ทุกวันนี้เรื่องง่ายๆ ที่เราทำกัน บางทีก็กลายเป็นเรื่องยาก การซื้อรถใหม่ อาจจะดูเหมือนการซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งอีกครั้ง แต่มันเปี่ยมไปด้วยขั้นตอนต่างมากมายๆ และยุ่งยาก วันนี้เราจึงจะมาพูดถึงกระบวนการซื้อรถว่าคุณควรจะดำเนินการอย่างไร เพื่อจะได้ไม่พลาดพลั้งเสียทรกับผู้ขาย
เริ่มต้นซื้อรถ
จุดเริ่มต้นของการซื้อรถเกิดขึ้นเมื่อคุณมีความต้องการ และจำเป็น หรืออยากได้รถใหม่มาครอบครอง แต่ละคนมีเหตุผลต่างกัน ไม่เท่ากันในการมองหารถยนต์คู่ใจคันใหม่
จุดเริ่มต้น ผมพยายามบอกหลายคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องการซื้อรถยนต์ใหม่เสมอว่า พยายามตีโจทย์ความต้องการของตัวเองให้แตก เช่น ความต้องการในการใช้งาน , ผู้ขับขี่ร่วม และที่สำคัญที่สุด งบประมาณที่พึงจ่าย
อย่าให้การเริ่มต้นการซื้อรถมาจากความอยากได้ หรือกระเหี้ยนกระหือรือจากโปรโมชั่น จากทางบริษัทรถยนต์ คุณควรจะเริ่มด้วยตัวเอง ณ จุดที่เราจำเป็นต้องซื้อรถคันใหม่จริงๆ เช่น
-รถคันเก่าซ่อมบ่อย หรือ เริ่มซ่อมไม่คุ้ม
-รถคันเก่าเริ่มไม่เหมาะต่อการใช้งาน เช่นคุณอาจจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เป็นต้น
-กำลังจะมีทายาทในอีกไม่นานนี้
โจทย์ต่างๆ เหล่าเป็นโจทย์ที่ดี ถ้าคิดว่าจะเปลี่ยนรถคันใหม่ ให้ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตมากขึ้น
เปรียบเทียบตัวเลือก
เมื่อตัดสินใจว่าจะซื้อรถใหม่ หลายคนอาจจะมียึดติดกับรถยนต์บางรุ่น จากความชอบ หรือความต้องการส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ผมมักบอกทุกคนเสมอ คือว่า คุณควรจะเปรียบเทียบหาตัวเลือกในการซื้อรถที่เหมาะะสม โดยดูโจทย์ความต้องการ ประกอบความคุ้มค่าของราคาและออพชั่นที่บริษัทให้ได้ รวมถึงยังต้องดูเรื่องของศูนย์บริการใกล้เคียงที่สามารถไปเข้าใช้บริการได้ด้วย
การเปรียบเทียบ ให้ผล 2 ข้อสำคัญ คือ 1. ประกอบความคิดตัดสินใจว่าเราเลือกรถที่ถูกต้องเหมาะสมกับโจทย์แล้ว และ 2.เพื่อดูทางเลือกอื่นๆที่น่าสนใจ ประกอบการตัดสินใจ เผื่องบขาดเหลือ หรือคนรอบข้างไม่ชอบ จะได้มีตัวเลือกที่ชอบกับคุณบ้าง
ได้เวลาซื้อ
ในที่สุดหลักจากตัดสินใจจากข้อมูลข่าวสารรถใหม่ และอ่านรีวิวเป็นกระบุง ก่อนมาถึงขั้นตอนนี้ เชื่อว่าคุณคงตัดสินใจได้ระดับหนึ่งแล้วว่าจะซื้อรถอะไร
อย่างแรกที่ควรทำ คือ สำรวจโปรโมชั่น
การสำรวจโปรโมชั่น เป็นขั้นตอนที่คุณจะต้องสำรวจส่วนลดทางการตลาด หรือ โปรโมชั่นที่รถยนต์รุ่นนั้นๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งปกติจะมีการเปลี่ยนโปรโมชั่นทุก 2-3 เดือน การจะทราบว่าโปรโมชั่นเป็นอย่างไร มีวิธีเดียว คือ เข้าไปติดต่อที่โชว์รูม เพื่อขอทราบรายละเอียด
เมื่อคุณพบเซลล์หรือพนักงานขายก็สอบถามได้ทันที แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เซลล์หรือพนักงานขายมีหน้าที่ในการปิดจ๊อบลูกค้า หรือทำอย่าไงรก็ได้ให้คุณตัดสินใจจองซื้อรถ
ถ้าพวกเขาทำให้คุณจองได้งานของพวกเขา ก็เรียกว่าจบไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ตรงนี้จึงเป็นหน้าที่คุณเองต้องพยายามหาทางหลุดรอดออกมาจากโชว์รูมให้ได้ โดยอาจจะขอเบอร์ติดต่อไว้ภายหลัง ที่สำคัญพยายามเข้าโชว์รูมในระแวกใกล้ๆ บ้าน 2-3 โชว์รูม เพื่อให้เปรียบเทียบโปรโมชั่น ซึ่งแต่ละแห่งจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการวางแผนการขายของพนักงานแต่ละคน
ไปจองรถ
