ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ เป็นบริษัทรถยนต์รายเดียวในประเทศไทย ที่ไม่มีรถรุ่นใหม่จนกระทั่งในช่วงปีที่ผ่านมา พวกเขาท้าทายตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยรถทรวดทรงพ่อบ้าน Mitsubishi XPander
Mitsubishi XPander เป็นความพยายามครั้งสำคัญของมิตซูบิชิในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ หลังประกาศกร้าวว่าจะหันมาเน้นอเนกประสงค์พวกเขาเล็งเห็นตลาดที่สามารถผสมผสานได้อย่างลงตัว จะมีสักกี่แบรนด์ที่คิดแบบ มิตซูบิชิว่า ทำไมไม่เอารถอเนกประสงค์ทรงแม่บ้าน MPV (Multi Purpose Vehicle) มารวมกับรถทรง SUV (Sport Utility Vehicle) รถสายลุยพร้อมสรรพทุกเส้นทาง
ความคิดที่ดูต่างราวสุดขั้ว วันนี้จากฝันวันนี้มิตซูบิชทำให้มันเป็นจริง และจากยอดขายในปี 2018 ที่ผ่านมา 5,509 คัน เพียงระยะเวลา 3-4 เดือน นั่นหมายถึงรถรุ่นนี้มีบางอย่างตราตรึงใจคนไทย
เรื่องราวของ Mitsubishi Xpander เกิดขึ้นในยุคก่อนมิตซูบิชิเข้าอยู่ใต้ปีกนิสสัน ในเวลานั้นทางมิตซูบิชิมีโครงการนำเสนอรถยนต์อเนกประสงค์ทรงแม่บ้านขนาดเล็ก สำหรับบางประเทศที่มีความต้องการรถยนต์ Mini MPV แต่ปัญหาสำคัญที่กลายเป็นโจทย์ให้ ลุงเท็ทซึฮิโระ คูมิโนโต้ รองประธานฝ่ายออกแบบ ต้องคิดหนักหลังจากย้ายมาอยู่กับค่ายทรีไดมอนด์
คือแนวคิดของบริษัทที่จะเน้นทำรถยนต์อเนกประสงค์พร้อมลุยหลายรุ่น และเมื่อมีโครงการรถทรงแม่บ้าน MPV จะดูแตกต่างจากเพื่อนพ้องในค่ายก็ดูจะแปลกๆ เขาจึงผุดแนวคิด MPV X SUV ขึ้นมาผสมผสานส่วนผสมที่ดีของรถทั้งสองแบบ และในที่สุดออกมาเป็น Mitsubishi XM Concept
รถต้นแบบ Mitsubishi XM Concept เผยโฉมออกมาในเดือนสิงหาคมปีพ.ศ. 2558 เพื่อบอกถึงการเอาจริงของทางมิตซูบิชิต่อการเปิดตลาดรถยนต์ MPV ที่ได้รับความนิยมในอินโดนีเซีย ที่ผ่านมามีรถยนต์สไตล์นี้มากมาย ทั้ง Suzuki Ertiga , Honda Mobilio ไปจนถึง Toyota Sienta
ความแตกต่างของมิตซูบิชิอยู่ที่การออกแบบรถที่มีความทันสมัยแปลกตา โดยเฉพาะหน้าตาใหม่ราวกับถอดคราบรถยนต์ Nissan Juke ด้วยสไตล์การวางไฟหน้าไว้ต่ำกว่า ไฟหรี่ดูแปลกตาดีในรถทรงกล่องพ่อบ้าน พร้อมท้ายทรงตัว L
ความกล้าหาญของบอสออกแบบลุงคูนิโมโต้ เรียกเสียงความสนใจจากลูกค้าในอินโดนีเซียได้ไม่น้อย จนถึงขนาดยอดจองกันข้ามปี จนประเทศไทย ต้องเลื่อนเปิดตัวรถทั้งที่มีกระแสแว่วว่าจะเปิดตัวต้นปีที่แล้ว
อะไรถูกใจคนอินโดนีเซีย คำตอบนี้กำลังจะถูกไขปริศนา
ในเวลานี้ผมย่างเข้าไปใกล้ Mitsubishi Xpander อีกครั้ง หลังจากเคยลองสัมผัสสั้นๆ มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ขับจากชุมพรลงไปยังสุราษฏรธานีเป็นระยะทางสั้นๆ ไม่ไกลมาก แต่เมื่อใช้ภาพรวมก็น่าจะต้องมาตัดสินใจอีกครั้ง
