การเปลี่ยนแปลงบางครั้ง มันก็ไม่ได้นำมาด้วยเรื่องที่ดีกว่า ถ้าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันสามารถตอบโจทย์ได้อยู่แล้ว … เหตุใดจะต้องเปลี่ยนแปลง สมควรทำไปทำไม และเพื่ออะไรกัน …
ตลอดหลายปีนับตั้งแต่ทาง Subaru เริ่มผลิต Subaru Forester ขึ้นมาขาย รถรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงตัวตนให้สอดรับความต้องการของรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น ตั้งแต่ยุครถกลุ่มนี้ยังไม่เป็นที่นิยม มาจนวันนี้มันสร้างชื่อเสียงไว้มากมาย ทั้งในเรื่องของทักษะการลุยได้อย่างถึงพริกถึงขิง และความสะดวกสบายในห้องโดยสาร จนเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่นิตยสารผู้บริโภคในอเมริกา หรือ Consumer Report แนะนำให้ลูกค้าซื้อติดต่อกัน ครองตำแหน่งนี้มาหลายปี
ในปีที่ผ่านมา Subaru ตัดสินใจจะเปิดตัวรถยนต์ Subaru Forester ใหม่เข้าทำตลาด ดึงผ้าคลุมในอเมริกา ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายน ทำเอาหลายคนแปลกใจเล็กน้อย ซูบารุเหมือนไม่พัฒนางานออกแบบมากอย่างที่คิด พวกเขาอาจจะใช้เส้นสายใหม่ก็จริง หากมันไม่ดูแตกต่าง แล้วทำไมซูบารุจะต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อนี่คือรถที่ถือว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎรุ่นหนึ่งในไลน์อัพสินค้าของพวกเขา
ท่ามกลางการเปิดตัวรถยนต์ Subaru Forester ใหม่ โฉมเอเชีย การเผยหน้าค่าตาอเนกประสงค์ชายกลางรุ่นใหม่ ทำให้หลายคนสนใจไม่น้อย ว่าที่รุ่นใหม่ที่จะมาทำตลาดในบ้านเราปลายปีนี้เป็นต้นไป มีตัวตนเหมือนกับที่เราเห็นในภาพ ตั้งแต่โฉมอเมริกา ยันโฉมญี่ปุ่น
ใบหน้าตัวใหม่มองเผิน สื่อบางท่านยังหันกลับมาถามผมว่า มันต่างกันตรงไหน …
ความแตกต่างระหว่าง Subaru Forester รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อยู่ที่การออกแบบตัวรถเล็กน้อย ตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมยังคงทรวดทรง 6 เหลี่ยมอย่างเหนียวแน่น เล่นคิ้วโครเมี่ยมมากขึ้น ไฟหน้าใหม่ที่ขยายมีมิติที่เป็นคมสันขึ้นยังให้โคมโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟเลี้ยวดุกดิก Steering Responsive Headlight เหมือนเคย ฝากระโปรงดูเป็นคมสันมากขึ้นกว่าเดิม ตัวรถแอบดูกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วย
ทางด้านข้าง Subaru คงสิ่งที่ดีและได้รับความชื่นชมในตลาดอเมริกาไว้อย่างเหนียวแน่นกับประตูข้างทั้ง 4 บาน ที่สูงใหญ่ และเปิดได้กว้าง ทำให้คนตัวใหญ่ขึ้นลงรถได้สะดวกไม่ต้องม้วนตวัดหาท่าเข้าไปนั่งในรถ ในรุ่นใหม่ที่เราจะมีโอกาสสัมผัสในวันนี้เป็นตัวสปอร์ต เรียกว่า i-S มาพร้อมล้ออัลลอย ขอบ 18 นิ้ว สีทูโทน
ส่วนด้านหลังจัดการออกแบบฝาท้ายใหม่หมด ไฟท้ายรุ่นเดิมที่หลายคน ครหาว่า มันเล็กไปไม่สมความเป็น Forester ที่ถ่ายทอดมาจากเจน 3 มายังเจน 4 รุ่นใหม่ ถูกปรับขยายเป็นไฟท้ายแนวยาวเลื้อยเข้าไปยังในชุดฝาท้ายทรวดทรงดูคล้ายก้ามปู ดูจากภาพที่เคยเห็นมันไม่ค่อยสวย มาดูคันจริงบอกเลยว่าพอรับได้
ตัวฝาท้ายครั้งนี้ยังคงเป็นระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ผมกก็หวังว่าบ้านเราจะไม่ถูกตัดออกชั่นนี้ออกไป ทางซูบารุกล่าวตอนเปิดตัวว่าฝาท้ายรุ่นใหม่เปิด-ปิด เร็วกว่ารุ่นเดิมอย่างแน่นอน ..
