ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา การที่รถยนต์อเนกประสงค์ MPV จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยสักรุ่น ถือว่าเป็นเกมที่ยากมาก กับบริษัทรถยนต์ ทีมงานเบื้องหลังผลิตภัณฑ์และการตลาด ต่างมานั่งกุมขมับว่าจะทำอย่างไร ให้รถรุ่นนั้นๆ ขายได้ จับใจลูกค้าจนซื้อหาไปครอง
เกมตลาดรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้คนสนใจและตัดสินใจซื้อ ด้วยหลายปัจจัยสำคัญ อาทิ ความใกล้ชิดและคุ้นเคยของคนไทยต่อรถทรงพ่อบ้าน , ลักษณะประชากรและครอบครัวของคนไทยเองด้วย ทั้งสองปัจจัยเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถกลุ่มนี้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการทำตลาด หากมิตซูบิชิกลับอาจจะเป็นผู้ที่พลิกความคิดความเชื่อเหล่านี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในรอบ 3 ปี , Mitsubishi XPander ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในไทยเป็นประเทศที่สาม ในโลก หลังจาก อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
รถยนต์ Mitsubishi XPander ใหม่ ถือเป็นรถที่สร้างกระแสและการจับตามองจากลูกค้ามาตั้งแต่เริ่มต้นเป็นตัวต้นแบบที่ออกมาในปีกลายที่เรียกว่า Mitsubishi XM Concept
ด้วยแนวทางการออกแบบตัวรถที่จับเส้นสายแนวทางการออกแบบ Dynamic Shield มาต่อยอด หลังจากใช้แนวทางนี้ในการออกแบบ Mitsubishi Pajero Sport จนทำเอารถขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และญี่ปุ่นจับแนวทางการออกแบบเดียวกันยัดลงใน Mitsubishi Eclipse Cross ด้วย จนเป็นการออกแบบที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในการถ่ายทอดความเป็นมิตซูบิชิได้อย่างถึงกึ๋น
หลังจากเห็นภาพในอินเตอร์เน็ตมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาส พบรถ Mitsubishi XPander ใหม่ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ที่งาน Big Motor Sale
เมื่อเห็นใบหน้ารถเป็นครั้งแรก ผมอยากปรบมือให้ทีมออกแบบมิตซูบิชิ ต้องยกความดีความชอบให้ความกล้าในการออกแบบที่แตกต่างจากคู่แข่งโดยสิ้นเชิง อันที่จริงมันทำให้ผมนึกย้อนถึงวันวานอย่าง นิสสัน จู๊ค รถทีกล้าจะออกแบบ แล้วสร้างความแตกต่าง
หน้าตา Dynamic Shield งวดนี้ดูจับใจมาก และออกมาค่อนข้างคล้ายต้นแบบพอสมควร ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตจ๋าๆ วางไฟหรี่ไว้ด้านบน , ไฟใหญ่ ,ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอกไว้ด้านล่าง
เส้นสายที่เป็นคมสันโฉบเฉี่ยวลากยาวไปยังด้านข้าง เป็นอเนกประสงค์ไม่กี่รุ่นที่มีการออกแบบเส้นไหล่ใส่ไปในรถทรงกล่อง ติดตั้งล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว สีทูโทน พร้อมยาง Bridgestone Ecopia EP150 มาให้ได้งาน พื่สื่อบางคนมองว่า ชุดยางนั้นดูเล็กไปหน่อยเมือเทียบกับขนาดรถมันดูไม่เต็มซุ้มล้อที่ควรจะเป็น ส่วนตัวผมเองค่อนข้างจะเห็นด้วยในเรื่องนี้
ประตูข้างทั้ง 4 บ้าน ค่อนข้างยาวเป็นพิเศษ สะดวกขึ้น-ลงง่าย ส่วนด้านหลังฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยมือ น้ำหนักกำลังดี เมื่อเปิดฝาท้ายจนสุด จะมีความสูง ประมาณ 18 4เซนติเมตร สามารถเก็บของได้สะดวกสบายมากขึ้น การออกแบบท้ายรถก็รับกับการออกแบบทั้งคันที่ดูกลมกลืนในความทันสมัย โดยเฉพาะไฟท้าย L Shape สง่างามลงตัวในแบบที่มันเป็น
โดยทั้งหมดแนะนำด้วยขนาดตัวรถ ยาว 4,475 มม. กว้าง 1,750 มม. (ไม่รวมกระจกข้าง) และมีความสูง 1,700 มม. พกระยะฐานล้อยาว 2,775 มม.
