Home » Bust Just Drive : Mazda CX-3 2018 ปรับนุ่ม เพิ่มหรู เสริมความปลอดภัย
Bust First Drive รีวิว

Bust Just Drive : Mazda CX-3 2018 ปรับนุ่ม เพิ่มหรู เสริมความปลอดภัย

ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ตลาดรถครอสโอเวอร์เอสยูวีกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากผู้เล่นหลักจากค่าย H ได้เปิดตัวรถรุ่นปรับโฉมมาทวงคืนบันลังก์ ไม่เว้นแม่แต่มวยรองอย่าง Mazda CX-3 ยานยนต์อันมีรูปทรงสวยงามแต่ยอดขายยังมิอาจเทียบเท่าคู่แข่งค่ายใหญ่ ทว่าคราวนี้รถจากเมืองฮิโรชิม่าได้เพิ่มความหล่อ ปรับการขับขี่ให้นุ่มนั่งสบาย และอัดความหรูหรา เพื่อเข้าถึงใจลูกค้าทั่วไปให้ตรงเป้ากว่าเดิม

 

เรารู้ว่าหลายคนคงเคยตั้งคำถามในหัวตัวเองว่า รถยนต์ที่เราต้องการมันเป็นแบบไหนกันแน่ ถ้าเป็นสมัยก่อนย้อนไป 5-10 ปี คำตอบที่ผุดขึ้นมาบนสมองลำดับแรกคงหนีไม่พ้นรถกระบะ 4 ประตู หรือไม่ก็รถยนต์นั่ง 4 ประตู แต่ในปัจจุบันโจทย์ที่ผู้บริโภคได้ตั้งไว้ให้บรรดาบริษัทรถยนต์คอยตามแก้เริ่มโหดหินขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงไม่กี่ปีมานี้คำตอบที่ถูกกลั่นกรองจากความต้องการของผู้คน ได้ออกมาเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งอันมีนามเรียกโดยรวมว่า ‘เอสยูวี’ ซึ่งสามารถแยกย่อยแบ่งออกได้หลายชนิดตามลักษณะรวมถึงขนาดรถ สำหรับวันนี้เราจะพามารู้จักหนึ่งในครอสโอเวอร์ที่ถือได้ว่า เป็นกลุ่มตลาดอันจัดว่าร้อนแรงที่สุดซึ่งกำลังขายอยู่บนประเทศไทย

 

Mazda CX-3 2018

 

 

Mazda CX-3 2018 คือครอสโอเวอร์คันล่าสุดที่เพิ่งปรับไมเนอร์เชนจ์ตามติดคู่แข่งที่เพิ่งปรับโฉมหรือเปิดตัวใหม่ แม้ว่าที่ผ่านมา CX-3 จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มยอดขายลำดับหัวแถวตั้งแต่เปิดตัวจวบถึงปัจจุบัน แต่ทีมงานมาสด้าก็ปล่อยให้คู่แข่งเดินเกมแบบสะดวกสบายตามใจชอบไม่ได้ พวกเขาจึงได้ส่งรถรุ่นปรับโฉมครั้งใหญ่ที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูหรูสุขุมกว่าตัวก่อน ขณะเดียวกันห้องโดยสารยังตั้งเป้าให้ผู้ขับขี่กับผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความหรูมีระดับ และที่สำคัญคือช่วงล่างซึ่งปรับจูนใหม่เน้นความนุ่มสบายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

 

Mazda CX-3 2018

Mazda CX-3 2018

 

ทุกครั้งที่มีคนถามว่า CX-3 2018 มันต่างกับรถโมเดลก่อนตรงไหน เราบอกได้ว่าภายนอกไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่ เริ่มด้วยสิ่งชัดแจ้งที่สุดก็คือ กระจังหน้าแนวขวางลายใหม่ ครอบไฟตัดหมอกสีดำเงากับคิ้วโครเมียม ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ไฟท้ายแอลอีดีทรงเดียวกับ Mazda 3 2018 รวมถึงกรอบเสาประตูรถสีดำเงา และปิดท้ายด้วยขอบคิ้วประตูด้านล่างพร้อมแถบโครเมียม เรียกว่าถ้าไม่ใช่คนบ้ารถตัวจริงก็คงระบุความต่างกันระหว่างรถรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ ที่แตกต่างกันเพียง 7 ตำแหน่งออกไม่หมดแน่นอน

