค์คันโตนี้ไม่น่าจะแปลงร่างเป็นรถสปอร์ตได้ เมื่อเทียบดูขนาดของตัวมันที่ใหญ่มหึมาภูมิฐาน และยิ่งใครซื้อสีดำดูแล้วน่าเกรงขามมากพอสมควรเลยทีเดียว
ตัวรถ Mercedes Benz GLE 500 e มันเป็นผลผลิตสืบทอดต่อจาก Mercedes Benz M Class รุ่นก่อนหน้านี้ หลังจากเปลี่ยนรหัสการเรียกกลุ่มอเนกประสงค์ใหม่ทั้งบริษัท โครงสร้างภายนอกตัวรถทั้งหมด ยังคงคล้ายคลึงกับเจ้า M Class แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนเพิ่มความดูน่าสนใจมากขึ้น อาทิกระจังหน้าใหม่ แบบ 2 ชั้น ไฟหน้าใหม่ พร้อมไฟ Day Time Running Light และการส่องสว่างยามค่ำคืนแบบ LED
เรื่องการออกแบบตัวตนรถยังคงคล้ายกับที่นำเสนอในรุ่น M Class เน้นความดูดีหรูหราและพร้อมลุย ในรุ่น AMG Dynamic ที่นำมาทดสอบ ทางค่ายตราดาวให้ล้อขอบ 21 นิ้วใหญ่เบิ้มมาจากโรงงาน พกยางขนาด 265/40/R 21 ตอบเรื่องการขับขี่อย่างมั่นใจโดยเฉพาะยาวต้องใช้ความเร็วสูง
บั้นท้ายรถดูสง่ามากขึ้นจากไฟท้าย LED เสริมความง่ายในการใช้งานด้วยประตูท้ายไฟฟ้า ทั้งคันดูมีเสน่ห์ผ่านชุดแต่ง AMG Body Styling เฉพาะรุ่น มาพร้อมท่อไอเสียเสนเลสคู่ พกซุ่มเสียงไม่ธรรมดาเอาไว้เมื่อคุณกดคันเร่งมิด
เปิดประตูก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร Mercedes Benz GLE 500e ค่อนข้างสูงสักหน่อย เมื่อเทียบกับอเนกประสงค์หรูหลายคันที่เคยผ่านมือ การก้าวขึ้นลงอาจจะมีลำบากบ้าง โดยเฉพาะถ้านึกถึงสตรีไทยไซส์มินิทั้งหลาย ที่อาจจะต้องก้าวระวัง เวลาขึ้นรถ
เข้ามาในห้องโดยสาร การตบแต่งตัวรถยังคงความน่าสนใจด้วยความภูมิฐานสุดๆ ลงตัวทุกมิติในการใช้งาน ด้วยการตบแต่งภายในสีดำทั้งคัน เบาะนั่งภายในเลือกใช้วัสดุหนัง Nappa บ่งความพรีเมี่ยมระดับไฮคลาสของตัวรถ รับการตบแต่งด้วยการออกแบบลายไม้แบบ Hi Gloss Black Wood มันดูดี และไม่ดูสูงวัยจนเกินไป ให้ความรู้สึกสปอร์ตอยู่ไม่น้อย
ตรงหน้าคนขับให้เรือนไมล์ปกติ บอกความเร็วบนหน้าปัดสูงสุด 260 ก.ม./ช.ม. ตรงกลางมีชุดจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะบอกสถานะการทำงานต่าง ๆที่จำเป็น
ส่วนตรงกลางคอนโซลหน้าเป็นระบบเครื่องเสียงความบันเทิง มีหน้าจอมาให้ใช้งาน ระบบ Comand Online ควบคุมใช้งานง่าย ทั้งยังรองรับ DVD 6 แผ่น ขับกล่อมด้วยพลังเสียงระดับพรีเมี่ยม Harman Kardon Logic 7 ฟังไพเราะทุกเส้นทางในทุกเพลง ถ้าคุณบิดปุ่มระดับเสียงให้มากหน่อยได้ความกระหึ่มเร้าอารมณ์ ผมยอมรับว่า ยังไม่มีโอกาสฟังเครื่องเสียงของเจ้า GLE 500e มาก จนบอกถึงคุณภาพได้แบบละเอียดยิบ หากสำหรับวัยรุ่นทั้งหลายคงชอบการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ที่มีในรถ ทั้งยังรองรับระบบเชื่อมต่อ Apple Car Play
เรื่องฟังชั่นการใช้งานอื่นๆ ก็เรียกว่ายังครบครัน ไม่ว่าจะเบาะไฟฟ้าคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมบันทึกท่านั่ง เผื่อสลับขับกับศรีภรรยา หรือคนขับรถของคุณ เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับในอัตรา 2/3 และ 1/3 หรือจะพับมันทั้งหมดก็ได้ตามต้องการ มันเพียงพอที่คุณจะโยนจักรยานเสือหมอบเข้าไปได้อย่างสบาย ส่วนที่นั่งเบาะนั่งมีพื้นที่เหลือเฟือให้นั่งอย่างสบาย ค่อนข้างใกล้เคียงกับ S class เพียงแต่มีพื้นที่วางขาน้อยกว่าสักหน่อย และช่วงล่างนิ่มนวลน้อยกว่าตามสไตล์อเนกประสงค์แค่นั่นเอง