ความท้าทายในการออกแบบ ไม่ใช่อย่างเดียวที่ Mitsubishi ใส่กึ๋นการทำงานลงไปในรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นนี้ พวกเขายังจับเอาความเป็นรถยนต์ SUV เข้ามาผสาน ตามแนวคิดการออกแบบ ตั้งแต่รถตัวต้นแบบ ที่มองว่าทำไมจะต้องทำ MPV มาขาย ในเมื่อง สามารถผสานความเป็น SUV ได้ด้วย แล้วตีหัวเข้าบ้านได้ง่าย
มันน่าแปลกที่ความคิดนี้ถูกสอดแทรกมาในทุกแง่มุม Mitsubishi XPander อย่างเนียนๆ อาทิ ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 205 มม. มากกว่า MPV ทั่วไป แถมสูงกว่า SUV ในตลาดบางรุ่นด้วยซ้ำ เมื่อบวกรวมกับแนวทางการออกแบบ Dynamic Shield มันกลายเป็นรถที่มีสองบุคลิกในคันเดียว ทั้ง SUV และ MPV แต่ถ้าถามผมรู้สึกว่าหน้าตาจะออกไปทาง SUV มากกว่า
รับกุญแจเตรียมออกเดินทาง วันนี้ที่มีโอกาสได้ขับเจ้า Mitsubishi XPander ใหม่ เป็นรุ่น GT รถตัวท๊อปที่จะเข้ามาขายในประเทศไทย
ระบบกุญแจ Keyless หน้าตาทรงสหกรณ์ถ่ายทอดมาตั้งแต่ Mitsubishi Mirage ยังคงถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นนี้ ภายในห้องโดยสารเมื่อก้าวเข้ามา สัมผัสทันทีถึงความสปอร์ตในการออกแบบ ด้วยภายในที่ออกแบบเป็นสีดำ ทางด้านล่าง ในช่วงคอนโซล เบาะนั่ง และพื้นที่ ที่เราสัมผัสและใช้งาน
แต่ทางครึ่งบนของตัวรถกลับเป็นสีเบจ ตั้งแต่ช่วงไหล่เราขึ้นมา ทำให้รถรู้สึกดูปลอดโปร่ง และไม่อึดอัด จนให้สัมผัสว่ามันดูคับแคบเกินไป
ตรงหน้าคนขับมาพร้อมระบบหน้าปัด พร้อมชุดจอแสดงข้อมูล High Contrast จอสีบอกข้อมูล ที่ดูมีอะไรๆ ให้เล่นบ้างแม้จะไม่มากมายนัก ก็ถือว่าครบถ้วนความต้องการในการใช้งาน พวงมาลัยสามก้านตอบโจทย์ด้วยชุดปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้ายและระบบ Cruise Control ทางฝั่งขวา สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ ยืดหดได้ตามความต้องการ
ตัวเบาะนั่งเองออกแบบมาให้นั่งสบาย ด้านคนขับ สามารถปรับสูงต่ำได้ เหลียวมองคอนโซลหน้า ทุกอย่างดูลงตัว น่าใช้งาน ขัดใจก็เพียงลายเคฟล่าร์สีเงิน ดูแปลกประหลาดในความรู้สึก และอาจสะท้อนเข้าตาในบางจังหวะหากขับท่ามกลางสภาวะอากาศแดดจัด
ในความรู้สึกคงน่าจะดีกว่านี้ถ้าเกิดทางมิตซูบิชิตัดสินใจทำเป็นลายเคฟล่าร์สีดำไปเลย จริงอยู่ว่า มันอาจจะดูกลืนไปกับคอนโซลไม่โดดเด่น เนื่องเป็นลายที่รับกับช่วงแผงประตูด้วย หากผมว่าก็ดูลุคสปอร์ตดีไปอีกแบบนะ
ด้านตรงกลางคอนโซลจัดเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้วเข้าประจำการ สามารถเล่น DVD / MP3 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ขับกล่อมผ่านลำโพงทั้งสิ้น 6 ตัวในห้องโดยสาร ผมลองเชื่อมต่อมือถือส่วนตัว Samsung Galaxy S9+ เข้ากับระบบแล้วเล่นเพลงผ่านแอพพลิเคชั่นเพลงชื่อดัง บอกเลยว่าคุณภาพเสียงนั้นไม่ขี้เหร่แต่ประการใด มันดีพอสำหรับคนที่ไม่ได้หูเทพชั้นเซียน ชนิดต้องฟังทุกย่านเสียงของเครื่องดนตรีทุกชิ้น ผมพอใจกับคุณภาพเสียงที่ได้
