ช่วงไม่กี่ปีมานี้เราเห็บรถซัพคอมแพ็ค ครอสโอเวอร์เอสยูวี หรือเรียกอีกชื่อสั้นๆ ว่า B-SUV เปิดตัวเรื่อยๆ และขายได้จำนวนมาก นี่จึงเป็นต้นเหตุของการเขียนบทความนี้
ไม่ว่าคุณจะขับรถไปบนถนนสายใดในประเทศไทย นอกจากรถกระบะที่ชาวสยามเมืองยิ้มนิยมชมชอบแล้ว รถซัพคอมแพ็ค ครอสโอเวอร์เอสยูวี หรือ B-SUV ก็คือรถอีกประเภทที่ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่าน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พักหลังเราจะเห็นว่า บรรดาค่ายรถยนต์พากันนำครอสโอเวอร์รุ่นใหม่มาเปิดตัวมากขึ้น
จะว่าไปแล้วเหตุผลที่ผู้บริโภคหันมาซื้อหา B-SUV ไปใช้ มาจากหลายสาเหตุอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์อันสวยงามจับตา หรือเรื่องความอเนกประสงค์ที่รถชนิดนี้มอบให้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจว่าทำไม B-SUV จึงถูกใจลูกค้ายุคใหม่ เราจึงจะพาทุกท่านไปหาว่าเพราะอะไรบริษัทรถจึงเน้นตลาดรถกลุ่มนี้หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
1.B-SUV กึ่งกลางระหว่างรถยนต์นั่งไซส์คอมแพม็คกับพีพีวีคันโต
อย่างที่เราท่านทราบกันดีกว่า หากเป็นสมัยก่อนที่ตลาดรถมีประเภทไม่มากนัก หากต้องการดูดีมีระดับไว้เข้าสังคม โจทย์แรกที่นึกถึงคงเป็นรถยนต์นั่ง 4 ประตู ขนาดตั้งแต่ C-Segment เครื่องเบนซิน 1.8 ลิตร ไปจนถึง D-Segment หรือซีดานกลาง เพราะตอนนั้นรถอเนกประสงค์ที่มีขายในบ้านเราจะเป็นชนิด PPV ซะมาก ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบความใหญ่กับหน้าตาออกแนวบึกบึน
ด้วยโลกที่หมุนเวียนไปเรื่อยๆ บรรดาค่ายรถจึงเล็งเห็นช่องว่างของคนจำนวนหนึ่ง ที่รู้สึกว่าอยากได้รถอเนกประสงค์แต่ต้องมีไซส์ไม่เยอะเกินไป เนื่องจากจะใช้ขับใช้งานในเมืองไม่ได้ขับทางไกลหรือลุยชนบทมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างหน้าตาก็เป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ที่ลูกค้ากลุ่มนี้ถวิลหา จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเราจึงพบเห็น B-SUV รุ่นใหม่ ออกมามีโฉมหน้าถูกใจทั้งวัยรุ่ย วัยทำงาน ไปจนถึงวัยเกษียณได้ครบทุกกลุ่มอายุ
2.ความอเนกประสงค์ในราคาที่จับต้องได้
จุดเด่นของ B-SUV ยุคใหม่หลายคันที่พกพาจุดขายมาไม่ซ้ำกัน ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น บางคนอยากได้รถเอสยูวีขนาดพอเหมาะ แต่ก็อยากให้ทุกคนในบ้านนั่งโดยสารเดินทางไกลได้สบาย รวมถึงยังต้องขนข้าวของสัมภาระไปไหนมาไหนได้เยอะ ครั้นจะใส่ของชิ้นใหญ่โตก็พบเบาะแถว 2 ลง ก็สามารถยัดตู้หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นโตได้แล้ว