หน้าตาของมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ น่าจะเรียกว่าเป็นเส้นสายแนวคิดรายละเอียดถูกใจพ่อบ้านทั้งหลายอย่างไม่ต้องสงสัย การเอาส่วนผสมมารวมกัย ระหว่างรถ MPV และ SUV ผลที่ได้ คือรถทรงกล่องที่มีความรู้สึกแบบรถยนต์สายลุย
หน้าตา Advance Dynamic shield หรือจะเรียกว่า เวอร์ชั่น 2 ก็ไม่ผิด เน้นความทันสมัย ดุดันบึกบึน ด้านหน้าจัดวางรายละเอียดให้ดูทันสมัยเพรียวลม ด้วยกระจังหน้าทรงแหลมเอนลงเล็กน้อย กันชนหน้ามาพร้อมไฟหน้าใหญ่ ติดตั้งไว้ทางด้านล่างพร้อมเลี้ยว ด้านบนเป็นตำแหน่งไฟหรี่ธรรมดาไว้เปิดยามโพล้เพล้ เสียดายไม่มีไฟ Day Time Running Light
ด้านข้างช่วงล่างเน้นความทันสมัยครบครันลงตัว โป่งล้อทั้ง 4 ให้ความรู้สึกดูลุย คล้ายรถยนต์อเนกประสงค์ SUV มีเส้นสายลายละเอียดทางด้านข้างทำให้มันไม่ดูราบเรียบธรรมดาๆ ทั่วไป ชุดล้อลายทูโทนขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 205/55/R16 จะว่าไปแล้ว ยางน่าจะหายากเอาเรื่องอยู่ ทางด้านหลังตอบการใช้งานด้วยประตูท้ายบานใหญ่ เปิด-ปิดง่ายไม่ลำบาก มาพร้อมไฟท้ายรูปตัว L ดูสวยงาม
ขนาดตัวรถถือว่าค่อนข้างใหญ่เอาการ ด้วยความยาว 4,475 มม. กว้าง 1,750 มม. (ไม่รวมกระจกมองข้าง) สูง 1,700 มม. ให้ฐานล้อยาว 2,775 มม. โดยถ้าเปรียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน หรือเทียบเคียง จะพบว่า Mitsubishi XPander มีขนาดใหญ่กว่าชาวบ้าน แถมความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ เรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร ด้วยความสูง 205 มม.
ตารางเปรียบเทียบขนาดรถยนต์ Mitsubishi XPander กับรถรุ่นอื่นๆ
ยาว (มม.) | กว้าง (มม.) | สูง (มม.) | ฐานล้อ (มม.) | ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ | |
Mitsubishi XPander | 4775 | 1,775 | 1700 | 2775 | 205 |
Honda Mobilio | 4398 | 1683 | 1603 | 2652 | 189 |
Honda BR-V | 4456 | 1735 | 1666 | 2655 | 201 |
Toyota Sienta | 4235 | 1695 | 1695 | 2750 | 170 |
Suzuki Ertiga | 4395 | 1735 | 1690 | 2740 |
กุญแจ KOS เป็น Keyless ทรงกุญแจสหกรณ์ ช่วยให้ก้าวขึ้นลงรถสะดวก แตะสัมผัสข้างประตู ปลดล็อกและกระจกข้างกางออก พร้อมเดินทาง
เมื่อหย่อนตัวรถนั่งบนเจ้า Mitsubishi Xpander สัมผัสแรกบนเบาะ ไม่รู้ประเทศอินโดนีเซียเป็นอะไรชอบทำเบาะนั่งให้มันสูงสักหน่อย ช่วงที่รองนั่งสำหรับคนตัวใหญ่สูง 180 ถือว่าค่อนข้างสั้นไปนิด ยังดีพนักพิงหลังขนาดใหญ่พอจะทดแทนกันได้ ตรงหน้าพวงมาลัยปรับสูงต่ำ และดึงเข้าดึงออกได้ ทำให้หาท่านั่งง่ายขึ้น
หน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลด้วยจอสี Muti-function Display TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ตรงกลางมาพร้อมเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว ในความจริงเรารู้สึกว่ามันเล็กไปหน่อย แถมคอนโซลหน้ายังตบแต่งด้วยลวดลายเคฟล่าร์สีเงินดูให้ความสปอร์ต แต่กลับรู้สึกว่าที่จริงแล้วมันน่าจะดูสวยงามกว่าถ้าเป็นสีดำ