ถัดลงมาตรงกลางเป็นชุดคันเกียร์ออโต้มาพร้อมวัสดุดำเงาให้ความหรูหรา ที่ขัดใจมากคือ คันเบรกมือแท่งโตที่วางไว้เด่นเป็นตระหง่าน จนเข้ามาลวนลามพื้นที่ของคันเกียร์ มันเป็นความรู้สึกแปลกที่เห็นเบรกมืออยู่ในตำแหน่งนี้ จนแอบรู้สึกว่านี่ตั้งใจจะทำรถแข่งสายดริฟท์ หรืออย่างไร
ผมว่าเจ้าคันเบรกมือ น่าจะซ่อนสายตาไปสักหน่อย จะดูดีเรียบร้อยกว่านี้แยะ ถัดไปตรงกลางเป็นช่องเก็บของตรงกลางไม่มีที่เท้าแขนมาให้ ซึ่งท้ายสุดเราค้นพบสัจจะธรรมในรถคันนี้ว่ามีช่องเสียบ USB เพียงช่องเดียว เท่านั้น ถ้าคุณจะชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์พกพา คงต้องตบตีกับคนข้างๆ กันหน่อย ทว่ากลับมีช่องปลั้ก 12โวล์ตมาให้หลายจุด ก็คงพออภัยได้อยู่บ้าง
เหลียวมองหลัง เบาะนั่งแถว 2 ดูนั่งสบายมาก ตัวเบาะสามารถเลือกพับแยกอิสระซ้าย-ขวา และสามารถเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ด้วย โดยตรงกลางมีพนักเท้าแขนมาให้ เมื่อยกลงมาจะแบ่งผู้โดยสารซ้าย-ขวา อิสระออกจากกัน แต่ดันมาตกม้าตายที่ที่วางแก้ว ที่ควรจะมีมาให้ในพนักเท้าแจนนี้ด้วย
ส่วนเบาะแถว 3 หลังสุด สามารถพับได้ในอัตรา 50/50 การเรียกใช้งาน ต้องดึงสายจากด้านหลัง เมื่อใช้งานต้องยกหัวหมอนขึ้นมาติดตั้ง เองจากตัวเบาะทำได้เพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้น แต่สามารถเอนได้มากถึง 3 ระดับเลยทีเดียวเชียว
จากที่ลองเข้าไปนั่งเบาะแถวสาม คนตัวใหญ่สูง 182 ซ.ม. อย่างผู้เขียนการรันตีว่า สามารถนั่งได้แน่นอนไร้ปัญหา แต่ต้องมีการจัดระเบียบท่านั่งเบาแถว 2 กันสักหน่อย ท่านั่งก็จะเป็นเชิงชันเข่าเล็กน้อย รวมถึงชุดรางเบาะแถว 2 ที่มีความแคบทำให้ต้องนั่งแบบหนีบขา หรือถ้าจะเน้นแหกขาก็ต้องอ้ากว้างไปเลย
ในการทดลองของผมเป็นการทดลองนั่งช่วงสั้นๆ 40 ก.ม. จากจุดพักรถไปยังโชว์รูมมิตซูบิชิสุราษฎร์ธานี ผมกลับรู้สึกว่าเป็นรถที่ทำเบาะแถว 3 นั่งได้สบายกว่าที่คิดเยอะ ผมว่าเป็นเบาะแถวสามที่ลองนั่งแล้วสบายที่สุดเท่าที่เคยลองมา ในรถระดับเดียวกัน เรื่องการโยนตัวและการกระแทกจากการซับแรงของระบบช่วงล่างมีบ้าง หากก็ไม่ได้มากมายจนรู้สึกว่านั่งไม่สบาย
ลองขับ มิตซูบิชิ เอ็กแพนเดอร์ …. มันเป็นอย่างไร
หลังจากใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการรับบทเป็นผู้โดยสาร ย่ำเข้าช่วงบ่ายก็ถึงคิวผมประทับในตำแหน่งคนขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi X Pander) กันเสียที
