สำหรับสภาพเศรษฐกิจในยุคตกสะเก็ดอย่างปัจจุบันนี้ ข้าวปลาอาหารแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว รายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายรับนั้นยังคงเดิม มิหนำซ้ำยังมีแนวโน้มปรับขึ้นภาษีในทุกประเภทอีกต่างหาก เพื่อเตรียมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ อย่างที่เราไม่รู้ตัว จำนวนเด็กเกิดใหม่วัยทำงานมีน้อยลง แต่วัยผู้สูงอายุนั้นมากขึ้น แล้วรัฐบาลจะหาเงินภาษีมาใช้จ่ายในประเทศจากไหน คำตอบคือ ก็เราๆท่านๆ ที่นั่งทำตาปริบๆกันนี้ยังไงครับ
กลับมาที่ผู้อ่าน Ridebuster ที่เคารพรักกันบ้าง แน่นอนว่าทุกวันนี้หากไม่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง เราก็ต้องเดินทางไปบนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์เพื่อไปทำงาน ครั้นจะใช้ขนส่งมวลชนแต่บ้านอยู่ในซอยลึกมันก็ไม่สะดวก เลยต้องออกแรงกายและใจไปเสาะแสวงหาเจ้ามอเตอร์ไซค์คู่ชีพมาบึ่งรถไปตอกบัตรให้ทันการ หากย้อนไปสมัยก่อนที่ยังไม่มีบริษัทสินเชื่อ,ไฟแนนซ์เจ้าดังๆเหมือนสมัยนี้ ก็ต้องซื้อสดเท่านั้น แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป แค่บัตรประชาชนใบเดียวเราก็สามารถเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันใหม่ได้แล้ว โอ้ว ชีวิตนี้มันช่างดีเสียจริงๆ
วันนี้ทีมงาน Ridebuster จึงลงพื้นที่ไปยังศูนย์บริการเพื่อหาข้อมูลมานำเสนอ ว่าการดาวน์ 0 บาทมันดีจริงหรือไม่ โดยทีมงานได้เจาะจงไปที่ศูนย์บริการเจ้าดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทำเป็นประหนึ่งว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์มาใช้สักคัน เลยลองแวะไปสอบถาม สรุปออกมาได้ว่าการซื้อนั้นง่ายมาก หากเป็นศูนย์บริการรายใหญ่ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถค่ายนั้นๆ เบื้องต้นใช้เอกสารเพียง 3 สิ่ง ประกอบด้วย บัตรประชาชน , สลิปเงินเดือน และ]เงินดาวน์เท่านั้น (โดยบางรายฟรีดาวน์ด้วยซ้ำไป)
ทั้งนี้ราคารถแต่ละรุ่นของแต่ละร้านนั้นไม่เท่ากันอีก ยกตัวอย่างเช่น มอเตอร์ไซค์แม่บ้านรุ่นฮิตราคาเริ่มต้น 39,000 บาท เป็นรุ่นสแตนดาร์ทล้อซี่ลวด สตาร์ทเท้า ในขณะที่ร้านเอ้าเลท (ร้านจับฉ่ายที่ขายทุกยี่ห้อ) ราคาโดดขึ้นไปถึง 41,000 บาท ทั้งที่เป็นรุ่นเดียวกันสีเดียวกันเป๊ะๆ โอ้วแม่เจ้าทำไม่มันแพงกว่าอย่างนี้ล่ะ
โดยรถรุ่นดังกล่าวหากขายในศูนย์บริการโชว์รูมมาตรฐาน จัดโปรฯ ดาวน์ 0 บาท ดอกเบี้ย 1.85% ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน หากเลือกผ่อนเต็มที่ระยะ 36 เดือน ตกเดือนละ 2,083 บาท เท่านั้นเอง พอเห็นราคาแล้วทีมงานก็เกือบวางใบจองไปเหมือนกัน … แต่เดี๋ยวๆ ผ่อนเดือนละ 2,083 บาท x 36 งวด = 74,988 บาท ขณะที่ราคารถเพียง 39,000 บาท แต่เราจ่ายค่าดอกเบี้ยไปตั้ง 35,988 บาท นี่มันดอกเบี้ยมาแต่ชาติปางไหนเนี่ย จ่ายค่าดอกเพิ่มอีกพันสองพันก็ได้รถใหม่อีกคันแล้ว โอ้ยๆ ไม่เอาดีกว่าไปดูร้านจับฉ่ายกันบ้าง