ที่แปลกสุดผมว่าคันเกียร์ของรถนี่แหละที่ลุกล้ำด้วยคันเบรกมือขนาดใหญ่ ราวกับหลุดมาจากรถดริฟท์พร้อมให้ยกตลอดเวลา นี่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา น่าจะถูกใจขาซิ่ง
เบาะนั่งคู่หน้าใช้ระบบมือขยันไม่ใช่ระบบไฟฟ้า ฝั่งคนนั่งมีช่องเก็บของใต้เบาะ เผื่อไว้ให้คุณซ่อนของจากเมีย หรือให้เมียเก็บรองเท้าคู่เก่งไว้ในรถ
สำรวจเบาะนั่งแถว2 สามารถปรับพับได้ในอัตรา 60 /40 และยังสามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้นิดหน่อย ขยับปรับพื้นที่ให้คนที่เบาะนั่งตอน 3 มีพื้นที่ ณ เหนือเบาะแถว 2 มีสวิทช์พัดลมแอร์ตอนหลัง ให้เปิดใช้งานโดยอิสระไม่ต้องไปรบกวนคนนั่งทางด้านหน้า
ตัวเบาะตอน 3 สามารถพับเรียบหรือเปลี่ยนเป็นเบาะนั่ง ก็ได้ แบ่งพับได้ 50/50 ถ้าเปิดใช้เบาะก็มีพื้นที่จุอยู่ราวๆ 200 ลิตร พูดแบบนี้ไม่เห็นภาพใช่ไหม เอาเป็นว่าพอใส่กระเป๋าเดินทางแบบหิ้วและเป้ได้อีก 2-3 ใบ ใส่จักรยานพับได้ 1 คัน สำหรับถือว่ามีพื้นที่ไม่น้อยสำหรับในการใช้งาน
กลับมาด้านหน้า ทุกอย่างพร้อม ระบบกุญแจ KOS มาพร้อมปุ่มกดสตาร์ท ยังคงเส้นคงวา ด้วยปุ่มสตาร์ทสีดำทรงสหกรณ์จากอีโค่คาร์ มิตซูบิชิ
ใต้ร่างใหญ่ขนาดนี้ น่าเสียดายทางค่ายทรีไดมอนด์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเครื่องยนต์ 4A91 เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์แปรผัน Mivec ให้กำลัง 105 แรงม้า และทำแรงบิด 141 นิวตันเมตร รองรับพลังงานทางเลือกได้ถึง E20 น่าเสียดายที่มันยังมาพร้อมเกียร์ 4 สปีด
ไม่รู้ยุคนี้เป็นอะไร บริษัทรถยนต์นิยมเกียร์ 4 สปีดมากขึ้น นั่นไม่แปลกใจ เรานักเมื่อออกเดินทางในเมือง Mitsubishi Xpander ไม่ได้หวือหวาดูจี๊ดจ๊าดแบบที่หลายคนใฝ่ฝัน เหมือนทรวดทรงของมัน
เกียร์ 4 สปีด กับเครื่อง 1.5 ลิตรไม่จี๊ดจ๊าดมากมายนัก แต่ดีพอสำหรับใช้งานทั่วๆ ไป การต่อเกียร์ถือว่านิ่มในระดับที่น่าประทับใจ เน้นการใช้เกียร์ 2-3 ในเมือง จะกระตุกจริงๆ ก็เป็นเพียงช่วงคุณย่ำคันเร่งจนคิกดาวน์ หาจังหวะนี้ได้น้อยมากจริงๆ เมื่อเจอสภาพการจราจรติดขัด
ระหว่างขับในเมือง ผมสังเกตข้อดีของ Mitsubishi Xpander อยู่ 2-3 ข้อ ประเด็นแรก,ต้องยกให้เป็นรถที่มีทัศนวิสัยในการขับขี่ยอดเยี่ยม กระจกทุกบานใหญ่โตราวกับเรือนกระจก แถมด้วยความสูงจากพื้นมากกว่าชาวบ้าน ทำให้มีทัศนวิสัยที่ค่อนข้างดีมาก ราวกับกระบะ ด้านข้างกระจกมองข้างย้ายไปไว้ตรงประตู เปลี่ยนตรงหูช้างเป็นกระจกโอเปร่าเล็กๆ ด้านหลังเหลียวไปมองเห็นได้ชัดเจน ลดมุมอับได้หลายจุดจนต้องปรบมือให้