หลังจากได้โปรฯ มา ก็มาดูว่า คุณอยากได้แบบไหน โดยปรึกษากับเพื่อนผู้รู้ หรือ คุยกับคนที่บ้าน แล้วตัดสินใจไปหาโชว์รูมที่ได้โปรโมชั่นดีที่สุด เพื่อจองซื้อรถ
ขั้นตอนการจองซื้อรถ ประกอบด้วยเอกสาร หลักฐาน ที่เรียกว่า “ใบจองรถ” ซึ่งจะออกโดยพนักงานขาย เพื่อแสดงเอกสิทธิว่าคุณมีการจองรถ
ในการนี้คุณจะต้องจ่ายเงินจองจำนวนหนึ่งที่จองซื้อรถไปด้วยตามปกติแล้ว เซลล์จะเรียกเก็บที่ 5,000 บาท สำหรับรถตลาดบ้านๆ ทั่วไป ราคาไม่เกินล้านาท และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามมุลค่าของรถ เช่น รถซีดานกลางอาจจะจองสูงถึง 15,000 บาท พวกรถหรูอาจจะจอง 20,000 บาท เป็นต้น
ก่อนจองรถให้ระลึกเสมอว่า คุณอยากได้รถรุ่นนั้นจริง และที่สำคัญคุณพอใจต่อข้อตกลงที่เกิดขึ้น ระหว่างคุณและพนักงานขาย
เมื่อมีการออกเอกสารการจอง ให้ทบทวนรายละเอียด ภายในใบจองให้เป็นไปตามข้อตกลงที่คุณคุยไว้ก่อนหน้านี้ ให้พยายามลงรายละเอียดทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ เพื่อยืนยันเป็นหลักฐานในขั้นตอนการซื้อรถ และยืนยันกรณีที่มีปัญหาในขั้นตอนการรับรถ
หรือพูดง่ายๆ ใบจองคือ ใบแสดงรายการข้อตกลงระหว่างคุณและพนักงานขายรถยนต์ รวมถึงโชว์รูม ที่ต้องรับผิดชอบตามข้อตกลงเป็นภาระผูกพันจนกว่าขั้นตอนการซื้อขายสำเร็จ
โดยในส่วนของเงินนจองที่จ่ายไป จะถูกหักไปเป็นส่วนหนึ่งของเงินดาวน์ ซึ่งคุณต้องชำระในวันที่มารับรถออกไป
การยื่นขอสินเชื่อ
ปัจจุบันการซื่อรถยนต์ส่วนใหญ่เรามักจะซื้อด้วยเงินผ่อน ทำให้ขั้นตอนหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบะวนการซื้อรถ คือ ขั้นตอนการขอสินเชื่อจากทางสถาบันการเงินหรือ ธนาคาร
การเลือกขอสินเชื่อนั้น ปกติแล้ว จะเป็นการแนะนำจากทางเซลล์ ซึ่งพวกเขาจะมีอัตราดอกเบี้ยมาให้ หลักการเลือกใช้สินเชื่อรถยนต์ ก็เหมือนสินเชื่อทั่วไป คือที่ไหนให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็สมควรจะเลือกที่นั่น
แต่การจะหาสืนเชื่อรถยนต์ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ เช่นคุณอาจจะต้องกำเงินดาวน์เยอะกว่าปกติ , หรือมีอาชีพมั่นคงสูง เช่นข้าราชการ แลปัจจัยอื่นๆ ที่ทางธนาคารอาจมาใช้ในการพิจารณา ตามที่เสนอในเงื่อนไข
ฟังดูแล้ววุ่นวายใช่ไหม จริงๆ แล้วไม่เลย เพราะทั้งหมด ส่วนใหญ่เซลล์ผู้ขายจะช่วยดำเนินการต่อให้ โดยคุณมีหน้าที่จัดเตรียมเอกสารไปให้ทางพนักงานขายได้แก่
1.สลิป/หนังสือรับรองเงินเดือน
2.สมุดบัญชีธนาคาร หรือ สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน
3.สำเนาบัตรประชาชน 4 ชุด
4. สำเนาทะเบียนบ้าน 4 ชุด
ทุกชุดมีการเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง ส่วนเอกสารคนค้ำ กรณีที่ซื้อรถแล้วต้องใช้คนค้ำประกันนั้นเอกสารของผู้ค้ำเหมือนของผู้กู้ทุกประการ
หลังจากส่งเอกสารไปให้ทางเซลล์ แล้วทางไฟแนนซ์จะประเมินศักยภาพในการผ่อนคุณ ถ้าผ่านตามเกณฑ์ ก็จะมีขั้นตอนการขอเซ็นลัญญาการเช่าซื้อต่อไป
ในกรณไม่ผ่านไฟแนนซ์อาจจะลองยื่นไฟแนนซ์อื่น หรือ ทางที่ดีที่สุดคือหาดาวน์เพิ่ม เพื่อให้ยอดผ่อนแต่ละเดือนน้อยลง และตรงคุณสมบัติคุณมากขึ้น
เมื่อผ่านไฟแนนซ์ ก็เป็นอันจบกระบวนการเช่าซื้อรถ ขั้นตอนต่อไป คือการรับรถ และเริ่มส่งงวดผ่อนชำระตามที่ตกลงกับไฟแนนซ์ ตามระยะเวลาสัญญาจนจบ
การซื้อรถใหม่ปัจจุบันไม่ได้มีขั้นตอนยากมากมานัก แต่ส่วนใหญ่คนจะหลง งงในวังวนการตลาดและขั้นตอนบ้างจากการเปลี่ยนแนวทางการขาย หรือลูกล่อลูกชนของเซลล์แต่ละคน เพืื่อทำให้ตัวเองมียอดขายมากที่สุดครับ