มาถึงไต้หวันทั้งทีเปิดตัวแล้ว ก็ต้องลองขับชิมลาง ก่อนขับผมสังเกตลมฝนบนฟ้าเมืองไทชุง ดูแล้วมืดทะมึนมาแต่ไกล ไม่นานสิ่งที่ผมคาดคิดก็เป็นจริง ฝนเทลงมาชุดใหญ่ทำเอาด่านทดสอบแรกของเราเปียกปอนต้องรอสักพักใหญ่ให้ฝนซาลง เราจึงขับกัน
ด่านแรกทางซูบารุจัดการเนรมิตรสนามโกคาร์ทกลายเป็นสนามทดสอบเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ชั่วคราว โพวกเขาเตรียมรถรุ่นเก่าให้เราลองขับ พร้อมคู่แข่งอีก 2 คันที่พวกเขาหวังว่าจะฟาดฟัน
ผมขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ปรับเบาะนั่งให้เข้าสรีระ เจ้าฟอสซี่ยังคงรักษาสิ่งที่ผมชอบในรถรุ่นนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น คือ การขึ้นลงที่ง่ายและสะดวก ถ้าคุณตัวใหญ่แบบผม รวมถึงความรู้สึกของพื้นที่เหนือหัวที่สูงโปร่งโล่งสบายได้อารมณ์รถทรงกลางอยู่บ้าง
ภายในห้องโดยสารหลายอย่างเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงช่วงคอนโซลหน้าใหม่ยกเซทดูทันสมัย น่าใช้งานมากขึ้น อาทิ ระบบเครื่องเสียงใหม่จอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้ว ตรงหน้าคนขับมาพร้อมเรือนไมล์ใหม่จอสียังคงใช้ไมล์เข็มดูมีเสน่ห์ที่เริ่มหาได้น้อยลงแล้วในวันนี้ ตรงกลางคอนโซลหน้ายังมีชุดจอ มัลติฟังชั่นดิสเพลย์แยกต่างหากให้เลือกดูข้อมูลและอะไรก็ตามที่คุณอยากรู้
พวงมาลัย3 ก้าน มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและระบบ Cruise Control มาให้ พร้อมโหมดการขับขี่ที่ยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นไม่สามารถหาได้ใน Subaru XV ตรงคันเกียร์มีระบบ X Mode มาให้เสร็จสรรพ งวดนี้ยังสามารถเลือกปรับว่าจะเป็นโหมดปกติ หรือ Special X Mode ที่มีความสามารถลุยได้มากขึ้น
ผมกดปรับท่านั่งบนเบาะไฟฟ้า เมื่อได้ท่านั่งที่ต้องการผมรู้สึกว่าการตัดเย็บเบาะนั่ง Subaru Forester ใหม่มีสัมผัสที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ตัวเบาะรุ่นใหม่ รู้สึกให้ความสบายในการสัมผัสแผ่นหลังมากขึ้น แต่จะดีแค่ไหน คงต้องรอเอามันมาขับเดินทางไกลในไทยก่อนจึงจะสามารถบอกได้
ก่อนมานั่งตำแหน่งคนขับผมมีโอกาสนั่งหลังมาแล้ว เบาะนั่ง Subaru Forester ใหม่ตอนหลังออกแบบมาดีขึ้นอย่างชัดเจน มีพนักเท้าแขนที่มีที่วางแก้ว ช่องแอร์ตอนหลังที่ทำให้มันฉีกจากน้องชาย และรวมถึงช่องเสียบ USB พร้อมแรงดันไฟฟ้าขนาด 2.1 A สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ผมยังไม่เห็นค่ายไหนใจปล้ำเท่านี้มาก่อน
นอกจากนี้ในรุ่นใหม่เบาะนั่งตอนหลังยังสามารถปรับระดับเอนได้ ประมาณ 4 ระดับ เท่าที่ลองในช่วงงานเปิดตัว โดยใช้วิธีการดึงเชือกที่อยู่ทางด้านล่าง จะปรับให้ตั้งมานั่งคุย หรือจะขอพักผ่อนเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็สุดแท้แล้วแต่ผู้โดยสารจะเลือกเอาตามความปรารถนา
ทุกอย่างพร้อมได้เวลาที่เราจะไปซิ่งกับ Subaru Forester น่าเสียดายในเวอร์ชั่นเอเชีย ทางซูบารุตัดสินใจที่จะยังคงใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เหมือนเดิม เพียงแต่ปรับให้เป็นจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection ผมดูตามรายละเอียดทางเทคนิคของเครื่องยนต์ให้กำลัง 156 PS ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผมค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเป็นเครื่องบล็อกเดียวกับที่ติดตั้ง Subaru XV