 

Mazda CX-3 2018 Mazda CX-3 2018

 

ต่อกันแบบไม่หยุดพักด้วยประเด็นห้องโดยสาร ที่ทางมาสด้าพยายามยกระดับภายในให้หรูหรากว่าเดิม เพราะก่อนหน้ามีลูกค้าหลายคนบ่นกับบริษัทว่าภายในเหมือน Mazda 2 ราคาเจ็ดแสนกว่าไม่มีผิด… คราวนี้ CX-3 2018 จึงได้เพิ่มวัสดุคุณภาพสูงเช่น หนังกลับอัลคันทาร่าสีเทาสว่างมาตกแต่งบริเวณคอนโซลหน้าตอนล่าง ไปจนถึงแถบแผงประตูซ้ายขวาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะเดียวกันยังลบคำครหาที่ว่ารถราคาเป็นล้านไม่มีที่วางแขนให้คนขับกับผู้โดยสารตอนหน้า รอบนี้จึงใส่มาให้ตามคำขอ แต่ว่าพอใช้งานจริงแล้วมันติดตั้งอยู่ในตำแหน่งต่ำจนใช้งานจริงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งเบาะคนขับยังสามารถปรับให้เข้ากับสรีระได้ดีเช่นเดิม พร้อมกันนี้ก็ได้ถอดเบรกมือแบบคันโยกออกแล้วแทนที่ด้วยเบรกไฟฟ้ากับปุ่ม Auto Brake Hold ปิดท้ายด้วยหลังคาซันรูฟในรุ่นท็อปทั้งเครื่องเบนซิลและดีเซล

 

Mazda CX-3 2018 Mazda CX-3 2018

 

ความสะดวกสบายของการนั่งโดยสารที่เบาะหลังนับเป็นอุปสรรคใหญ่ของรถมาสด้าหลายคัน โดยคราวนี้ CX-3 ได้ปรับปรุงในจุดที่สามารถแก้ไขได้ เช่น การเพิ่มที่วางแขนตรงกลางบริเวณเบาะหลัง อันมาพร้อมกับช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่องที่กดเปิดปิดได้ ทว่าพื้นที่เหนือศีรษะกับที่วางขายังคงด้อยกว่าคู่แข่งในตลาดคันอื่น หากผู้ซื้อต้องการนำรถคันนี้ไปใช้งานเพื่อรองรับการเดินทางโดยครอบครัว เราคิดว่า CX-3 อาจไม่ได้คำตอบที่เหมาะสมนัก แต่ถ้าซื้อไปใช้ขับคนเดียวหรือนั่งแค่ 2 คน คุณก็จัดได้เลยตามความพอใจ ทั้งนี้ห้องเก็บสัมภาระยังมีขนาดเท่าเดิม ให้คุณยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กยัดใส่ได้ 2-3 ใบ พอต่อการเดินทางไปเที่ยวระยะสั้น

 

Mazda CX-3 2018 ขับดีขึ้นไหม นุ่มกว่าเดิมหรือเปล่า?

 

การทดลองขับครั้งนี้ในขาแรกมุ่งหน้าจากกทม. ปลายทางหัวหิน เราได้รับ CX-3 2.0 SP ส่วนขากลับเป็นคิวของ CX-3 1.5 XDL ที่ทางวิศวกรบอกว่าเรื่องขุมพลังกับเกียร์นั้นไม่ได้ปรับอะไร แต่พวกเขามุ่งเน้นไปที่ประเด็นความสะดวกสบายกับการป้องกันเสียงรบกวนมากกว่า ซึ่งจากการได้ขับก็เห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ แทบไม่แตกต่างอะไรกับรถรุ่นก่อน เพื่อความเป็นประโยชน์สูงสุดเราจะเทียบความแตกต่างของรถเครื่องเบนซิลกับดีเซลให้ผู้อ่านดูจะเข้าท่ากว่า โดยเครื่องเบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตร ให้กำลัง 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 204 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที ส่วนเครื่องดีเซล Skyactiv-D 1.5 ลิตร ให้กำลัง 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที

 

Mazda CX-3 2018

 

ในช่วงตีนต้นนั้นรุ่นดีเซลถีบตัวออกด้วยแรงดึงชนิดหลังติดเบาะชัดเจนกว่ารุ่นเบนซิน เรียกว่าเอาใจคนขับรถในเมืองที่ต้องการอัตราเร่งช่วงสั้นไว้เพื่อพุ่งฝ่าการจราจรอันคับคั่ง แต่ถ้าเมื่อใดที่ความเร็วเกิน 60 กม./ชม. หรือกดคันเร่งคิ๊กดาวน์เพื่อแซงในช่วงความเร็ว 80-100 กม./ชม. รุ่นดีเซลจะมีกำลังไต่ความเร็วช้ากว่าเครื่องเบนซินอยู่พอสมควร กลับกันรุ่นเบนซินจะด้อยกว่าเล็กน้อยในช่วงอัตราเร่งช่วงต้น ทว่าพอรถเริ่มลอยตัวหรือวิ่งด้วยความเร็วเดินทาง กรณีที่กดคันเร่งลงไปเราสัมผัสได้ว่ามีกำลังเพื่อไต่ความเร็วได้ว่องไวกว่า บอกได้ว่าอัตราเร่งของเครื่องเบนซินแรงกว่าดีเซลในทุกมิติ เพราะจากการที่เราใช้อุปกรณ์จับความเร็วผลปรากฏว่า รุ่นเบนซินวิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 11 วินาที ส่วนรุ่นดีเซลวิ่งได้ราว 13.5 วินาที (เราใช้อุปกรณ์วัดจาก GPS มิใช่การจับเวลาด้วยนาฬิกาแล้วดูความเร็วบนมาตรวัด ดังนั้นตัวเลขที่ได้มาจึงอาจสูงกว่าค่าที่สื่อท่านอื่นนำเสนอ)

ส่วนเรื่องความประหยัดเราปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะกดคันเร่งจนแทบทะลุรถ เจ้ารุ่นดีเซลก็ขึ้นจอโชว์อัตรากินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 15.6 กม./ลิตร ส่วนรุ่นเบนซินนั้นซดน้ำมันจุกว่าด้วยความเป็นเครื่องใหญ่ไร้เทอร์โบ ผลจึงเฉลี่ยจึงออกมาที่ 11.3 กม./ลิตร แต่เราอนุมานว่าถ้าเอาไปขับเดินทางปกติ CX-3 ก็จัดอยู่ในกลุ่มความประหยัดใกล้เคียงกับคู่แข่งคันอื่น

 

Mazda CX-3 2018

 

ประเด็นต่อมาที่เราจะสื่อสารกับผู้อ่านแทนมาสด้าอย่างเรื่องความสบายตอนขับขี่โดยสาร มาครั้งนี้มาสด้าแก้เกมลบจุดด้อยที่เคยมีคนบ่นว่า CX-3 เป็นรถสำหรับวัยรุ่นหรือคู่รัก อันเนื่องมาจากรถโมเดลก่อนมีช่วงล่างชนิดแข็งตึงตังกว่าคู่แข่งในตลาดทุกคัน แต่กลับกันการมาครั้งใหม่ CX-3 กลายเป็นรถที่ให้ช่วงล่างแน่นแต่ลดความกระด้างหรือแข็งลงมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะจากการขับในเมืองหรือวิ่งด้วยความเร็วเดินทาง อาการเวลาวิ่งผ่านถนนขรุขระกับทางเป็นหลุมบ่อ เราไม่รู้สึกว่าก้นกระแทกแรง หรือแม้แต่รถสั่นกระแทกจนคนขับกับผู้โดยสารหัวสั่นหัวคลอน กลายเป็นรถที่ให้ความสบายผสานกับการขับขี่ที่แน่นมั่นใจได้ลงตัวกลมกล่อม อย่างไรก็ตาม เราบอกสักนิดว่าหากคุณใช้รถคันนี้โดยสารพร้อมกัน 4 คน ไปกับสัมภาระเต็มท้ายรถ เวลาที่วิ่งด้วยความเร็วสูงตัวรถจะไม่มั่นคงเท่าการขับขี่บนรถรุ่นเก่าภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน

เราขอข้ามเรื่องพวงมาลัยกับเบรกไปเพราะมันยังคงให้ความรู้สึกดีระดับหัวแถวไม่ต่างจากเดิม แต่มาพูดคุยในหัวข้อความเงียบที่ทีมวิศวกรมาสด้าระบุว่าพวกเขาตั้งใจปรับแต่งในจุดนี้มาก เริ่มด้วยการปรับเพิ่มวัสดุซับเสียงรอบคัน กระจกหน้าต่างหนาขึ้น หลังคาหนาขึ้น และใช้ยูรีเทนมาเติมเต็มส่วนภายในบานประตูให้เสียงเข้าน้อยลง แถมยังสร้างความรู้สึกหนักแน่นเวลาปิดประตู ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ภาพรวมเรื่องเสียงรบกวนเข้ามาในรถน้อยลงกว่ารถรุ่นเก่า เรียกว่าทุกช่วงความเร็วไม่ว่าจะเสียงยางบดถนน เสียงลมไหลผ่านตัวรถ หรือเสียงกระแทกของช่วงล่างเวลาเจอผิวถนนขรุขระ เหล่านี้ล้วนลดลงจนเรารู้สึกประทับใจ เพราะมันทำให้การพูดคุยกันภายในห้องโดยสารไม่ต้องเพิ่มเสียงแข่งกับเสียงจากข้างนอก ข้อนี้เราชื่นชนมาสด้าที่มีพัฒนาดีขึ้นในประเด็นเสียงรบกวน

 

Mazda CX-3 2018

 

เพิ่มเติมความปลอดภัย กับราคาที่ดึงดูดใจกว่าเดิม

 

มาครั้งนี้ Mazda CX-3 2018 ยังคงยกระบบความปลอดภัย i-Activsense มาจากโมเดลก่อนครบถ้วน แล้วได้เพิ่มกล้องภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมกับเซนเซอร์กะระยะทั้งหน้าและหลังรวมเป็น 8 จุด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้รถคันนี้กลายเป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุดในตลาดครอสโอเวอร์ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ขณะเดียวกันมาสด้าได้ปรับราคารถใหม่ในหลายระดับ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าซื้อรถตรงตามเป้าหมาย เพราะครั้งนี้พวกเขาอยากให้รุ่นท็อปเบนซินกับดีเซลเป็นตัวปั้นยอดขายหลัก จึงได้คงราคารุ่นสูงสุดของเบนซินไว้เท่าโมเดลก่อน ส่วนรถดีเซลก็ปรับราคาลดลง 4,000 บาท โดยรถที่เราทดสอบทั้งสองคันในรุ่น 2.0 SP กับ 1.5 XDL มีราคาระหว่าง 1,083,000-1,189,000 บาท

 

Mazda CX-3 2018

 

สรุป… 

 

ดูเหมือนมาสด้าพยายามจะปรับตัวเองเข้าหากลุ่มลูกค้าอย่างมากตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะเมื่อก่อนพวกเขาปั้น CX-3 ออกมาให้เป็นครอสโอเวอร์ที่มีฟีลการขับขี่แบบสปอร์ตจ๋าเอาใจวัยรุ่น แต่การมาครั้งใหม่นี้ได้ลดทอนความเอาแต่ใจลง เริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่วัยเข้าใจโลกความเป็นจริง หลังจากสมัยโน้นโดนคนดูถูกปรามาสว่าอย่างเจ้าอ่ะไม่สามารถอยู่กับคนทั่วไปได้หรอก แต่ปัจจุบันครอสโอเวอร์คันนี้มีความกลมกล่อมถูกใจคนธรรมดามากขึ้น แต่ก็ยังมีบางประเด็นอย่างเช่นเรื่องพื้นที่ห้องโดยสารซึ่งคับแคบที่สุดในบรรดาคู่แข่ง ถึงอย่างนั้นเราก็มองว่ารถคันนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตลอดมา ซึ่งเราเชื่อว่ารถคันนี้มีข้อเด่นเฉพาะตัวที่ต่อสู้กับคู่แข่งตัวโหดในตลาดได้แบบสูสีไม่ด้อยกว่ากันเท่าไหร่

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”672″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.