หลังเบี่ยงหน้าจากศูนย์ใหญ่คราวนี้เราเดินมาดูศูนย์จับฉ่ายที่ขายรถทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกสัญชาติกันบ้าง หน้าร้านมีรถแน่นขนัด แทบจะไม่มีที่ยืนชมรถกันเลยทีเดียว เราจึงทำทีเข้าไปสอบถามมอเตอร์ไซค์นเดียวกัน สีเดียวกันกับศูนย์ใหญ่ ทราบราคาซื้อสดมาว่า รุ่นสแตนดาร์ท ราคาเริ่มต้น 41,000 บาท เอ้าทำไมมันแพงกว่าซื้อสดที่ศูนย์บริการล่ะ น้องพนักงานบอกอีกว่าซื้อที่ร้านนี้มีของแถมทุกคัน ได้แก่ ที่ล็อคดิสเบรค , เสื้อขี่มอเตอร์ไซค์ , หมวกกันน็อค , ตระกร้าหน้า , กันลาย พอได้ยินรายการของสัมนาคุณถึงกับร้องโอ้ยยย นี่แทบไม่ต้องเอาเงินไปแต่งเพิ่มเลย ร้านแต่งมาให้ครบทั้งคัน แต่มันยังไม่จบเท่านี้ครับ
มาดูที่ราคาการผ่อนชำระกันบ้าง ราคารถ 41,000 บาท ฟรีดาวน์ พรบ,ทะเบียน ประกันภัยชั้น 2+ ดาวน์ 0 บาท จัดผ่อนแบบเต็มสตรีม 42 เดือน (ผ่อนกันจนรถเก่า) เฉลี่ยแล้วตกเดือนละ 2,005 บาท เท่านั้นเอง จิ๊บๆ โด่วแค่นี้สบายมาก ทีไปอาบน้ำ 1,500 บ้าง 3,000 บ้าง ใช้งานได้แป๊ปเดียวก็ต้องแยกทางกัน ผ่อนแค่เดือนละ 2,005 บาท แค่นี้เอง จิ๊บจ๊อยมาก
แต่ๆเดี๋ยวก่อนนะ ผ่อนเดือนละ 2,005 บาท x จำนวนงวด 42 งวด = 84,210 บาท บร๊ะเจ้า ราคารถแค่ 41,000 บาท แต่ผมจ่ายดอกเบี้ยไป 43,210 บาท ราคาแพงกว่ารถอีก รู้งี้ไม่น่าโง่จ่ายดอกเบี้ยเลย เอาเงินดอกไปอาบน้ำได้เป็นเดือนสองเดือนเสียด้วยซ้ำ ฮ่วย
ก็อย่างว่าแหละครับนี มันคือธุรกิจ ทำธุรกิจมันก็ต้องมีกำไรสิ ใครทำธุรกิจแล้วไม่เอากำไรมีหรือ แต่ทั้งนี้ก็กลับมามองที่ตัวเราอีกนั่น แหละครับ ว่าเรามีความพร้อมมากแค่ไหน ถ้ามีเงินซื้อสดแบบอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็น่าจะดีกว่า ออกฟรีดาวน์แล้วดอกเบี้ยบานตะไท หุหุ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูข้อดีข้อด้อยด้วยว่า การออกมอเตอร์ไซค์จากตัวแทนจำหน่าย และร้านจับฉ่ายนั้นมันก็แตกต่างกันไปอีก
ถ้าออกรถตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่ารถคุณได้รับการประกันอย่างเต็มสูบ ทั้งระยะทางบวกจำนวนปี มีปัญหาอะไรก็เข้าศูนย์ได้เลย ถ้ายังอยู่ในประกันจับเปลี่ยนอะไหล่โลด แต่หากเป็นร้านจับฉ่ายต้องดูให้ดีว่ามีบริการหลังการขายไหม เพราะหากไม่มีก็ขอให้เดินกลับไปได้เลย ทั้งนี้ มันก็มีร้านที่เปิดมานานมีประสบการณ์กว่าศูนย์บริการทั่วไปเยอะ เพียงแค่หน้าร้านเป็นห้องแถวธรรมดาๆ ช่างไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์มเท่ๆ เท่านั้นเอง แต่ก็บริการด้วยใจปรึกษาได้ทุกเรื่อง บางร้านลูกค้าอาจติดตรึมกว่าร้านตัวแทนจำหน่ายเสียอีก
เอ้า! เหลามาซะยาวแล้วก็คงต้องขอจบสกู๊ปเรื่องการผ่อนกันเพียงเท่านี้ คราวหน้าหากมีโอกาสจะมาแชร์ประสบการณ์กันใหม่ แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารดีๆ ได้ที่ Ridebuster กันอีกนะครับ
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com