Home » Nissan X-Trail  2.5 V 4WD ลองขับ แชมป์ยอดขายอเนกประสงค์ระดับโลก
Bust Redrive รีวิว

Nissan X-Trail  2.5 V 4WD ลองขับ แชมป์ยอดขายอเนกประสงค์ระดับโลก

หากมีคนถามคุณว่า รถยนต์อเนกประสงค์ขายดีที่สุดในโลก คือรถรุ่นใด … ผมมั่นใจว่า หลายคนคงไม่เชื่อ ว่า   Nissan XTrail  คือรถคันนั้น ยอดขายรถยนต์รุ่นนี้เป็นอันดับหนึ่งในหลายตลาดทั่วโลก ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันช่างตรงข้ามกับยอดขายในไทยอย่างสิ้นเชิง จนดูเหมือนรถยนต์รุ่นนี้จะกลายเป็ยรถที่ถูกลืมไปโดยปริยาย

Nissan X Trail   เป็นรถที่สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับนิสสัน และวงการรถยนต์อเนกประสงค์ระดับคอมแพ็ค มันเป็นรถที่พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่ยหลายประการในตัวมัน ตั้งแต่การออกแบบที่น่าสนใจ ภายในที่ครบเครื่องในเรื่องการใช้งาน ยิ่งกว่านั้นปัจเจกทางด้านความลอดภัย ด้วยระบบนิรภัย และรักษาความปลอดภัยอันล้นหลาม ยังเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ โดนใจคนจำนวนไม่น้อย

ย้อนกลับไปช่วง ปี 2015 ผมเคยมีโอกาส ขับรถยนต์   Nissan X Trail   รุ่นเครื่องยนต์ 2.0  ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ รถรุ่นนี้สนองตอบความสามารถในการขับขี่อย่างยอดเยี่ยม เรียกว่าเป็นคิวทองของยุครุ่งเรืองนิสสันเลยก็ว่าได้ ในวันนี้ถึงหลายคนจะลืมเลือนอเนกประสงค์คันนี้ไปบ้างแล้ว ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ จึงขอใช้วาระโอกาสนี้ในการพาคุณสัมผัส อเนกประสงค์ชั้นนำยอดขายอันดับหนึ่งของโลก

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

กว่า 4 ปีมาแล้วตั้งแต่   Nissan X Trail   เปิดตัวออกมาครั้งแรกในช่วงเวลาตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยังไม่รุ่งเรืองนัก รถรุ่นนี้ถือเป็นโจทย์สำคัญของนิสสันในเวลานัน้ ในการเข้ามาเทียบเคียงชนกับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำที่มีรถอเนกประสงค์ให้เลือก ไม่ว่าจะน้องใหม่  Mazda  ที่เข้ามาเปิดตลาดรถยนต์  Mazda CX-5   หรือเจ้าตลาดที่ทำตลาดมายาวนานอย่าง   Honda  CR-V

ขนาดตัวรถยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. สูง 1,720 มม. มาพร้อมฐานล้อ ยาว  2,705 มม.  ขนาดตัวรถอาจไม่แตกต่างจากคู่แข่งมากนัก หากด้วยการออกแบบภายนอกที่เน้นความทันสมัยตั้งแต่แรกเห็น ด้วยกระจังหน้าแบบ   V Motion  ผสานแนวคิดความสปอร์ตในแบบ  Nissan  มาพร้อมความสะดวกสบายด้วยประตูท้ายไฟฟ้าใช้งานง่าย และเป็นรถรุ่นแรกในกลุ่มตลาดที่ให้ฟังชั่นในการใช้งานรุ่นนี้ ทำให้ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาทันทีในตลาด

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

ส่วนทางด้านในห้องโดยสาร นับว่ามีจุดขายสำคัญสร้างความแตกต่างได้เหนือคู่แข่งในยุคนั้น (ก่อน CR-V  รุ่นปัจจุบัน) ด้วยการแนะนำเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ในรูปแบบ 5+2  รองรับการโดยสารสูงสุด 7 คนถ้าต้องการ

รถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ต้องมนต์เสน่ห์ในความสปอร์ตครบครัน ด้วยกรออกแบบในห้องโดยสารสีดำ จับเอาความสบายจากพี่ชาย   Nissan  Teana   เข้ามาผสมผสานในการขับขี่ ด้วยเบาะนั่ง Spinal  Support Seat   ชุดเบาะนั่งที่รองรับกระดูกสันหลังอย่างพอดี มันนั่งสบาย และไม่มีความเมื่อยล้าแม้ว่าจะต้องเดินทางไกล 

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

ฝั่งคนขับให้การปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ฝั่งคนนั่งปรับได้เพียง 4 ทิศทาง ทำเอาตุ๊กตาหน้ารถอาจรู้สึกว่านั่งสบายในช่วงแรกๆ เนื่องวิธีการปรับท่านั่งน้อยไปเล็กน้อย เบาะนั่งตอนหลังมีพื้นที่เหลือเฟือการจัดท่านั่งทำได้ดี นั่งสบายมากถึงมากที่สุด จะติสักหน่อยก็ตรงที่เท้าแคนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ ดังมาแบ่งตรงกลางระหว่างคนนั่งซ้ายและขวา ช่วยให้มีพื้นที่ส่วนตัวก็จริง หากมันรู้สึกแปลก สักหน่อย ที่มองเห็นห้องสัมภาระท้าย  โบ๋ผ่านกระจกมองหลัง