เมื่อขึ้นมานั่งที่คนขับ สัมผัสแรกมันเป็นรถที่ทัศนวิสัยดีมากในการมองระหว่างการขับขี่ ทั้งทางด้านหน้า , ด้านข้าง รวมถึงกระจกมองข้างรถรุ่นนี้ยังมีขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจนกว้างไกลมาก
การเดินทางของผมกับเอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นช่วงจากอำเภอหลังสวนมายังจุดพักรถแถวอำเภอไชยา เส้นทางวิ่งบนถนนเพชรเกษมตลอดการเดินทาง ดังนั้น ก่อนอื่นจึงพูดได้เต็มปากว่า นี่คือการเดินทางแบบนอกเมืองเต็มรูปแบบ
ออกตัวครั้งแรกกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi X Pander) ใต้ร่างเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ติดตั้งมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 1.5 ลิตร ให้กำลัง 106 PS สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที กำลังส่งลงชุดเกียร์ออโต้ 4 สปีด
พอพูดว่าเป็นเกียร์ 4 สปีดหลายคนร้องยี้ไม่เอา อาจจะปิดรีวิวไปกันแล้ว แต่ผมว่าลองเปิดใจกับเกียร์แบบนี้แม้ว่ามันจะเก่าใช้มาตั้งแต่พระเจ้าเหายังทรงพระเยา ผมว่ามันก็ใช้งานง่ายได้ประโยชน์อีกแบบ
ระบบเกียร์ 4 สปีด มีข้อสำคัญในการใช้งาน คือความเรียบง่ายแต่กลับกันจำนวนเกียร์น้อยมาก ทำให้ต้องใช้อัตราทดเฟืองท้ายสูง ในการตอบสนองการขับขี่ เป็นผลให้ใช้รอบเครื่องสูงและออกตัวได้ยังไม่ดีนัก
การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งพร้อมผู้โดยสาร 4 คนในรถ 2 คน มีน้ำหนักใกล้ 100 กก. อีก 2 คนเป็นคนไทยไซส์ปกติ รวมสัมภาระ จะว่าไปก็แทบใกล้เคียงน้ำหนักบรรทุกปกติ จากที่ลองออกตัวแบบเหยียบคันเร่งเต็มที่ ช่วงแรกในการถีบตัวจากจุดหยุดนิ่ง รถจะอืดอาดสักหน่อยแต่ไปเร็วกว่าอีโค่คาร์แน่นอน
รถจะมาลอยตัวช่วงสับเกียร์ 2ไปแล้ว จะเริ่มรู้สึกว่า มันเร่งดีขึ้น และดูลอยลำไปเนียนๆ เมื่อถึงช่วงเกียร์ 3 จนกระทั่งขึ้นเกียร์ 4 จะรู้สึกถึง การเบาเสียงคำรามของเครื่องยนต์
ช่วงการขับขี่ทางไกล ผมลองจับอัตราการทำงานของเครื่องยนต์ ได้ผล ที่อัตราความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงานอยู่ที่ 2,400 รอบต่อนาที และที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. รอบเครื่องยนต์ทำงานที่ 3,000 รอบต่อนาที ถ้ารีบหน่อย 140 ก.ม./.ม. รอบเครื่องจะทำงานที่ 3,500 รอบต่อนาที
ถ้าดูแล้ว จะพบว่าช่วงความเร็วเดินทางใช้รอบเครื่องค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเกียร์ CVT หรือชุดเกียร์ออโต้หลายสปีด หากถ้าย้อนไปในอดีตยุค 90 ที่เกียร์ 4 สปีด ครองเมือง ถือว่าปกติกับระดับการทำงานเครื่องยนต์เหล่านี้ แถมการใช้เกียร์ 4 สปีดอันน้อยนิด ทำให้เวลาเร่งแซง คุณต้องหาช่วงจังหวะที่เหมาะสมหากจะทำการเร่งแซงยาว จากการขับขี่ในวันนี้ผมนิยมใช้ปุ่ม Over Drive ตัดตำแหน่งในเกียร์สูงสุด ทำให้รถสามารถขับได้เร็วขึ้น ตอบสนองในการขับขี่ดีกว่าการอาศัยจังหวะคิกดาวน์
