Home » 6 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ รถ “อีโค่คาร์”
สาระเรื่องซื้อรถ เคล็ดลับเรื่องรถ

6 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ รถ “อีโค่คาร์”

ทุกวันนี้ผมเชื่อว่ารถยนต์อีโค่คาร์กลายมาเป็นตัวเลือกของใครหลายๆ คน ด้วยราคาจำหน่ายแสนถูก ตัวเลือกมากมายหลายรุ่น ราคาผ่อนต่อเดือนไม่แพงเกินไป อย่างน้อยดีกว่าตากแดดตากลม  ทว่าแม้ว่ารถยนต์ “อีโค่คาร์” จะขายมานานสักระยะหนึ่ง ก็ยังมีความเข้าใจผิดในตัวรถหลายเรื่องพอสมควร และวันนี้ เราน่าจะมาพูดคุยกันถึงบรรดาความเข้าใจผิดต่างๆ  ที่อาจทำให้คุณไขว้เขวจากความเป็นจริง

 

1 .ไม่เหมาะขับออกต่างจังหวัด

เรื่องแรกที่ได้ยินมาบ่อยมากเมื่อบางคนจะซื้อรถยนต์อีโค่คาร์ ก็จะมีคนพุดว่ามันใช้งานได้แค่ในเมืองและไม่เหมาะกับขับออกต่างจังหวัด จนกลายเป็นภาพ อีโค่คาร์ไม่สมควรใช้ขับต่างจังหวัดเลย

ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริงเลย แม้ว่ารถยนต์อีโค่คาร์ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร และพวกมันมีขนาดเล็กน้ำหนักเบากว่ารถยนต์ที่ใหญ่กว่า แต่ก็สามารถขับต่างจังหวัดได้ และบางรุ่นขับได้ดีแถมประหยัดน้ำมันกว่าด้วย

การถูกครหาดังกล่าวมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

1.รถมีขนาดเล็กและเบา ซึ่งภาพจากในอดีตรถยนต์นั่งขนาดเล็กอาจขับขี่ไม่มั่นคงเท่ารถใหญ่ หากสมัยนี้การวิศวกรรมก็รุดหน้าไปมากแล้ว จนรถยนต์เล็กสามารถขับได้อย่างมั่นใจแม้จะมีน้ำหนักเบา ก็ไม่ใช่ว่าสวนสิบล้อและจะปลิวลงข้างทาง

2.เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.2 ลิตร มันอาจดูแล้วขับขี่ต่างจังหวัดน่าจะต้องซดพอๆ กับรถใหญ่ แต่หารู้ไม่คู่หูเกียร์   CVT  สมัยนี้มีอัตราทดมาก 7 อัตราทด สามารถทำให้รอบเครื่องต่ำแม้ว่าจะขับด้วยความเร็วเดินทาง 120 ก.ม./ช.ม. ก็อาจใช้รอบเครื่องเพียง 2000 กว่ารอบเท่านั้นเอง

 

2.ไม่ปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุ

เป็นความเชื่อมีพื้นฐานข้อเท็จจริงว่า หากรถยนต์ขนาดเล็กไปบวกกับรถใหญ่ ดูน่าจะไม่เหลืออะไรให้เก็บไว้มากนัก

ความจริงเรื่องดังกล่าว มีส่วนถูกในแง่เชิงฟิสิกส์ตามหลักการวิทยาศาสตร์ และรถเล็กสมัยนี้ออกแบบให้มีหน้าและตูดสั้น บางยี่ห้อประตูท้ายเป็นบานกระจกล้วน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่น่าจะรอดเมื่อภัยมา

อันที่จริงตามข้อกำหนดรถยนต์อีโค่คาร์ ระบุให้ผู้ผลิตรถยนต์อีโค่คาร์ทุกรายต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบการชน  2 ข้อกำหนด คือ 1. UNECE R94 เป็นการทดสอบชนทางด้านหน้า 2. UNECE R95   การทดสอบชนทางด้านข้าง หมายความว่าเราจะมั่นใจได้ในการปกป้องเมื่อเกิดการชน

นอกจากนี้ในโครงการอีโค่คาร์ระยะที่ 2 ยังบังคับให้ผู้ผลิตติดตั้งมาตรฐานความปลอดภัยระบบควบคุมการทรงตัวเพิ่มเติม(รถกระบะปัจจุบันยังไม่มีเป็นมาตรฐานด้วยซ้ำ) จากระบบเบรก   ABS  ตลอดจนปัจจุบัน บริษัทรถยนต์บางรายยังให้ความสำคัญในอีโค่คาร์มากขึ้น ติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบ   Active Safety   ช่วยในการขับขี่ เช่น นิสสัน และ มาสด้า  บางรุ่นมาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ใบ  เช่น   Toyota Yaris Ativ ,  ส่วน   Suzuki  Swift   ให้มากถึง 6 ใบ 

 

 

3.อีโค่คาร์ = รถประหยัดน้ำมัน

เรื่องนี้คุณเข้าใจถูกต้องรถยนต์อีโค่คาร์ปัจจุบันเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในตลาดวันนี้ แต่ที่จริง “อีโค่คาร์” ที่พูดถึงไมได้หมายถึง  Economy  อันหมายถึงรถราคาถูก หรือประหยัดน้ำมัน

แต่มาจากคำว่า  Ecology   หรือรถเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กเหล่านี้ปล่อยไอเสียต่ำมาก จากการใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้รถอีโค่คาร์เผาไหม้สมบูรณ์และใช้น้ำมันน้อยกว่าในการเผาไหม้ ผลคือทำให้รถอีโค่คาร์ประหยัดน้ำมัน