ค่อยยังชั่วที่ผู้โดยสารตอนหลังมีช่องลมแอร์มาให้ น่าถ้าอะเกรดมีช่องเสียบ   USB   ตามยุคเสียหน่อย น่าจะดีไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว

ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.5  ลิตร มีความแปลกแตกต่างกว่าอเนกประสงค์กลุ่มเดียวกันในตลาด ด้วยการติดตั้งหลังซันรูฟมาให้ ชุดหลังคา สามารถเปิดได้เพียงกระจกครึ่งหน้าเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าแปลกดี สำหรับคนที่ชอบรถที่มีสไตล์ 

ที่ผมลืมพูดไป คืออุปกรณ์ความสบายอย่างระบบปรับอากาศตอนหน้าสามารถแยกอุณหภูมิอิสระ ซ้าย-ขวา รวมถึง ระบบปัดน้ำฝนและไฟหน้าอัตโนมัติ  หน้าจอหน้าคนขับแสดงข้อมูลอัจฉริยะ และระบบพวงมาลัยมัลติฟังชั่นทรงประจำสหกรณ์ยังควงแขนมาพร้อมปุ่มสตาร์ทที่คุ้นตา

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

คนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้รถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ด้วยความเข้าใจข้อหนึ่งว่า รถที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะนังแต่ซดน้ำมันในการขับขี่มากกว่าสร้างประโยชน์ในการใช้งาน

ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวถูกเพียงส่วนหนึ่ง หากรถยนต์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหฐ่ก็มีดีในแบบที่มันเป็น ใต้ร่าง   Nissan X Trail   คันนี้ มาพร้อมต้นกำลังอันคุ้นหน้าตา   Nissan  QR25DE   อันเลื่องชื่อ ,ขุมพลังอันล่ำลือถึงความทรงพลังและสมรรถนะ จนขนาดนิสสันยอมที่จะถอยจากเครื่องยนต์แบบ   V6   ลง มา และไม่ยี่หระที่จะไปตามเกมลดขนาดเครื่องยนต์เพิ่มพลังเทอร์โบ ด้วยพวกเขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลทางด้านสมรรถนะอยู่แล้ว

ต้นกำลัง   QR25DE   เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร ประจำการในรถยนต์หลายรุ่นของนิสสัน ใน   Nissan X Trail   พวกเขาปรับให้มีกำลังสูงสุด 171 PS  ที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด  200 นิวตันเมตร 4,400  รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร์    XTronic  CVT   ตามสูตรสำเร็จของนิสสัน  ให้อัตราทดเกียร์ตั้งแต่ 2.631-0.378

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

นานมาแล้ว ผมเคยผ่านมือรถรุ่นนี้แต่ไม่เคยมีโอกาสจับมันมาขับจริงจังสักที หลังนิสสันจัดการปลดระวางขบวนรถทดสอบ และมีบางกระแสข่าวลือเผยว่า  นิสสันอาจไม่ตัดสินใจทำรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรต่อ ทั้งที่มีความสนใจจากลูกค้าบางกลุ่ม

การพบกันในครั้งนี้เหมือนเจอเพื่อเก่าที่หายไปนานมาก   Nissan X Trail  เป็นรถที่งามสง่าดูภูมิฐานในความคิดของมัน มันเป็นรถที่เข้ากับทุกจังหวะของชีวิต จอดที่ไหนก็ได้ไม่เคอะเขิน

ผมสัมผัสประตูรถเปิดรับอำนวยความสะดวกในการขึ้นลงสะดวกสบายในการใช้งานยิ่งขึ้น เหลียวมองในห้องโดยสารทุกอย่างเน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวามากมายอะไรนัก อาจจะด้วยส่วนหนึ่งเราชินดับอุปกรณ์เหล่านี้ที่เคยล้ำหน้าในยุคหนึ่ง จนปัจจุบันกลายเป็นของต้องมีในรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้วก็ได้

ออกสตารืทขับในเมือง เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร กับชีวิตคนกรุงมันไม่มีทางเข้ากันอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างแปลกใจที่คุณรู้สึกว่ารถแข็งกระด้างเวลาขับไปบนท้องถนน หรือน้ำมันเชื้อเพลิงราวกับหายตัวได้จากขนาดกระบอกสูบเครื่องยนต์อันใหญ่โตของมัน

ผมไม่แปลกใจที่คนจะเลี่ยงบาลีรถรุ่นนี้แล้วหันไปคบเครื่อง 2.0 ลิตร ที่ดูมีภาษีดีกว่า แถมมีให้เลือกทั้งขับสองขับสี่อีกต่างหาก และดูเป็นมิตรในการใช้งานมากกว่า โดยเฉพาะการไม่ต้องตอบคำถามคนที่บ้านว่าทำไมคุณจำเป้นต้องใช้เครื่องใหญ่ยักษ์มหึมาอะไรขนาดนั้นในการเดินทาง

