โตโยต้า ประเทศไทย นำเข้าซีดานกลางตัวหรู Lexus ES 300h 2018 โมเดลเชนจ์ โดดเด่นที่รูปลักษณ์ย่อส่วนจาก LS เรือธงของค่าย กอปรกับห้องโดยสารหรู ขุมพลังไฮบริด 2.5 ลิตร และความปลอดภัยแน่นๆ ส่วนราคาอยู่ระหว่าง 3.59-4.19 ล้านบาท
Lexus คือแบรนด์รถยนต์หรูจากโตโยต้าที่มีจุดประสงค์ในการก่อตั้งครั้งแรก เพื่อท้าตีท้าต่อยกับยนตรกรรมหรูจากเยอรมันในช่วงยุคปี 90 โดยตอนนั้นเลกซัสได้เปิดตัว Lexus LS เรือธงกับ ES ลุยตลาดสหรัฐฯ ในปี 1989 ผลลัพธ์ชาวเมืองลุงแซมให้การตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ Lexus ES 300h 2018 จึงเปิดตัวช่วงกลางปีที่ผ่านมา สานต่อความดีงามเรื่องความนุ่มนวลและห้องโดยสารสุดเงียบ โดยวันนี้รถซีดานกลางขุมพลังไฮบริดก็ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับใครก็ตามที่มองหารถยนต์นั่งระดับผู้บริหาร นอกเหนือจากคำตอบฝั่งแบรนด์ยุโรป
Lexus ES ก้าวมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 7 ซึ่งยังคงไว้ในเรื่องรูปกายสุดหรูอันแฝงความสปอร์ต มีขนาดใหญ่ขึ้นแต่กลับเพรียวลงกว่าโมเดลก่อน สาเหตุมาจากการเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้การ ES ใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่มั่นใจกว่าก่อน จากเดิมที่มีหลายคนบอกว่ารถเลกซัสสร้างเพื่อคนนั่งเท่านั้น หากดูรายละเอียดภายนอกจะพบว่า รูปลักษณ์เหมือนกับการเอา Lexus LS เรือธงประจำค่ายราคา 15 ล้านบาท มาย่อส่วนลดวัสดุอุปกรณ์ให้สามารถทำราคาได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีเลยทีเดียว เพราะลูกค้าที่อยากได้รถซีดานกลางแต่ต้องการความหรูเหมือนรถตัวแพงยังมีเป็นจำนวนมาก
ห้องโดยสารคือจุดเด่นของ ES ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 29 ปีก่อน ซึ่งในรถเจนฯ 7 ยังคงความกว้างขวางนั่งสบายทั้งด้านหน้าและหลัง (รุ่นสูงสุด Premium ราคา 4.19 ล้านบาท มีเบาะหลังแบบปรับเอนด้วยไฟฟ้าได้ 8 องศา ทั้งนี้ประเด็นความหรูหราคงไม่ต้องพูดถึงเพราะถ้าได้ชื่อว่าเป็นรถเลกซัสแล้ว พวกเขาไม่ยอมน้อยหน้ากว่าคู่แข่งอื่นๆ แน่นอน สำหรับเรื่องความบันเทิงมอบหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วให้มาในรุ่นสูงสุด ระดับกลางกับเริ่มต้นจะได้จอ 8 นิ้ว เครื่องเสียงเป็นของ Pioneer ให้ลำโพง 10 ตัว พร้อมด้วยแรงขับสูงสุด 230 วัตต์
ใครที่คาดหวังการขับขี่จะต้องลงตัวกับความหรูหรา Lexus ES ใหม่ มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดเจนฯ ที่ 4 ที่มีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังสูงสุดรวม 218 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT แบตเตอรี่ Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) จากนั้นส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหน้า โดยทางวิศวระบุว่ามันประหยัดน้ำมันสูงสุด 23 กม./ลิตร ปล่อย CO2 ต่ำเพียง 100 กรัม/กม.
ด้วยความที่เลกซัสเป็นแบรนด์หรูของโตโยต้า ES ใหม่จึงได้ระบบความปลอดภัย Lexus Safety System Plus เจนฯ 2 ที่พัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ทำงานได้ครอบคลุมและฉับไวกว่าเดิม เบื้องต้น ES 300h ในรุ่น Premium กับ Grand Luxury จะได้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร และกล้องมองภาพรอบคัน Panoramic View Camera เป็นมาตรฐาน
ทิ้งท้ายด้วยตัวเลือกสีภายนอกที่มีให้เลือกตามใจชอบสูงสุด 10 สี โดยมีสีใหม่ 2 สี ได้แก่ Ice Ecru Mica Metallic กับ Sunlight Green Mica Metallic นอกจากนี้ทางเลกซัสมอบระยะรับประกันสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ขณะที่แบตเตอรีไฮบริดรับประกันยาวนานถึง 10 ปี สำหรับราคาในรุ่นเริ่มต้น Luxury เปิดไว้ที่ 3,590,000 บาท รุ่น Grand Luxury ราคา 3,760,000 บาท และรุ่นสูงาุด Premium ราคา 4,190,000 บาท ใครที่สนใจก็ไปเดินชมรถได้ที่โชว์รูมเลกซัส 3 สาขาทั่วกรุงเทพฯ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”679″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]