วิ่งทางไกลใช้ความเร็ว สิ่งที่หลายคนต้องทราบ น่าจะเป็นเรื่องของช่วงล่าง มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi X Pander) ตอบโจทย์เรื่องนี้อย่างดีเยี่ยม จนผมกล้ากล่าวว่า เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีช่วงล่างดีในระดับที่น่าพอใจ แถมขับได้สบายไร้กังวล
ทางมิตซูบิชิเปิดเผยว่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi X Pander) มีการพัฒนาช่วงล่างที่สำคัญ 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1.ใช้วาล์ว (Base Valve) ในชุดโช๊คอัพ ทั้ง 4 ต้น จาก Mitsubishi Evolution X ชุดวาล์วดังกล่าวจะตอบสนองการทำงานการการกระแทกที่เกิดขึ้นในระหว่างการขับขี่
1.1ถ้ามีการกระแทกน้อยวาล์วจะปรับเซทให้โช๊คมีบุคคลิขับขี่นิ่มนวล
1.2ถ้ามีการกระแทกต่อเนื่องจะปรับเซทใช้โช๊คมีความตึงในการซับแรงกระแทกมากขึ้น
2.ติดตั้ง Built in Strut Tower Bar ในตัว ณ จุดยึดหัวโช๊ค
3.เพิ่มความแข็งแรงตัวถังทางด้านหลัง เพื่อลดการบิดตัวของตัวถัง ในระหว่างการขับขี่ และการเข้าโค้ง
ตลอดการเดินทางผมอาจจะขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi X Pander) เพียงในช่วงถนนทางหลวง แต่ยอมรับว่า เจ้ารถอเนกประสงค์คันนี้ตอบเรื่องการซับแรงกระแทกได้ดีมาก จนสมควรจะได้รับคำชมเชย
ก่อนหน้าที่ผมจะขับ พี่วิทิต จากเว็บไซต์ Auto-Thailand ได้ขับให้ผมนั่งฝ่าฟันท่ามกลางการจราจร เมืองชุมพร ตลอดทางใช้ความเร็วไม่สูงนัก ช่วงความเร็วต่ำกว่า 80 ก.ม./ช.ม. รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลนั่งสบายในการโดยสาร ความจริงก่อนลองขับเราลองโยกเอามือกดรถดูเล่น ยังนั่งคุยกันอยู่เลยว่า รถคันนี้ทำไมมันนุ่มยวบขนาดนั้น ใจหนึ่งก็คิดว่า จะไหวเหรอ
แต่ความคิดนี้กลับตาลปัตร เมื่อได้นั่งสัมผัสจริง ช่วงขับความเร็วช้าๆ ไปเรื่อย เช่นถนนในซอย หรือขับในเมือง มันเป็นรถที่นั่งสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ และเปลี่ยนเป็นให้ความมั่นใจยามขับขี่ด้วยความเร็วเมื่อต้องเดินทาง
ในความรู้สึกผม ช่วงล่างที่ปรับความแข็งเองตามแรงกระแทกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการยานยนต์ หากมันเป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาใส่รถกลุ่มอเนกประสงค์ ซึ่งโดยมากจะเซทตัวรถให้บุคลิกเดียวตามแต่ที่บริษัทต้องการ
จากที่ขับขี่เจ้า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ (Mitsubishi XPander) ตอบเรื่องการโดยสารดีมาก มันให้อาการนุ่มหนึบ เมื่อคุณขับด้วยความเร็วในระดับหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นเรื่องอาการโคลงตัวที่เคยเป็นปัญหาในรถยนต์อเนกประสงค์ทรงกล่อง เวลาขับเปลี่ยนเลนในช่วงความเร็วเดินทาง สะบัดพวงมาลัยแรง หรือโยนตัวจนทำให้คนที่นั่งแถวสามอยากจะขอลงจากรถ ยอมเดินดีกว่า ถือว่าน้อยมาก
