ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชทื่อว่าหลายคนน่าจะได้ยินกระแสรถยนต์ในอนาคต เครื่องยนต์สันดาปภายในกำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดในเวลาอันใกล้ พวกมันกำลังถูกแทนที่ด้วยนวัตกรรมใหม่ ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แม้นจะมีข้อกังขามากมาย รวมถึงความเหมาะสม ความยั่งยืนของการเปลี่ยนมาสู่ยุคยานยนต์ทันสมัย แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” เป็นการเปลี่ยนแปลงของจริง
การก้าวข้ามผ่านยุคเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ก่อให้เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะความพร้อมของระบบสาธารณูปโภครถไฟฟ้า ข้อจำกัดของเทคโนโลยี รวมถึง ราคาค่าตัวของรถที่อาจจะเรียกว่าแพงหูฉีก เมื่อขายจริง
แต่ก้น่าแปลกที่คนจำนวนมากสนใจ และบริษัทรถยนต์รวมถึงรถจักรยานยนต์หลายราย ต่างยอมรับและยินดีจะนำเสนอเทคโนโลยีรถยนต์ฟ้าออกสู่ตลาดตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ด้วยความเชื่อมั่นบางอย่างที่ทำให้พวกเขาปักใจเชื่อว่า เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าพร้อมแล้วสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย
การออกมาประกาศกร้าวของแบรนด์ Nissan ที่สิงคโปรล่าสุด เป็นเหมือนการชักธงรับลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ นอกเหนือจากตลาดจีน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมและขายดีอยู่แล้ว
แนวความคิดของนิสสันฟันธง 7 ประเทศ ที่มีศักยภาพพร้อมขายรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงประเทศไทยติดหนึ่งใน 7 ประเทศดังกล่าว แต่นิสสันก็ไม่ใช่ค่ายรถยนต์รายแรกที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา หากพวกเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นและเป็นบริษัทระดับโลกรายแรกที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจริงจังก่อนใคร
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2010 Nissan เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่พยายามนำเสนอนวัตกรรมขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า ออกสู่ตลาดประเทศไทย พวกเขานำ Nissan Leaf มาจัดแสดงในงาน Boi Fair 2011 พูดถึงนวัตกรรมขับเคลื่อนรถยนต์ในอนาคต
โดยภายในงานปีนั้นนอกจากนิสสันแล้ว ยังมี Mitsubishi Motor ประเทศไทย ที่เปิดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในเจ้า Mitsubishi I Miev เช่นกัน กระแสความสนใจรถไฟฟเริ่มตื่นตัสมากขึ้นในหมู่ประชาชน แต่ด้วยแนวนโยบายรถยนต์ขนาดเล็ก “อีโค่คาร์” ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มจางหายไปจากวงสังคม
ผิดกัยในต่างประเทศที่เฟื่องฟูเอามากๆ หลายประเทศให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้า จนมีการสนับสนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า การให้ส่วนลดทางภาษีเป็นการช่วยเหลือคนที่สนใจและอยากทดลองใช้รถไฟฟ้า
Nissan LEAF เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีทั่วโลก มียอดขายถึง 300,000 คัน ในรุ่นที่แล้ว และด้วยกระแสเดียวกันยังแจ้งเกิดบริษัทรถยนต์ระดับโลกรายใหม่อย่าง Tesla โดยเฉพาะ Tesla Model S สร้างชื่อเสียงต่อแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากอเมริการายนี้ จนกลายเป็นกระแสก่อให้เกิดบริษัทยุคใหม่ อาทิ Faraday Future, Uniti และ อีกมากมาย หันมาทำรถยนต์ไฟฟ้า
ในประเทศไทยเอง บริษัทลักษณะนี้ก็มีเกิดขึ้น ในชื่อ Fomm บริษัทรถยนต์ที่นำโดยอดีตวิศวกรของบริษัทรถยนต์ชั้นนำรายหนึ่ง หันมาทำรถยนต์ฟ้าขนาดเล็ก เน้นการตอบโจทย์การใช้งานในเมือง และวาดหวังว่าจะวางจำหน่ายในราคาไม่กี่แสนบาท กลายเป็นกระแสทำให้คนเริ่มสนใจมากขึ้น