ย้อนกลับไปตอนงานเปิดตัว ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณ โทโมยูกิ นูโนเมะ ผู้จัดการทั่วไปโครงการพัฒนารถยนต์ Subaru Forester ด้วยความงงงวยว่า ทำไมเวอร์ชั่นเอเชียถึงเป็นเครื่องยนต์บล็อก 2.0 ลิตร ทั้งที่ในญี่ปุ่นเองกลับเป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และนั่นทำให้มันแตกต่างจาก Subaru XV อย่างสิ้นเชิง
ผมได้รับคำตอบเพียงว่า ทางซูบารุมองความเหมาะสมของการใช้งานในแต่ละตลาดไม่เหมือนกัน สำหรับเอเซียใช้เครื่อง 2.0 ลิตร ก็น่าจะเพียงพอแล้วต่อการใช้งานของลูกค้า
แน่นอนซูบารุรู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สามารถหนีความจริงได้คือ Subaru Forester มีขนาดใหญ่กว่า Subaru XV และนอกจากความสูงโปร่งของพวกมันที่ต้านลมกว่าแล้ว น้ำหนักตัวรถยังเพิ่มขึ้นมากกว่าในระดับหนึ่งด้วย
จากที่ผมเปิดสเป็คก่อนหน้าจะขับขี่ Subaru Forester ใหม่ เมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักตัวรถของ Subaru Forester ใหม่ กับ Subaru XV ใหม่ เจ้าฟอสซี่จะหนักกว่าประมาณ 110 กก. นั่นทำให้เมื่อใส่เครื่องยนต์เดียวมันจะต้องอืดกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมเข้าเกียร์ D ออกตัว Subaru Forester โดยใช้คันเร่งประมาณ 3 ใน 4 ของระยะคันเร่งทั้งหมด ในรถมีผู้โดยสาร 4 คัน ผมกับครูฝึกเป็นคนตัวไซส์พอๆ กัน นั่งด้านหลังเป็นน้องสื่อชาวไทยสาวน้อยตัวเล็กไซส์มินิ 2 คนที่มาร่วมสังเกตการณ์การทดสอบครั้งนี้
การออกตัวอืดกว่าเดิมเล็กน้อย ผมเชื่อว่า น่าจะเป็นผลมาจากการเซทคันเร่งไฟฟ้าด้วยส่วนหนึ่ง ที่อาจจะทำให้เหมาะกับเครื่อง 2.5 ลิตร แต่เมื่อในเวอร์ชั่นเอเชียเป็น 2.0 ลิตร ที่มีแรงบิดและกำลังน้อยกว่า 2.5 ลิตร (เครื่อง 2.5 ลิตร ให้กำลัง 184 PS แรงเบิดสูงสุด 239 นิวตันเมตร) การเซทคันเร่งไฟฟ้าที่ไม่เน้นความเร่าร้อนเมื่อออกตัวมาก จึงทำให้การออกตัวจากการหยุดนิ่งรู้สึกว่าเชื่องช้าเมื่อเป็นเครื่อง 2.0 ลิตน ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่นำมาให้เราขับ ซึ่งหนึ่งเป็นอเนกประสงค์รุ่นยอดนิยมเครื่องเทอร์โบที่ไม่มีสเป็คนี้ขายในไทย อีกหนึ่งเป็นดีเซลรุ่นยอดนิยมมีขายในไทย
Subaru Forester ออกตัวเชื่องช้ากว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากเครื่องยนต์กำลังน้อยกว่าและรถมีน้ำหนักตัวถึงประมาณ 1,500 กก. ไม่รวมผู้โดยสาร ยิ่งทำให้มันตอบสนองในช่วงแรกช้ากว่ามาก จะมาดีก็ตอนล้อหมุนแล้วคุณเติมคันเร่งดันเพิ่มเติมความเร็ว
ถึงช่วงทางโค้ง Subaru forester ใหม่ เริ่มออกลายโชว์กึ๋นสมรรถนะให้เราได้ประจักษ์ด้วยการโคลงตัวน้อยกว่า จากการนำเอาโครงสร้างแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุด Subaru Global Platform มาพัฒนา ทำให้การโครงสร้างรวมแข็งขึ้นการโคลงตัวน้อยลง เห็นได้ชัดในจังหวะที่คุณขับแล้วหักพวงมาลัยด้วยความเร็ว เช่น การขับสลาลอม (หักพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว) รวมถึงในยามเข้าโค้งแคบ กล้าพูดว่าเจ้าป่าคันนี้ เอนตัวน้อยกว่าในบรรดาอเนกประสงค์คันอื่นๆ เท่าที่ผ่านมือมา การโคลงตัวน้อยช่วยให้ผู้โดยสารนั่งสบาย และคนขับคุมรถได้อย่างมั่นใจขึ้น