จุดเด่นของ Mercedes Benz GLE 500e ก็คงหนีไม่พ้นแง่สมรรถนะการขับขี่ เมื่อช่วงต้นผมกล่าวไปแล้วว่า อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในรถคันนี้ เคลมที่ 5.3 วินาที มันเร็วขนาดนั้นก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก
ด้วยใต้ร่างสายหรูของ GLE 500e มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่ เพียงตัวเครื่องยนต์อย่างเดียวก็ทำกำลังแล้วกว่า 333 แรงม้าสูงสุดที่ 5,250-6,000 รอบต่อนาที กำลังแรงบิดมหากาฬไม่แพ้กันสูงสุด 480 นิวตันเมตร แถมมาในรอบต่ำ ตั้งแต่ 1,600-4,000 รอบต่อนาที
ส่วนทางด้านมอเตอร์ไฟฟ้าทิ่ติดตั้งเข้ามาเสริมทัพระบบไฮบริดก็ใช้ว่าธรรมดา ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 80 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากำลังจากเครื่องยนต์ 116 แรงม้า กำลังขนาดนี้เหมือนคุณมีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เป็นต้นกำลังที่ 2 พรั่งพร้อมด้วยแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 340 นิวตันเมตร บ่งชี้ความไม่ธรรมดา ด้วยทั้งระบบไฮบริดของ GLE 500e ให้กำลังขับสูงสุด 442 แรงม้า กำลังขนาดนี้สมัยก่อนถือว่าเป็นกำลังระดับเดียวกับเครื่องยนต์ วี 8 ทีเดียวเชียว
กำลังมหาศาลระดับรถสปอร์ตยังมีร้อง ร่างใหญ่พันธุ์ดุ Mercedes Benz GLE 500e หาได้มีดีเพียงความแรง อย่างมที่หลายคนอาจจะรู้สึกได้จากพละกำลังจากเครื่องยนต์ของเจ้ายักษ์คันนี้
จุดประสงค์สำคัญของการติดตั้งระบบไฮบริดเสียบปลั้กมาในอเนกประสงค์ของค่ายตราดาว ก็เพื่อตอบสนองลูกค้าในการใช้งานย่านความเร็วต่ำมากขึ้น แบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนขนาด 8.7 กิโลวัตต์ ที่ติดตั้งในรถ ช่วยเสริมความสามารถในการขับขี่เจ้านี่ ให้สามารถขับด้วยไฟฟ้าล้วน ๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ก็ได้ ในระยะทาง 30 กิโลเมตร โดยใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจนเต็มเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นหมายความถึง คุณสามารถขับรถได้ 30 กิโลเมตร โดยไม่เสียน้ำมันสักหยด หากคุณเสียบปลั้กชาร์จไฟฟ้า อเนกประสงค์คันนี้จนเต็ม
จากที่ลองขับดูในเมืองตามภาวการณ์ใช้งานจริง ไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่จะหายไปเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยในการขับขี่ของเราด้วย อาทิ บ้านเราอยู่ในเมืองขับออกมาเจอรถติดมหาโหด ไปไหนได้ไม่ไกล ไฟฟ้าก็ยังจะหายตัว เพราะมันใช้หล่อเลี้ยงระบบภายในตัวรถด้วย หรือในทางกลับกัน ถ้าคุณขับออกมาแล้ววิ่งด้วยความเร็วบนไฮเวย์ ซึ่งระบบสามารถทำความเร็วในโหมดไฟฟ้าล้วนได้สูงถึง 135 ก.ม./ช.ม จากที่ลองขับ ประจุในแบตเตอร์รี่ก็หายเร็วเช่นกันถ้ายิ่งใช้ความเร็ว
