ในการทำการตลาดรถยนต์รุ่นใดสักรุ่นในตลาด เชื่อว่าการสร้างจุดขายให้เป้นที่สนใจ นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ในปัจจุบันเรื่องความปลอดภัยในรถยนต์สักรุ่นกลายเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้หัยสมรรถนะในการขับขี่ หรือความประหยัดที่ได้จากรถคันนั้นๆ หลายคนมองว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีรถสักคันที่วางใจได้ในการขับขี่ และกลายเป็นสิ่งที่นักการตลาดจำนวนมากใช้มาเพื่อสร้างข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
เมื่อมีคนพูดว่ารถของพวกเขาได้ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ใช่มันเป็นคะแนนจากการทดสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวของทางด้านความปลอดภัย ซึ่งชี้ว่ารถคันดังกล่าวอาจจะมีความสามารถในการปกป้องให้คุณไม่ต้องพบยมพบาล เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่คนจำนวนไม่น้อยก็เข้าใจผิดว่า อ๋อรถที่ได้ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จะขับอย่างไรก็ได้ เพราะมันโคตรปลอดภัยและไม่มีทาง หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุ
ความเข้าใจดังกล่าวผมได้ยินมาสักรยะหนึ่งแล้ว และคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเปิดใจคุยเรื่องการทดสอบชนให้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้
กระบวนการทดสอบการชน หรือ Crash Test เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้น จากสถาบันความปลอดภัยทางถนนในประเทศ หรือในภูมิภาคนั้น เพื่อทดสอบรถรุ่นปัจจุบันที่ทำตลาดในเวลานั้น ว่ามีความสามารถในการปกป้องมาเพียงใด
แต่ที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน เกี่ยวกับการทดสอบชน คือว่ารถที่ไปทำการทดสอบชนส่วนใหญ่จะเป็นการเลือกเพียงหนึ่งในรุ่นย่อยที่ทำตลาดในเวลานั้น และแน่นอนส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นรุ่นท๊อปออพชั่นที่ครบเครื่องเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่
และหลักการคิดคะแนนการทดสอบชนในปัจจุบัน มีการนำเอารถบบความปลอดภัยชั้นสูง จำพวกระบบ Active safety เช่นระบบเบรกป้องกันการชนทางด้านหน้า ,และระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ มาคิดคะแนนเพิ่มเติม จากการป้องกันจากการชน ที่เราเห็นเขาเอามาทดสอบชน
ทำให้รถยนต์หลายรุ่นที่ไม่มีระบบพวกนี้มีคะแนนต่ำกว่าคู่แข่งที่มีระบบความปลอดภัยเหล่านี้ และรับคะแนนในการประเมินน้อยกว่า หรืออีกนัยหนึ่งที่เรากำลังจะบอกคือ ไม่ใช่รถรุ่นนั้นได้ระดับ 5 ดาว ทั้งหมดทั้งไลน์อัพการขาย แต่เป็นเพียงรุ่นนั้นๆ ที่ถูกส่งไปประเมินความปลอดภัยเท่านั้นที่จะปกป้องคุณระดับ 5 ดาว
ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ยี่ห้อหนึ่งมีถุงลมนิรภัย 7 ใบ พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินมาให้ในรุ่นท๊อป ถูกส่งไปประเมินจากสถาบันที่ทำการทดสอบชนได้ระดับ 5 ดาว แต่เมื่อกลับมาถึงมือการตลาดก็ถูกตีแผ่ว่ามันได้การปกป้องจากการชนระดับ 5 ดาว จนทำให้ลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นเดียวกัน ในเกรดต่ำกว่าที่ไม่มีจำนวนถุงลมนิรภัยเทียบเท่าหรือไม่มีระบบความปลอดภัยมาให้ เข้าใจผิดว่า รถของพวกเขาปกป้องระดับ 5 ดาว เหมือนกัน ทั้งที่เป็นคนละรุ่นกับที่ถูกส่งไปประเมิน
แบบนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับลูกค้าหรือไม่ บางทีอาจเป็นเรื่องของจรรณยาบรรณในการทำการตลาดและการโฆษณา หรือเปล่า
นอกจากนี้การที่รถรุ่นหนึ่งพูดว่าได้รับคะแนนการทดสอบในระดับ 5 ดาวนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาตรฐานเท่ากัน เพราะสถาบันที่ทำการทดสอบ มีการปรับเกณฑ์การให้คะแนนไปเรื่อย ตามที่คณะกรรมการในองค์กรนั้นๆ เห็นสมควร ยกตัวอย่างเช่นกรณี Asean Ncap ที่ใช้อ้างอิงในรถยนต์ใหม่หลายรุ่นที่ขายในไทย มีการปรับหลักเกณพ์การให้คะแนนเมื่อปีกลาย
จากเดิมที่ใช้ระบบ 2 เรทติ้ง แยกคะแนนการปกป้องระหว่างผู้ใหญ่และเด็กอย่างชัดเจน ตั้งแต่เริมดำเนินงานมา จนกระทั่งในปี 2017 (ปีที่แล้ว) มีการวางระเบียบการให้คะแนนใหม่ โดยหมายรวมการปกป้องจากระบบความปลอดภัยขั้นสูง มาอยู่ในเกณฑ์การให้คะแนนด้วย
หมายความว่ารถยนต์ที่ได้คะแนนการทดสอบชนระดับ 5 ดาว ในปี 2016 จะมีความสามารถไม่เท่ากับคะแนนการทดสอบชนระดับ 5 ดาว ในปี 2018 ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทรถยนต์ไม่เคยบอก และมีคนจำนวนน้อยมากทราบในเรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางวงลูกค้าที่เข้าใจผิดต่อตัวเรทติ้งแล้ว ยังคิดว่า รถที่ได้คะแนนดาวต่างกันแม้เพียง 1 ดาว ก็ต่างกันในแง่การปกป้องมหาศาลทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพียงคะแนนที่เกิดจากการชนด้วยการทดสอบในห้องแล็ป และความเป็นจริงบนถนนโหดร้อยกว่า หรืออาจมีปัจจัยอื่นที่ทำให้รถเสียหายมากกว่าหรือน้อยกว่ามาก ไม่ว่าจะในเชิงของความเร็วที่ใช้ ,วิถีการชน , รถคู่กรณี และอื่นๆ อีกหลายปัจจัยที่ทำให้การชนบนถนนอาจปกป้องได้ดีกว่า หรือด้อยกว่าตามคะแนนที่ให้จากผู้เชี่ยวชาญในการชน
ตลอดจน ในการทดสอบชนปัจจุบันยังใช้ความเร็วทื่ถือว่าค่อนข้างต่ำหว่าที่เราขับขี่ในชีวิตจริงมาก ทำให้หากเราเอาบรรทัดฐานการประเมินการทดสอบชนมาตัดสินว่า ชีวิตจะปลอดภัยในรถคันไหนมากกว่า อาจเรียกว่าไม่ถูกต้องตามเหตุผลที่ควรเป็นมากนัก และแท้ที่จริงแล้วความปลอดภัยจากการขับรถควรเริ่มที่ตัวเราเองไม่ใช่ ยังขับรถแบบห่ามๆ แล้วเลือกรถที่คาดว่าจะช่วยเราได้ในความปลอดภัย แบบนั้นไม่น่าจะถูกต้องนัก
แง่มุมความปลอดภัยจากรถยนต์สักคัน ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินในซื้อรถยนต์สักรุ่น แล้วหวังว่ามันจะตอบโจทย์ยามที่คุณเสี่ยงภัยอันตรายและอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ แต่ที่อยากจะบอกคือไม่ควรวางใจ เพียงเชื่อในคะแนนการทดสอบชน หากควรเชื่อโดยเก็บเพียงเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเท่านั้น