หากพูดถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือ AEB คนทั่วไปอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็พอรู้ว่าระบบนี้มีอยู่ในรถราคาแพงหลายรุ่น ซึ่งล่าสุดก็มีติดตั้งบนรถกระบะแล้ว ว่าแต่มันดีขนาดไหน?
ระบบความปลอดภัยบนรถยนต์มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จากเหตุผลหลักที่ต้องการให้ผู้ขับขี่ยานยนต์ทุกคัน รวมถึงคนอื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการสัญจรโดยรถหรือเดินข้ามถนนได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยล่าสุดระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB) ที่เคยติดตั้งมาให้แต่รถราคาแพง ปัจจุบันรถกระบะก็ได้รับระบบนี้มาประจำการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเช่นกัน ว่าแต่ระบบนี้มันจำเป็นขนาดไหน?
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทำงานอย่างไร?
พัฒนาการของระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเริ่มต้นเมื่อราว 10 ปีก่อน โดยผู้ผลิตรถสัญชาติสวีเดนนามว่าวอลโว่ ที่ได้สร้างสรรค์ระบบชื่อ City Safety ซึ่งสามารถตรวจจับยานพาหนะกับสิ่งกีดขวางที่อยู่เบื้องหน้า แล้วจะทำการเบรกเองหากผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนอง แน่นอนว่าระบบนี้ทำงานตรงตามชื่อของมันคือเบรกเองในความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ต่อจากนั้นทางวอลโว่ก็ได้พัฒนาระบบให้ทำงานดีขึ้นกว่าเดิมจวบถึงปัจจุบัน
ทีนี้หลายคนคงอยากทราบว่า เจ้า AEB เนี่ยมันทำงานได้อย่างไร วิธีการของมันนี่เข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติจะต้องมีกล้อง เรดาห์ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และหน่วยประมวลผลกลาง โดยกล้องกับเรดาห์จะทำหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือคนเดินถนน ขึ้นอยู่กับความสามารถของระบบบนรถแต่ละรุ่นยี่ห้อ ซึ่งเมื่อกล้องกับเรดาห์ตรวจพบว่ารถคันที่ติดตั้งระบบมีแนวโน้มจะไปชนกับรถข้างหน้า มันจะสั่งการไปยังหน่วยประมวลผลเพื่อเตือนผู้ขับขี่ก่อน หากไม่มีการตอบสนองระบบจะสั่งการเบรกเพื่อป้องกันการชนทันที และนี่คือหลักการทำงานอย่างง่ายของ AEB ที่คุณสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติมีกี่ประเภท?
หลายคนคงมีคำถามในใจว่า เอ๊ะ… ไอ้ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเนี่ยมันมีแบบเดียวใช่หรือเปล่า? หรือว่าถ้ามีหลายประเภทจะแยกแบ่งย่อยได้เท่าไหร่? เอาล่ะ เราจะมาชี้แจงให้ผู้อ่านฟังว่าแท้จริงแล้วระบบ AEB เนี่ยมันมีกี่อย่างกันแน่ แต่เราบอกได้ว่าที่จริงระบบนี้เรียกเหมือนกันหมด เพียงแต่ข้อจำกัดของแต่ระบบขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใส่ไปบนรถแต่ละรุ่น เพราะหากเป็นระบบใหม่ทำงานได้ในช่วงความเร็วหลายระดับก็ต้องมีราคาแพง
1.ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับใช้งานในเมือง (City AEB)
ลำดับแรกเริ่มด้วยระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีต้นๆ ที่บริษัทรถหลายแห่งติดตั้งให้กับลูกค้า ซึ่งก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามยี่ห้อ ตัวอย่างเช่น City Safety ของ Volvo หรือ Smart City Brake Support – ของ Mazda โดยระบบดังกล่าวจะทำงานในช่วงความเร็วต่ำคือไม่เกิน 30-50 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของแต่ละบริษัท ยิ่งไปกว่านั้นบางค่ายตัวระบบสามารถตรวจจับคนเดินข้ามถนนหรือคนขี่จักรยานได้อีกต่างหาก เรียกว่าเหมาะกับการขับขี่ใช้งานภายในเมืองมากเลยทีเดียว
2.ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับใช้งานระหว่างเมือง (Inter-Urban AEB)
เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าใดการพัฒนาก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติตัวแรกๆ ที่แต่ก่อนมีแค่กล้องกับเซนเซอร์ไม่กี่ตัว ทำให้มันมีประสิทธิภาพการทำงานได้แค่ช่วงระดับความเร็วหนึ่ง แต่ปัจจุบันบริษัทรถยนต์หลายรายได้คิดค้นพัฒนาให้ AEB ทำงานได้ที่ความเร็วสูงขึ้น ด้วยการเพิ่มกล้องความละเอียดสูงที่จับภาพได้ชัดเจนทุกเวลา ทุกสภาพอากาศ ร่วมกับเรดาห์ที่มีความแม่นยำสูง และเซ็นเซอร์หลายจุดรอบคัน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบจะทำการเบรกรถได้ทันท่วงที
เจ้าระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่เหมาะกับการใช้งานระหว่างเมือง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Inter-Urban AEB มันเริ่มทำงานทันทีเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวไปจนถึงระดับความเร็วหนึ่ง ยกตัวอย่างระบบที่อยู่บน Ford Ranger Wildtrak ปี 2018 ตัวล่าสุด ที่ทำงานตั้งแต่ความเร็ว 3.6 กม./ชม. เป็นต้นไป ส่วนเรื่องว่าเบรกฉุกเฉินได้เองที่ความเร็วเท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะเบรกอัตโนมัติได้ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. นอกจากนี้รถบางคันจะติดตั้งฟังก์ชั่นเสริมที่สามารถตรวจจับคนเดินถนน และคนขี่จักรยานอีกด้วย
อนาคตของ AEB ในประเทศไทย
ภายในเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเราเห็นผู้ผลิตรถทั้งจากฝั่งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาหลายค่ายเริ่มให้ความสำคัญกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติมากขึ้น โดยหากไล่นับรถที่มี AEB อันมีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นาน ก็มีตั้งแต่ Toyota C-HR รุ่นท็อปสุดเครื่องยนต์ไฮบริด ต่อมาเป็น Honda HR-V รุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2018 ที่มีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับใช้ในเมือง รวมถึงรถในเครือมาสด้าตั้งแต่ Mazda 3, Mazda CX-3, Mazda CX-5 ซึ่งมีระบบนี้มาเช่นกัน และท้ายสุดเป็น Ford Ranger Wildtrak รุ่นปี 2018 ที่ให้ระบบ Inter-Urban AEB ที่ทำงานได้จนถึงความเร็วสูง ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานความปลอดภัยบนถนนเมืองไทยจะยกระดับขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