ดังนั้นถ้าถามว่า 30 กิโลเมตรขับด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นจริงหรือไม่ ก็ยังตอบว่าจริง เพียงแต่ต้องขับด้วยความเร็วปกติ 80-90 ก.ม./ช.ม. และเดินคันเร่งเนียนๆ สักหน่อย จึงจะได้ระยะทางตามที่ทางบริษัทเคลม
ในช่วงขับขี่ด้วยไฟฟ้า Mercedes Benz GLE 500 e จะเงียบมากไร้เสียงรบกวน นับเป็นข้อดีในแง่สุนทรีย์ในการขับขี่ แถมการไม่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนในความเร็วต่ำ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง มันเพิ่มความสบายในการโดยสารจนคนรอบข้างอาจพร้อยหลับไปอย่างง่ายดาย
แต่ถ้าเกิดคุณขับเจ้ายักษ์ Mercedes Benz GLE 500e ออกจากบ้านโดยไม่ได้ชาร์จไฟฟ้า มันจะซดค่อนข้างโหดสักหน่อย จากที่ผมลองขับในเมืองโดยให้โจทย์ว่า ไม่ได้ชาร์จไฟฟ้าจากบ้านมาเลย มันทำอัตราประหยัดเพียง 5.91 กิโลเมตรต่อลิตร ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเจ้านี่มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร แถมยังพ่วงระบบเทอร์โบชาร์จคู่อีกต่างหาก ปานว่าเอาเครื่องรถสปอร์ตมาใส่ก็พอจะพูดได้ หากถ้าคุณชาร์จไฟฟ้าจากบ้านมาเรียบร้อยขับใช้งานจริงในเมือง อัตราประหยัดจะขยับขึ้นไปเป็น 7.75 กิโลเมตร/ลิตร จากการทดสอบของเรา
ได้เวลาทดสอบอัตราประหยัด Bonn Test Mode ผมชาร์จไฟฟ้ารถจนเต็มโดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงได้ระยะทางมา 30 กิโลเมตรเต็มๆ ด้วยการขับขี่ที่เลือกโหมด 4 โหมด คือ
Hybrid – ใช้การขับเคลื่อนระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด
E Mode – โหมดใช้ไฟฟ้าล้วนในการขับขี่ โดยใช้กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่เพียงอย่างเดียว รถจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%
E Save – เน้นการรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ เพื่อเก็บไว้ใช้ในภายภาคหน้า
Charge – โหมดชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ในขณะขับขี่เพื่อให้มีแบตเตอร์รี่เต็มประจุ เมื่อต้องการใช้งาน
ผมเลือกโหมด Hybrid ในการขับทดสอบ เนื่องจากเป็นทั้งค่าเริ่มต้น เมื่อคุณสตาร์ทรถ รวมถึงในการใช้งานจริงส่วนใหญ่ผู้ใช้ คงจะขับในโหมดนี้เป็นสำคัญ
การขับด้วยโหมดไฮบริดหลายอย่างจะค่อนข้างคล้ายกับรถไฮบริดทั่วไป การสลับใช้มอเตอร์ฟ้าและเครื่องยนต์ ตัดสินใจโดยหน่วยประมวลผลของรถ เมื่อเห็นว่าสมควรใช้เครื่องยนต์ในการขับขี่
จากที่สังเกตจะใช้เมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป และจะใช้เครื่องยนต์มากขึ้นเมื่อแบตเตอร์รี่เริ่มมีระยะทางขับได้ ต่ำกว่า 15 กิโลเมตร หรือจะบอกว่าต่ำกว่าในระดับ 50% อาจจะด้วยความต้องการใช้เครื่องยนต์ในการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอร์รี่ในทางหนึ่ง
ยังดีที่การตัดต่อระหว่างเครื่องยนต์กับการขับมอเตอร์ไฟฟ้าค่อนข้างเนียนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สิ่งเดียวที่จะบ่งชี้ว่ารถคุณใช้เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า คือหน้าปัดเรือนไมล์เข็มวัดรอบเครื่องยนต์ตรงหน้าคนขับเท่านั้น