เคียงกับทัศนวิสัยอันชัดเจน ความคล่องตัวของรถเมื่อขับในเมืองถือดีใช่ย่อย การติดตั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า หรือ EPS ช่วยให้มันมีน้ำหนักเบามือกำลังดี อัตราทดพวงมาลัยดีพอจะซอกแซกได้สบาย ด้วยการออกแบบรถให้มีหน้าสั้น มีระยะยื่น(โอเวอร์แฮงค์) จากล้อหน้าถึงสุดกันชนหน้า เพียง 820 มม การเสียจังหวะส่วนใหญ่มาจากช่วงต่อเกียร์หรือเครื่องยนต์ที่ยังไม่ทันใจนักมุดทั้งหลาย จนทำให้ช่วงตัวยาว ก่อปัญหาบ้างในบางครั้ง
ขับในเมืองช่วงเวลาสั้นๆ ฝ่าท่ามกลางการจราจรโหดวันทำงาน ขับไป 73.9 กิโลเมตร เติมน้ำมันลงถัง 6.87 ลิตร สรุปอัตราประหยัดในเมืองตกอยู่ 10.75 ก.ม./ลิตรเท่านั้น
การมีรถครอบครัวแบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่า จะต้องพาทั้งบ้านออกไปเที่ยวด้วยกัน พ่อแม่ลูก พ่วงปู่ย่าตายาย ไปสูดอากาศรวมๆ หนี PM2.5
ออกเดินทางวันนี้ปลายทางลพบุรี เส้นทางเรียบไม่ขึ้นเขา วิ่งบนถนน 4 แลน และ 8 เลน สลับกันไป Mitsubishi Xpander เผยไต๋ความลับสำคัญ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วระดับหนึ่ง สัมผัสช่วงล่างจะแข็งขึ้นให้ความรู้สึกมั่นใจมากกว่าเดิม อาการนี้ผมรู้สึกได้ตั้งแต่คราวถูกเชิญไปทดสอบรถที่ชุมพร
ทางมิตซูบิชิเผยจุดสำคัญหนึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญ เป็นชุดวาล์วจากพี่ชายสายซิ่ง มิตซูบิชิ Evolution อยู่ในโช๊คอัพทั้ง 4 ต้น เจ้าวาล์วตัวนี้จะทำการปรับการไหลเวียนของน้ำมัน ในโช๊ค ทำให้มีค่าความแข็งขึ้นเมื่อถึงระดับหนึ่ง
ในแง่ความรู้สึกการขับขี่จะเปลี่ยนไปในทันที เนื่องจากโช๊คซัพแรงดีขึ้น พวกหลุมรอยต่อถนน อาจไม่ราบเรียบเท่าเวลาขับด้วยความเร็วช้าๆ 80-100 ก.ม./ช.ม. รถดูตึงตังขึ้นเล็กน้อย และมั่นใจยามขับด้วยความเร็ว เมื่อเข้าโค้งมันไม่มีอาการย้วยน่ากลัวหรือขับไม่มั่นใจ
ที่แปลกใจสุด คือเวลาจะต้องไปทางชาวบ้านชนบท ประเภททางลูกรัง ผมค้นพบว่ารถขับดีนั่งสบายไม่มีอาการกระเทือนมากเหมือน อเนกประสงค์แบบเดียวกันรุ่นอื่นๆ การซับแรงจากพื้นที่ไม่เรียบถือว่าทำได้ดีมากจนต้องออกปากชม และคุณพร้อมจะซิ่งไปบนทางฝุ่นอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
ส่วนเครื่องยนต์ขับนอกเมือง ปัญหาอยู่ที่ระบบเกียร์ 4 สปีด อย่างที่พอจะเดาได้ ถ้าขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วตามสมควร 100-120 ก.ม./ช.ม. ไม่ได้ไปเร่งแซงอะไรบ่อย ก็พอจะให้ความประหยัด 13.06 ก.ม./ลิตร
การขับที่ความเร็วเดินทาง 100-120 ก.ม./ช.ม. ต้องยอมรับว่ารถใช้รอบเครื่องยนต์สูงพอตัว ที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ใช้ความเร็ว 2,750 รอบต่อนาที และที่ 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบถึง 3,000 รอบต่อนาที