นอกเหนือจากการขนของและผู้โดยสารเดินทางไปพร้อมกัน B-SUV ก็ได้เปรียบรถยนต์นั่งกับพีพีวีคันโตเมื่อใช้งานในเมืองอีกเหมือน นั่นก็เพราะขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตมากกว่ารถซีดานไซส์ C-Segment เท่าไหร่ แน่นอนว่าการลัดเลาะไปตามซอกซอยยังทำได้สะดวกไม่แพ้กัน แต่หากเกิดน้ำท่วมขังบนถนนเมื่อใด ผู้ใช้ B-SUV ก็จะได้เปรียบไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำซักเท่าไหร่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าที่อาศัยในเมืองซื้อรถประเภทนี้มาใช้เพิ่มขึ้น
ท้ายสุดก็คงมาจากราคาจำหน่ายของรถ B-SUV ที่มีตั้งแต่ 679,000 บาท ไปจนถึง 1,200,000 บาท ไม่เกินนี้ เรียกว่าศรัธทาแบรนด์ใด หรือชอบรถรุ่นไหนเป็นพิเศษก็ไปเลือกซื้อได้ตามใจชอบ
3.สมรรถนะแรงดี เพียงพอต่อนิสัยการขับขี่ของคนไทยส่วนใหญ่
เวลาเราอ่านคอมเม้นของผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีต่อข่าวการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ จะเห็นได้ว่าออกมาบ่นเรื่องเครื่องเล็กแรงม้าน้อยเร่งแซงไม่ปลอดภัย แต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ได้ขับรถเร็วเหยียบเต็มเท้าทุกคน (รวมถึงผู้เขียน)
ซึ่งรถ B-SUV ส่วนใหญ่ที่ติดตั้งขุมพลังเบนซินกับดีเซลขนาดตั้งแต่ 1.5-2.0 ลิตร เป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับทุกคนในแดนสยามเมืองยิ้ม เพราะในชีวิตประจำวันรถกลุ่มนี้ที่มีแรงม้า 100-160 ตัว ก็เรียกว่าแรงพอจะตอบสนองการใช้งานทุกสถานการณ์แล้ว
ขณะเดียวกัน ข้อดีอีกเรื่องก็หนีไม่พ้นความประหยัดน้ำมันที่พอเหมาะพอดี คือบริโภคเชื้อเพลิงอยู่ราว 14-16 กม.ต่อลิตร อยู่ในเกณฑ์เดียวกับรถยนต์นั่งซัพคอมแพ็ต ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าหลายคนแคร์เรื่องนี้ไม่แพ้ประเด็นสมรรถนะอัตราเร่งเลยทีเดียว
4.ค่าบำรุงรักษาไม่แพง ขายต่อได้ราคา
บางคนการซื้อรถใหม่มาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นการหารถคู่ใจที่มีค่าบำรุงรักษาและอะไหล่ไม่แพง จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเสมอ โดยข้อดีของ B-SUV คือการมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานพอๆ กับรถยนต์นั่งซัพคอมแพ็ค เพราะรถบางรุ่นมีการแชร์เครื่องยนต์พื้นฐานร่วมกัน อาจมีบางรายการแพงกว่านิดหน่อย แต่รวมๆ แล้วก็อยู่ในระดับเดียวกัน
ต่อมาเป็นหัวข้อราคาขายต่อเมื่อใช้งานไปสักพัก โดยการขายเป็นรถมือสองนั้นราคาจะต่ำหรือสูง ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขนาดไหน ซึ่งปัจจุบันกระแส B-SUV ที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี ทำให้อนาคตต่อจากนี้จะมีคนตามซื้อรถอเนกประสงค์มือสองชนิดนี้มากขึ้นเช่นกัน
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบทความเกี่ยวกับ B-SUV ที่เรานำเสนอให้ผู้อ่านกันในวันนี้ หากท่านมีข้อเสนอแนะ ติชม หรืออยากให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม โปรดทิ้งคอมเม้นไว้ในบทความหรือที่แฟนเพจ Ridebuster ก็ได้ทั้งสองครับ
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com