ความประทับใจในการตัดต่อระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ดี หากในแง่การตอบสนองยามเหยียบแป้นคันเร่งรีดกำลังจากระบบขับเคลื่อน ก็ทำได้น่าประทับใจเช่นกัน ด้วยกำลังแรงบิดของเครื่องยนต์ที่มีให้ใช้ต่อเนื่อง ผสานกับกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า
ผมแปลกใจเล็กน้อยเมื่อคำนวณอัตราประหยัดการขับโหมดเฉลี่ยรวม พร้อมการชาร์จไฟฟ้า เจ้า Mercedes Benz GLE 500e ทำอัตราประหยัดได้ถึง 13.82 ก.ม./ลิตร แต่หากมาสรุปค่าใช้พลังงานจริง เราจะพบว่า คุณต้องเติมแบตเตอร์รี่ 8.7 กิโลวัตต์จนเต็ม โดยใช้ไฟฟ้าชาร์จ 2 ชั่วโมงจนเต็ม เท่ากับในการชาร์จไฟแต่ละครั้ง คุณจะต้องใช้ไฟฟ้า 17.4 หน่วยต่อครั้ง หรือทุกครั้งที่ชาร์จไฟฟ้า คุณจะเสียค่าไฟฟ้า 93 บาท โดยประมาณ (คิดจากพื้นฐานค่าไฟฟ้ารวมในที่อยู่อาศัย ต่อเดือนเกิน 150 หน่วย)
เมื่อนำมารวมกับอัตราเติมน้ำมันในระยะทางการทดสอบ Bonn Test Mode 64.9 กิโลเมตร เราเติมน้ำมันไป 4.693 ลิตร ( ณ วันที่ทดสอบ น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 มีราคาจำหน่าย 27.95 บาท/ลิตร) เท่ากับเราเติมน้ำมันไป 131 บาท เมื่อรวมกับการชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ 93 บาท เท่ากับ เรามีค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามการทดสอบรวม 224 บาท และในระยะทางทดสอบเรามีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 3.45 บาท ต่อกิโลเมตร
สรุป Mercedes Benz GLE 500e สมรรถนะได้โล่ เร่งโหดเร้าใจ
ตลอดหลายวันที่ใช้ชีวิตกับเจ้าไฮบริดเสียบปลั๊กร่างยักษ์สุดหรู ยอมรับว่าสิ่งที่ดีที่สุดของ Mercedes Benz GLE 500e กลับประทับใจในเรื่องสมรรถนะการขับขี่จากระบบขับเคลื่อนมากกว่าสิ่งอื่นใด
อัตราเร่งระดับน้อง ๆ รถสปอร์ตจากแบรนด์ชั้นนำในค่าย AMG ถือว่าไม่เลวเลย เมื่อดูเปรียบเทียบกับร่างยักษ์ใหญ่ของมัน จากที่ลองจับอัตราเร่งของ Mercedes Benz GLE 500e บนสภาพถนนลาดยาง นั่ง 2 คน เราพบว่ามันเร่งอยู่ในระดับ 6 วินาที อาจจะมากกว่าทางที่เมอร์เซเดสเคลม เนื่องจากอาจจะจับเวลา และสภาพถนน ตลอดจนน้ำหนักผู้ขับขี่ ต่างกัน หากการได้เลขตัวเดียวน้อยกว่า 7 วินาที ก็ยังไม่ธรรมดาอยู่ดี
แถมทางด้านระบบช่วงล่างก็ค่อนข้างตอบโจทย์ในการใช้งานหลากรูปแบบ ด้วยระบบ Dynamic Select เปลี่ยนการเซทช่วงล่างได้ตามใจผู้ขับขี่ และยังมีปุ่มปรับระดับช่วงล่างสูง/ต่ำ เผื่อใครต้องการเอามันไปลุย แต่เอาเข้าจริงระหว่างที่ผมขับทดสอบเจ้ารถคันนี้ กว่าร้อยละ 80% ใช้ช่วงล่างแบบสปอร์ตมากกว่า มันให้ความมั่นใจมากวก่ ในยามคุณต้องขับรถที่มีกำลังสูงสุดถึง 442 แรงม้า และเร่งเลขตัวเดียวได้สบายๆ
ช่วงล่างสปอร์ตจะแข็งกว่าช่วงล่างในโหมดคอมฟอร์ทพอสมควร และกลับกัน comfort ก็ให้การนั่งสบายมากกว่า และนุ่มนวลจนไปทางย้วย ถ้าคุณใช้ขับด้วยความเร็วสูงโหมดสปอร์ต จะตอบโจทย์ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และด้วยนิสัยประกอบกับขนาดตัวรถ การใช้โหมดสปอร์ตในการขับขี่ดูน่าจะตอบโจทย์ที่สุด