ถ้าเทียบกับรถที่มาพร้อมเกียร์ CVT จากค่ายคู่แข่ง ถือว่า สูงมากกว่าพอสมควร เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มันไม่ประหยัด แถมเกียร์ 4 สปีด ยังทำให้จังหวะแซงเชื่องช้ากว่า ส่วนหนึ่งความพยายามต้องการทำให้ขับขี่นุ่นนวล เท่าที่สังเกตระหว่างการขับขี่ ทีม มิตซูบิชิ เซทเกียร์ให้ทอน 1 ตำแหน่งก่อนเสมอ แล้ว จะลงไปเกียร์ 2 เมื่อผู้ขับขี่ต้องการจริงๆ จนบางทีก็กลายเป็นไม่ทันใจ แต่เราสามารถเรียกเกียร์ 2 มาใช้ได้ทันที ถ้ากดคันเร่งเหยียบมิดพื้น รถก็จะพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
สรุป Misubishi XPander นี่แหละที่พ่อบ้านต้องการ
การมีรถสไตล์ครอบครัวไว้ใช้ในบ้าน เราคงไม่ได้อยากได้รถที่หวือหวามากนัก แต่มันสมควรเป็นรถที่ถึกทน หน้าตาสวย และเป็นมิตรต่อคนในบ้าน
หลังจากหลายวันของการขับ Mitsubishi X Pander ในทุกสภาวะการใช้งาน มันกลายเป็นรถที่ผมเริ่มรู้สึกว่า ชอบใจ มันขับในเมืองง่าย จุของเยอะ ขับสบาย และพอซิ่งได้หอมปากหอมคอ
จุดเด่น รถรุ่นนี้สำคัญ อยู่ที่ระบบช่วงล่างและฟังชั่นในการใช้งาน และดีไซน์โดนใจชายชาตรี เป็นจุดเด่นหลักๆที่คนมองหารถอเนกประสงค์ MPV สักคัน เมื่อถึงวันที่คุณต้องสละชีวิตส่วนตัวเพื่อครอบครัว รถสไตล์นี้จะต้องเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย
ตั้งแต่ที่ผมขับในทางภาคใต้จนมาถึงวันนี้ สังเกตว่า คนซื้อมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ส่วนใหญ่ที่จองรถหรือเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้กลับเป็นผู้ชาย แปลกกว่ารถของคู่แข่งที่และจะเป็นผู้หญิงเสียมากกว่า
ความโดนใจ Mitsubishi XPander หลักๆ เชื่อว่าจะมาจากดีไซน์ เมื่อขับแล้วคุณจะชอบความสบายในการขับขี่ ระบบกันสะเทือนที่เอาอยู่หมัด ตลอดการเดินทาง และมันคงจะดีถ้าได้เครื่องยนต์ที่มีกำลัง และหรือชุดเกียร์ที่มีอัตราทดจำนวนมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อทดสอบอัตราเร่ง จะเห็นได้ชัดถึงความเชื่องช้าของมัน (ศึกข้อมูลอัตราเร่งได้จาก Test Sheet)
อย่างไรก็ดีถ้าตัดเรื่องและเกียร์ออกไป Mitsubishi XPander ก็ยังดูขาดออพชั่นหลายอย่างเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น ไม่มีไฟ Day Time Running Light ทั้งที่มีแล้วสวยงาม รวมถึงระบบเบรกรถคันนี้ยังเป็นหน้าดิสก์หลังดรัม แม้ว่าจะเบรกหยุดมีประสิทธิภาพ หากความรู้สึกในการเบรกบางครั้งกลับดูยังไม่มั่นใจ โดยเฉพาะใครที่ชอบเลียเบรกเวลาเบรก จะรู้สึกว่าไม่เสียดทานหนืดติดเท้า อย่าวที่สมควรจะเป็น ส่วนในห้องโดยสารระบบปรับอากาศก็ยังไม่เป็นแอร์ออโต้ ทั้งที่ก็ไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก
หากสรุปสั้นๆ มิตซูบิชิเอ็กซ์ แพนเดอร์ เป็นรถที่เหมาะแก่การใช้งานทั่วๆไป ในราคาไม่หวือหวาจนเมียด่า และคุณสามารถพาครอบครัวเดินทางได้อย่างสบายใจ รถ MPV ไม่ใช่รถคันแรกหรือคนสำคัญในบ้านนัก แต่เป็นรถที่ต้องมีไว้และใช้ในคราวจำเป็น มันจึงเป็นทางเลือกสำคัญ