ทว่าด้วยการเซทรถให้ความสูงจากใต้ท้องถึงพื้น 205 มม. แม้จะมีดีเมื่อคุณอาจจะต้องผจญน้ำท่วม ถนนหลุมบ่อไทยสไตล์โลกพระจันทร์เรียกพี่ หากก็กลับกันก็เป็นหอกข้างแครในการขับเข้าโค้ง มันจะมีการโยนตัวอยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงแรกของการเข้าโค้ง ทำให้ จ้ากล่องคันนี้อาจจะยังไม่ถูกโฉลกกับถนนที่อุดมด้วยโค้ง แม้ว่าความรู้สึกระบบกันสะเทือนจะค่อนข้างมั่นใจก็ตาม
อย่างไรก็ดี ปัจจัยในการควบคุมรถอื่นๆ นอกจากระบบช่วงล่างที่เซทมาดี พวงมาลัยก็ปรับน้ำหนักมาพอดีตึงมือกำลังสวยมีระยะฟรีพองามกำลังขับสบาย
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกประการคงไม่พ้นระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจมากเวลาขับขี่ แม้จะเบรกแรงมากการกระจายแรงเบรกทำได้ดี สัมผัสแป้นเบรกรวมถึงอารมณ์การเบรกทำได้อย่างนิ่มนวลและมั่นใจ แม้ว่าจะเผอิญมีรถตัดหน้าคุณ ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการตัดสินใจใช้ดรัมเบรกหลังขนาดใหญ่แทนการใช้ดิสก์สี่ล้อ เหมือนรถรุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน ทำให้น้ำหนักและการกระจายแรงเบรกตอบการขับขี่ได้ดีสมควร
สรุป… มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ขับดีได้ใจ แต่ต้องฟังรอราคา
ไม่นานมาผมมาถึงสุราษฏร์ธานี เปลี่ยนสับกับพี่สื่ออีกรายให้ทดลองขับ โดยก่อนเปลี่ยนมือ ผมเห็นบนหน้าปัดมีอัตราประหยัด 8.9 ลิตร/ 100 กิโลเมตร หรือ ตีแล้วเฉลี่ย 11.23 กม./ลิตร (แต่เราขับด้วยความเร็ว 110-140 ก.ม./ช.ม. ตลอดการเดินทาง)
ในมุมมองผมต่อ Mitsubishi XPander ยอมรับว่า มันเป็นรถที่เปี่ยมด้วยการขับขี่ที่ลงตัว โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนที่ซับแรงยอดเยี่ยม โคลงตัวน้อย ช่วยให้นั่งสบาย
ตัวรถยังมาพร้อมฟังชั่นใช้งานเท่าที่จำเป็นตอบโจทย์ในเรื่องการเดินทาง ไม่ว่าจะเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตัวเบาะนั่งปรับพับรายเรียบ ความใหญ่ของห้องโดยสาร ความสามารถในการปรับพับเลื่อนเบาะแถว 2 และที่อาจไม่ได้พูดถึงมาก คือเรื่องความเงียบของห้องโดยสาร ช่วงความเร็ว 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำออกมาได้ดีเยีย่ม
ส่วนในแง่การออกแบบถือว่า ทำออกมาโดนใจคนชอบความสปอร์ต รถดูเท่ห์บึกบึนเป็นอเนกประสงค์ก้ำกึ่งที่แปลกและกล้าแตกต่างในหลายมุมมองของลูกค้า ที่อาจจะต้องอาศัยความชอบส่วนบุคคลเข้าช่วย เนื่องจากงานออกแบบค่อนข้างจะโฉบเฉี่ยวมาก คงไม่ได้ถูกใจจริตทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ อาจไม่ได้มีความนิยมชอบความสปอร์ตแต่อย่างใด