ทว่าผมก็ยังพบอาการท้ายสไลด์ ถ้าคุณขับเข้าโค้งแคบแล้วหักเลี้ยวในโค้งด้วยความเร็วจะมีอาการ Over Steer เกิดขึ้นเล็กน้อย มันไม่ค่อยน่าพิสมัยนัก แม้ว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะเอาอยู่ก็ตาม
เสร็จจากด่านแรก เรามุ่งหน้าสู่ด่านออฟโรด ชื่อเสียงของ Subaru Forester ไม่ได้มีดีทางด้านการนั่งและการโดยสารเท่านั้น แต่ยังได้รับความชื่นชมอย่างมากในหมู่ผู้ใช้ในแง่ความสามารถในการขับลุยทางสมบุกสมบัน
ตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ (รุ่นที่ขายในบ้านเราปัจจุบัน) Subaru ติดตั้งระบบ X Mode ช่วยเพิ่มความสามารถในการลุยเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า ระบบนี้จะช่วยผสานการทำงานเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อรวมแรงเพื่อช่วยในการลุยให้เป็นได้อย่างราบลื่น
งวดนี้ระบบ X Mode กลับมาอีกครั้ง ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Special X Mode ที่มีในรุ่น 2.0 i-S ตัว X Mode จะแยกเป็น Snow- Dirt กับ Deep Snow – Mud ตอบโจทย์ในการขับขี่เพิ่มเติม ส่วนในรุ่นปกติ จะสามารถเลือกปิดหรือเปิด ระบบควบคุมการทรงตัว เพื่อช่วยในการลุยได้มากขึ้นตามที่ผู้ขับต้องการ
ด่านนี้เส้นทางส่วนใหญ่ก็เป็นอุปสรรคในการขับขี่เดิม ๆ ที่เจอได้ในทางลุย ไม่ว่าจะเนินสลับ , ถนนวิบาก เนินสูง ทางลงลาดชัน ทั้งหมด Subaru Forester สามารถผ่านได้อย่างฉลุยสบายมาก หายห่วงด้วยระยะความสูงต่ำสุดจากพื้น 220 มม. และยังคงการออกแบบให้ช่วงกันชนหน้า-หลัง ถึงล้อมีระยะสั้น เพื่อช่วยให้มีมุมไต่และมุมจาก มากกว่า Subaru XV น้องชายของมัน
สิ่งที่ดูเหมือนจะโดดเด่นขึ้นคงเป็นระบบ Special X Mode ที่ทำอะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะการไต่เนินชันดูเหมือนจะไม่ต้องใช้คันเร่งมาก เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม แม้จะเข้า X Mode แล้ว คุณก็อาจจะยังต้องรุนคันเร่งช่วยอยู่บ้าง จากประสบการณ์ที่ผมเคยเอา Suabru Forester บุกป่าฝ่าดงที่เขากระโจมมาแล้ว
กอปรกับโครงสร้างใหม่ที่มีความแข็งแรงขึ้น ผมรู้สึกถึงความมั่นใจในยามลงหลุมหรือรับแรงกระแทกมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในทางที่มีความโหดหนักๆ เช่น คุณต้องวิ่งเทคตัวกระโดดขึ้นเนินชัน หรือผ่านถนนที่มีความวิบากผิดปกติ ความรู้สึกเรื่องโครงสร้างรถบิดตัวระหว่างลุยน้อยลง ผมกล้าพูดว่า ขับแล้วมั่นใจกว่าเดิม ดีพอจะลุยโหดมากขึ้นในเส้นทางที่คุณอยากจะไป
ด้านความสบายในการโดยสาร ระหว่างขับลุยก็ดีเหมือนเดิม จากที่ไปนั่งถ่ายภาพวีดีโอเป็นมือกล้องจำเป็นให้เพื่อนนักข่าวด้วยกัน ผมว่าโครงสร้างใหม่ซับแรงกระแทกดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมเยอะมาก จนนั่งสบายแม้คุณจะพาพ่อตาแม่ยายโขยกขับเข้าป่า ในวันเหนื่อยล้า
กลายเป็นว่าผมชอบบุคลิก Subaru Forester ใหม่ในทางลุยมากกว่า ขับบนถนนปกติ และดูเหมือนมันจะทำได้ใกล้เคียงการลุยรถ PPV ทั้งหลายมากขึ้น เว้นเรื่องเดียวคือการลุยน้ำในระดับที่สูงอาจจะยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง
สรุป 2019 Subaru Forester เพิ่มเติมสิ่งเดิมผสานสิ่งใหม่
ทุกครั้งที่เราเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกว่า มันไม่คุ้มเอาเสียเลยที่จะซื้อรถรุ่นนั้น ๆ มาใช้งาน
ถ้ามอง Subaru Forester เผินๆ งานออกแบบภายนอกอาจจะดูมีแนวทางไม่ต่างจากเดิมมากมายนัก ในเชิงความรู้สึกถ้าคุณเดินผ่านแล้วมองมันหลายๆ ครั้ง จะรู้ได้ถึงความสง่างามออกไปในทางความหรูหรามากกว่ารุ่นเดิม ผมสัมผัสว่า ซูบารุต้องการทำรถรุ่นนี้ให้ดูสูงวัยมากขึ้น เพื่อแยกกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนมากขึ้น ระหว่างอเนกประสงค์สำหรับผู้ใหญ่ และอเนกประสงค์สำหรับวัยรุ่นสร้างตัว Subaru XV
คนที่ซื้อฟอร์เรสเตอร์อาจจะมองเรื่องการออกแบบเป็นประเด็นสำคัญน้อยลง แล้วตั้งใจซื้อรถที่มีฟังชั่นการใช้งานครบครันตอบความสะดวกสบาย การใช้งาน และรวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น ผมไม่แปลกใจนักที่ซูบารุพยายามเก็บสิ่งที่ดีของพวกเขาเอาไว้แล้วสร้างสรรค์สิ่งใหม่ลงไปเพิ่มเติม
ถ้าให้ผมพูดถึงจุดเด่นในรุ่นนี้ เท่าที่มีเวลาสัมผัสรถรุ่นนี้ น่าจะต้องตอบว่า ออพชั่นรถรุ่นนี้น่าใช้มากขึ้น ทั้งประตูท้ายไฟฟ้า , เบรกมือไฟฟ้า เบาะไฟฟ้าคู่หน้า และ เบาะนั่งหลังที่สามารถปรับได้หลายระดับในการใช้งาน พื้นที่สัมภาระ รวมถึงความจุกจิกอีกนับไม่ถ้วนที่มีในรถคันนี้ อาทิ ช่องเสียบ USB และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
รวมถึงการให้จิตวิญญาณใหม่โครงสร้างใหม่ที่แข็งแรงขึ้น ช่วยให้รถนั่งสบายมากขึ้น แรงกระแทก แรงเหวี่ยงน้อยลง โดยเฉพาะในการลุยที่สมบุกสมบันรถดูพร้อมจะฝ่าฟันทางโหดดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม ที่บางจังหวะเดิมทีรู้สึกได้ถึงการบิดตัวในเชิงโครงสร้างในบางจังหวะด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่ทางซูบารุ ตัดสินใจใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในเจ้าฟอสซี่ใหม่ ทำให้มันยังคงน่าจะเจอ โจทย์ปัญหาทางการตลาดเดิมรบเร้าจากลูกค้า ที่จะต้องตัดสินใจระหว่าง การเลือก Forester หรือ XV
ถึงฟอร์เรสเตอร์จะมีฟังชั่นครบครื่องมากกว่า แต่ความสูงวัยในการออกแบบก็ไม่ตอบโจทย์กับคนบางกลุ่มที่มองหารถที่มีสไตล์ตามนิสัยคนไทย อาจทำให้เมื่อเปิดขายจริงจะไม่สามารถเดินตลาดได้สะดวก อย่างที่ทางซูบารุต้องการและเฝ้าหวังว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
ถามผมเวลานี้ Subaru Forester ใหม่น่าสนใจหรือเปล่า ผมว่าน่าสนใจแง่ของฟังชั่นในการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน และความสามารถในการขับขี่ที่ดีขึ้น วันนี้ที่ได้สัมผัสเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ กับเจ้าป่าโฉมใหม่ มันมีหลายอย่างที่ประทับใจ แต่คงต้องรอจนกว่าจะได้ขับกันอย่างละเอียดอีกที เมื่อเปิดตัวพร้อมขายในไทย จึงจะพอบอกได้ว่า คุณสมควรจะตัดสินใจซื้อมันมากน้อยแค่ไหนกัน
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”671″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]