ถ้าถามว่า Mercedes Benz GLE 500e ประหยัดแค่ไหน ผมก็คงจะส่ายหน้า อาจจะด้วยขนาดตัวรถ และกำลังมหากาฬของมัน ทำให้รถรุ่นนี้ไม่ได้ประหยัดมากกว่าเลขตัวเดียวไม่ว่าคุณจะขับอย่างไรก็ตาม
สิ่งเดียวที่มันประทับใจอย่างมากคือสมรรถนะในการขับขี่ให้เต็มเต็งเด็ดสะระตี่ทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งไปจมมิด คุณจะไม่เชื่อตัวเองว่า รถพิกัดขนาดนี้สามารถไล่บี้รถสปอร์ตชั้นนำจากญี่ปุ่นได้สบาย แถมเสียงมั่นก็เร้าใจ ในแบบที่ไม่มีใครเหมือน เนื่องจากเป็นรุ่นเดียวในคลาสอเนกประสงค์เสียบปลั๊ก ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ วี 6
ดังนั้น..สิ่งเดียวที่สนองได้เหนือคำบรรยาย คือ “สมรรถนะ” มันอาจจะดีกว่าที่คุณกำเงินก้อนเดียวกันไปซื้อรถสปอร์ตตัวแรง ที่ใช้งานได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
โจทย์ของ Mercedes Benz GLE ผมเรียกมันว่า “3 อิน 1” คุณขับไปงานลงจากรถมาพร้อมความดูดีก็ได้ , คุณเครียดจากงานไปขับรถปลดปล่อยชีวิต ในวันว่างบนเส้นทางลุยหรือตามต่างจังหวัดก็ได้ หรือยามชีวิตเร่งรีบ เชื่อว่าจะไปตามนัดได้ทันเวลาได้ ถ้ารถไม่ติด
สำหรับผมมองว่า มันลงตัวกับทุกอย่างที่ผู้บริหารต้องการ เหมือนการกาข้อ ง. แล้วตอยว่าถูกทุกข้อ แม้ว่าจะไม่ได้เด่นด้านใด แต่ก็ครบเครื่องในการใช้งาน
ส่วนเรื่องความประหยัด ผมเชื่อว่า คนซื้อรถราคาระดับ 5 ล้าน ที่ต้องดาวน์รถ 1.28 ล้านบาท และผ่อนเดือนละ 5 หมื่นบาท คงไม่แคร์เท่าไรนัก ยิ่งเจ้านี่มีกำลังระดับ 400 แรงม้าจากโชว์รูม ถึงจะมีระบบไฮบริดมาช่วยแล้ว ก็คงจะถามหาเรื่องประหยัดยากอยู่….จริงไหม
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่ารถคันนี้จะแรงสมรรถนะสูงเร้าใจ แต่สิ่งที่เมอร์เซเดสเบนซ์ใส่ใจในบรรดารถไฮบริดคันนี้ โดยที่ไม่เคยพูดถึงในไทยมาก่อน คือการใส่ใจเมื่อรถถูกปลดระวางเลิกใช้งาน เชื่อไหมว่า ชิ้นส่วนกว่า 37 คอมโปเน้นในรถที่ทำจากวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงในรถรุ่นนี้ สามารถนำไปย่อยสลายและหมุนเวียนกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต หรือ Recycle ได้ อาทิ ซุ้มล้อ, มอเตอร์สตาร์ทแบตเตอร์รี่ รวมถึงกันชนของตัวรถ ทั้งหมดมีน้ำหนักชิ้นส่วนรวม 37 กิโลกรัม ที่สามารถนำไปผลิตใหม่ได้
ตลอดจนยังมีการใช้วัสดุประเภทปลูกทดแทนได้ จำพวกพลาสติกชีวภาพในรถยนต์ Mercedes Benz GLE 500e มากถึง 13.1 กิโลกรัม อาทิ พื้นในห้องสัมภาระบรรทุก เป็นต้น
จะว่าไป นี่คือรถที่เกิดมาสนองความต้องการของคนมีระดับ ชอบสมรรถนะตัวจริง ที่อาจจจะไม่อยากซื้อรถสปอร์ตมาขับ แต่ต้องการรถที่แรง ดูดีสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง และจากที่สัมผัส มันตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดีเกินคาด ในราคาน่าคบ เพียงแต่คุณอย่าหวังมากกับความประหยัดจากอเนกประสงค์คันนี้
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”448″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]