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

ผมทราบดีว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบนี้มันออกแบบมาเพื่อรองรับการเดินทางไกลใช้ความเร็วต่อเนื่อง ในอเมริการถยนต์   Nissan X Trail   ซึ่งที่นั่นใช้ชื่อว่า   “Nissan  Rogue”   ขายเพียงรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เท่านั้น  เนื่องจากคนอเมริกาใช้รถอเนกประสงค์เพื่อเดินทางไกล

ผมไม่รอช้าที่จะจับรถรุ่นนี้เดินทางออกนอกเมืองทันใด เมื่อผ่านช่วงจราจรคับคั่งช่วงแรกของการเดินทาง เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเริ่มแสดงศักยภาพของมันในการขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่เร้าใจ  ความเร็วเดินทาง 110 ก.ม./ช.ม. เจ้านี่ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,750 รอบต่อนาทีเท่านั้น และเพิ่มเป็น 1,900 รอบต่อนาที เมื่อขับด้วยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม.

จะพูดไป มันกินรอบเครื่องยนต์ต่ำมาก เมื่อต้องการอัตราเร่งก็เพียงป้ายคันเร่งลงไปไม่เกิน  30 %  ของคันเร่ง รถก็พุ่งแซงคันอื่นได้อย่างสบายไร้กังวล

ในเวลานี้ระบบช่วงล่างที่เคบว่าแข็งกระด้างนั่งสบายตอนขับในเมืองกลับเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ มันนั่งสบายมากจนคนนั่งข้างอาจเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว น่าแปลกมันเป็นรถที่ยิ่งขับเร็วยิ่งนิ่ง ยิ่งให้ความมั่นใจในการขับขี่ จนคุณจะหลงรัก

มันเป็นรถที่ศรีภรรยาคุณ อาจมองหน้าคุณแล้วบอกว่า “เธอขับเร็วๆ เถอะ”  ด้วยนั่งสบายของรถเมื่อคุณใช้ความเร็วในการขับขี่ทำให้เธอนั่งสบายและพอที่จะพร้อยหลับได้   มันเป็นคำที่เชื่อว่า นักขับหลายคนอาจจะอยากได้ยิน เมื่อขึ้นนั่งแท่นหลังพวงมาลัย  และแม้คุณจะขับเร็ว ราวกับสววิญญาณนักแข่งทีมนิสโม่ ทว่าเรื่องการทรงตัวในเข้าโค้ง หรือการเบรกหยุดจากความเร็วสูงก็ยังน่าประทับใจ ด้วยการใช้ดิสก์เบรกพร้อมจานระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ

Nissan X Trail 2.5 V 4WD

ตลอดจนยังมีระบบความปลอดภัยที่ซ่อนอยู่ในรถ อาทิ  Active Trace Control   หรือระบบ   Advance Chassis  Control   รวมถึงระบบลดความเร็วเครื่องยนต์ในขณะเข้าโค้ง

หากในเรื่องระบบความปลอดภัยแบบ   Active Safety   ถือว่ายังขาด (ซึ่งคู่แข่งก็ไม่ได้มีมากให้เหมือนกัน) ผมว่าทางนิสสันน่าจะลองพารณาเอาระบบช่วยขับขี่ มาตรการความปลอดภัย พวกระบบ   Nissan  Pro Pilot Assisted   เจ้ามาติดตั้ง เพิ่มความสามารถในการขับขี่ให้สบายยิ่งขึ้นจะยิ่งน่าสนใจ มากกว่าเดิม

มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของผมกับ   Nissan  X Trail   ผมคาราวะในการขับขี่ของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ที่สุดยอดมาก และประทับใจมาก มันเป็นรถที่สร้างความสนุกสนานในการขับขี่ และตอบคำถามผมอย่างหมดเปลือกว่า ทำไมถึงได้ครองยอดขายในระดับโลก ก็มันขับดีเกิดคาด แถมหน้าตารุ่นใหม่ ยังล้ำสมัย … ผมอดใจไม่ไหวที่จะเห็น  Nissan X Trail   รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในไทย อย่าปล่อยของดีมีชื่อเสียง ….. ทิ้งไป เพียงแต่อาจต้องหาจุดขายที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น 

 

ขอบคุณ นิสสัน มอเตอร์ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ   Nissan  X Trail  2.5  V 4WD   มาให้ทีมงาน   Ride Buster

 

สรุปข้อมูลการทดสอบรถยนต์  Nissan  X Trail  2.5  V 4WD

 

การทำงานเครื่องยนต์

ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่  (ก.ม./ช.ม.) รอบเครื่องยนต์
100 1600
110 1750
120 1900

 

อัตราประหยัด 

ในเมือง 8.64 ก.ม./ลิตร 
นอกเมือง 12.31 ก.ม./ลิตร 
Bonn Test Mode 13.61 ก.ม./ลิตร

 

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์   Ridebuster.com  ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง  Facebook 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”589″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.