 

4.รถเล็กพื้นที่แคบ

ไม่จริงเสมอไปที่อีโค่คาร์ในปัจจุบันเป็นรถเล็กแล้วจะต้องมีพื้นที่การโดยสารแคบ หรือนั่งไม่สบาย นั่นเพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับการออกแบบภายในห้องโดยสา รและขนาดตัวรถที่นำเสนอกับลูกค้า

ความจุห้องสัมภารท้าย  Suzuki  Swift 265 ลิตร

รถยนต์อีโค่คาร์หลายรุ่นในปัจจุบันมีขนาดใหญ่ บางรุ่นมีขนาดใกล้เคียงรถคอมแพ็คคาร์ด้วยซ้ำไป ทำให้มีพื้นที่การโดยสารและการเก็บของเพิ่มขึ้นตามไปด้วย พวกมันตอบสนองการใช้งานได้ดีจนน่าพอใจ เพียงแต่ก็อยู่ที่เลือกจะจ่ายไหวมากแค่ไหน

รถยนต์อีโค่คาร์ที่มีพื้นที่ใหญ่ ในปัจจุบัน ได้แก่   Nissan  Note,  Nissan Almera, Suzuki ciaz  เป็นต้น

 

5.ขับเร็วไม่ได้

ไม่เป็นความจริงเลยที่รถยนต์อีโค่คาร์ขับเร็วไม่ได้ หลายคนคิดแบบนั้นเพรามโนจากขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ที่ค่อนข้างเล็กและไม่น่าจะขับได้เร็วในความคิดของพวกเขา เนื่องจากหลายคนไม่รู้ว่าเกียร์   CVT    มีอัตราทดละเอียดกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป และสมัยนี้รถเกียร์ออโต้ก้มีอัตราทดมากถึง 6-7 ตำแหน่งแล้ว

หากคุณจำเป็นต้องใช้ความเร็ว เช่นอาจจะมีเรื่องฉุกเฉินหรือธุระรีบด่วน รถอีโค่คาร์สามารถตอบโจทย์ได้ เพียงแต่มันสามารถเร่งได้เร็วเท่ารถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า เช่นถ้าคุณต้องการเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในรถเครื่อง 1.5 ลิตร อาจเวลาแค่ 12 วินาทีโดยประมาณ แต่ อีโค่คาร์อย่าง   Nissan  Note   อาจใช้เวลาถึง 16 วินาที

Nissan-note-review-ridebuster (6)

ส่วนเรื่องความมั่นใจในการขับขี่ในความเร็วสุงของรถอีโค่คาร์ ขึ้นอยู่กับการวิศวกรรมของแต่ละบริษัท ซึ่งอาจจะมีแนวทางแตกต่างกันออกไป รถยนต์จะขับด้วยความเร็งสูงนิ่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับขนาดตัวรถ ซึ่งมีผลกับ ความกว้างระหว่างล้อ ( Track)  และฐานล้อ   (Wheel Base) ยิ่งกว้างหรือยาว จะยิ่งมั่นใจมากขึ้น  ที่เหลือคือการเซทช่วงล่างของตัวรถ

แต่ด้วยน้ำหนักเบาหวิวของมันเราก็ไม่อยากจะแนะนำให้ใครซื้ออีโค่คาร์ไปซิ่งกันหรอกครับ 

 

6.ใช้ประโยชน์ได้น้อย

หลายคนคิดว่ารถเล็ก ก็ยิ่งมีประโยชน์ใช้สอยน้อย เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเล ยและการที่คุณซื้อรถใหญ่กว่า ก็อาจจะเหมือนสูญเงินเปล่าไม่ได้ใช้งานอย่างครบถ้วนจนคุ้มค่าก็ได้เช่นกัน

บางคนคิดว่าการใช้รถเล็กมีประโยชน์ในการใช้งานน้อยกว่ารถใหญ่ ถ้าเราพูดในเรื่องพื้นที่ก็ถูกต้อง แต่ความสามารถในการใช้งานอีโค่คาร์ก็ถือว่าไม่เบาเช่นกัน  โดยเฉพาะบรรดาอีโค่คาร์ 5 ประตู สามารถปรับพับเบาะจุของได้ไม่น้อย อย่างผู้เขียนเองชอบปั่นจักรยาน ทุกครั้งที่ได้อีโค่คาร์มาก็จะลองเสมอว่ามันตอบโจทย์หรือไม่ ผมพบว่าอีโค่คาร์ทุกคันสามารถถอดล้อใส่จักรยานได้สบายมาก

testdrive-Nissan-Note-VL021

และเมื่อกะด้วยสายตาพบว่ายังมีพื้นที่มากพอจะซื้อตู้ขนาดไม่ใหญ่มากจากอิเกีย  หรือใส่ของมากพอในระดับที่น่าพอใจ เพียงแต่คุณอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่า อีโค่คาร์ก็ทำได้ในราคาไม่แพง มันดีพอสำหรับการใช้งานจากคนโสด จนเริ่มมีครอบครัว มีลูกยังแต่เล็ก เรียกว่าใช้ได้ยาว ถ้าไม่เบื่อกันไปก่อน 

 

เห็นไหมครับ “อีโค่คาร์” มีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด จ่ายราคาไม่แพงได้ฟังชั่นครบเครื่องลงตัว บางทีเราไม่ต้องจ่ายแพงหว่าเพื่อให้ได้การใช้งานมากกว่า

อ่านเพิ่มเติม 9 ข้อดี ของการใช้รถยนต์อีโค่คาร์

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.