จวบจนกระทั่งภาครัฐบาลเริ่มทานกระแสโลกไม่ไหว เล็งเห็นว่า Detroit of Asia จะล้าสมัยอยู่ในโลกยุคเก่าไม่ได้ จึงประกาศแผนสนับสนุนโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และรถไฮบริด แก่บริษัทที่เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย เป็นคำตอบว่า ในวันหน้ารถยนต์ไฟฟ้า จะต้องมาถึงไทยอย่างแน่นอน
ฟากฝั่งรถจักรยานยนต์เอง ถึงจะดูเงียบๆ แต่ 2 บริษัทรถจักรยานยนต์ชั้นต่างยืนยันว่า ในปีนี้ ประชาชนคนไทย จะมีโอกาสเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน
ความเคลื่อนไหวทางฝั่งสายสองล้อ ตั้งไข่มาตั้งแต่เมื่อปีกลาย เมื่อ Honda ประกาศความพร้อมในการวางจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฟ้าและไฮบริด จากพื้นฐานรถจักรยานยนต์ Honda PCX ซึงปัจจุบันใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี มีรายงานว่ารุ่นไฮบริดจะใช้เครื่องยนต์ 125 ซีซี พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า
ส่วนในรุ่นไฟฟ้าล้วน ถึงจะยังมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถน้อยมาก แต่ก็มีการเผยแนวคิดสุดประหลาด กับแบตเตอร์รี่แพ็ค ที่สามารถถอดออกแล้วเปลี่ยนหรือฝากไปแลกชาร์จไฟฟ้าได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น
ทางด้าน Yamaha ช่วงปีที่ผ่านมาก็เดินสายโปรโมท รถจักรยานยนต์ฟ้า โดยนำรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า E Vino เข้ามาเผยโฉม แต่ยืนยันแล้วว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัทไม่ใช่รถรุ่นนี้แน่
โดยเมื่อต้นปีในระหว่างงานแถลงนโยบายบริษัทในปี 2018 ทาง Yamaha ยืนยันว่า จะมีการวางจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแน่นอนในปีนี้ แต่ไม่มีการเผยรุ่นที่จะทำตลาด ผิดกับคู่แข่งที่เปิดตัวออกมาชัดเจน รอวันพร้อมวางจำหน่ายเท่านั้น
จนหลายสื่อคาดการณ์ไปล่วงหน้าว่ อาจจะเป็นรถสไตล์สกู๊เตอร์ที่มีขนาดใกล้เคียงคู่แข่ง หวยจึงคาดว่าน่าจะออกที่ Yamaha N Max ที่มาพร้อมเครื่อง 155 ซีซี มากกว่ารถรุ่นอื่นๆ
กลับมาทางฟากรถยนต์ ด้วยความพร้อมของนิสสัน และการออกมายืนยันการเตรียมเปิดตัวว่าที่ Nissan LEAF ทำให้นิสสัน จะเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกจากประเทศญี่ปุน ที่วางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าโดยผู้ผลิตตัวจริง
แต่ก่อนหน้านี้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าก็มีการเร่งทำตลาดจากรถยนต์บางยี่ห้อ อาทิ Kia นำเข้า Kia Soul EV มาขายในราคา 2.39 ล้านบาท เป็นค่าตัว BMW นำเข้า BMW i3 และวางจำหน่ายมาสักระยะในประเทศไทย แต่ยังมีราคาค่อนข้างสูง ยังไม่นับบรรดาผู้นำเข้าอิสระ ที่มีการวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น อาทิ Tesla Model S แต่ก็มีราคาจำหน่ายที่ยังค่อนข้างสูง จึงได้รับความสนใจน้อย เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาจำหน่ายนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า กำลังจะเริ่มขึ้นในปี 2018 นี้ การชักธงรบของค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ชั้นนำ ส่งถึงผู้ใช้มาเสมอว่าเราอาจจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะเริ่มเข้ามาสนองความต้องการของตลาดในเร็วๆ นี้
อนาคตรถยนต์ยุคใหม่กำลังจะมาถึงไวกว่าที่เราคาด แม้ว่าอาจจะใช้เวลากว่าคนในสังคมจะยอมรับสภาพความจริงของการเปลี่ยนแปลง คล้ายกับที่เกิดขึ้นในสมารืทโฟนเมื่อช่วง 10 กว่าปีที่ผ่าน แต่เมื่อมันมาถึงก็ถือเป็นการเปิดศักราชนวัตกรรมใหม่ทางด้านยานยนต์ ที่จะเปลี่ยนความเชื่อและพฤติกรรมการใช้รถไปตลอดกาล
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com