โจทย์เดียวของ Mitsubishi ในแง่มุมการตลาดวันนี้เหลือเพียงเรื่องเดียว คือราคาขายของตัวรถ ที่จะประกาศในวันที่ 17 สิงหาคม นี้ ในงาน Big Motor Sale และอีกประการคือ การเข้าใจกลุ่มลูกค้าตัวเองที่จะมาซื้อจริงๆ แม้ว่าจะมีกลุ่มที่มองได้หลากหลาย ทั้งผู้ใช้รถเล็ก , คนใช้รถกระบะ และอื่นๆ ที่ทางบริษัทมองจากมุมมองของบริษัทต่อผลิตภัณฑ์ ไปสู่ผู้ที่น่าจะเข้ามาเป็นลูกค้า
หากสำคัญ ที่ดูเหมือนจะสกัดกั้น รถคันนี้แจ้งเกิดเรียกความเชื่อมั่นแบรนด์มิตซูบิชิ คือคำว่า “อำนาจเมีย” รถอเนกประสงค์กว่าร้อยละ 80 เป็นการตัดสินใจซื้อร่วมกัน ระหว่างคู่แฟนหรือสามีภรรยา เตรียมพร้อมสำหรับชีวิตคู่
เท่าที่ผมมีโอกาสสังเกตปฏิกิริยาลูกค้าที่มาดูรถ ทั้งโชว์รูมชุมพรหรือสุราษฏร์ธานีก็ดี พบว่า ผู้ชายจะชอบรถรุ่นนี้มากๆ และถ้าคุณแฟนหรือเมียรู้สึกเห็นด้วย ไม่ก็ตามใจสามี ยอดจองจะเกิดขึ้นทันทีไม่ต้องตัดสินใจนาน แต่ก็อย่างที่ผมพูดการออกแบบรถรุ่นนี้สปอร์ตจ๋ามากๆ มันโดนใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และผมเชื่อว่า ผู้หญิงที่ชอบรถคันนี้จะเป็นสาวเปรี้ยวหรือสาวซ่า ที่ความเป็นมีตัวของตัวเองสูง เราต้องยอมรับกันก่อนว่า ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะมีบุคลิกลักษณะแบบนั้น ถ้ามิตซูบิชิตีโจทย์เรื่องนี้แตก จะเป็นเคสทางธุรกิจที่น่าสนใจ และสร้างฐานรถยนต์อเนกประสงค์ใหม่ให้เกิดขึ้นในบ้านเรา
Mitsubishi XPander ใหม่ เป็นครอสโอเวอร์สไตล์ MPV ที่เราค่อนข้างมั่นใจว่าท้ายที่สุดจะพลิกฟื้นแบรนด์มิตซู มันมีบุคลิกที่ชัดเจน เป็นรถที่คนชอบก็รักเลย โดยเฉพาะคนที่คิดไม่ตกว่าจะซื้อ MPV / SUV มาประจำการที่บ้านดี มันเป็นรถที่มีส่วนผสมลงตัวในเรื่องนี้ ผมติเรื่องเดียว เครื่องยนต์และเกียร์ที่อืดอาดไปหน่อย จนผมอยากบอกคนที่ชอบแต่งรถแล้วอยากซื้อรถคันนี้ ว่า เซทโบแล้วจบเลย … จริงๆ นะ
กลับกันถ้าคุณเป็นคนไม่มีความรีบร้อนอะไรในการเดินทาง เน้นขับแถวบ้านรับส่งลูก ขับเที่ยววันว่าง สามารถลุยได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ และไม่ต้องกังวลกับคำว่าน้ำท่วม นี่คือรถที่เหมาะและตอบโจทย์ อย่างไม่น่าเชื่อ จนผมยังแปลกใจในความคิดยุคใหม่ของมิตซูบิชิ ซึ่งจะหมู่หรือจ่า ขึ้นอยู่การตีโจทย์ทางการตลาดและราคาขายในอนาคต
ขอบคุณทริปทดสอบ Mitsubishi XPander โดยทีมงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยจำกัด ที่เชิญเข้าร่วมในการทดสอบครั้งนี้
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”660″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]