ท่ามกลางกระแสความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนในสังคมทุกชาติ ผลกระทบจากการขายรถยนต์กลุ่มนี้สูงขึ้น ทำให้บริษัทรถยนต์ทุกรายต้องเอามือก่ายหน้าผาก เมื่อคิดว่าจะต้องสร้างรถยนต์เก๋งรุ่นต่อไปอย่างไรให้โดนใจลูกค้า
หลายสิบปีที่ผ่านมา Toyota ยังคงยืนหยัดใจในใจลูกค้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ รถพวกเขาเรียกว่าอมตะนิรันด์กาล สำหรับคนที่มองหาเก๋งราคาไม่แพงจับต้องได้ง่ายๆ สักคัน ความนิยมรถตระกูล Toyota Corolla ไม่เคยเสื่อมถอย แม้ช่วงหลังลูกค้าชั้นดี จะโดนค่ายคู่แข่งมาตีหัวเข้าบ้านไปบ้าง หากการกลับมาในเจนเนอร์ชั่นที่ 12 ก็ดูน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเลือกทางเดินแล้วว่า พูดถึงโคโรลล่า คุณจะได้ความสปอร์ติดปลายนวม
กว่าปีนับตั้งแต่ Toyota ทยอยเปิดหน้าตาตัวตน Toyota Corolla ใหม่รุ่นต่างๆ ออกมา ตั้งแต่รุ่น 5 ประตู Hatchback ไปจนถึงรุ่นพ่อบ้าน Touring Sport มาจนรุ่น 4 ประตูซีดาน Toyota Corolla ใหม่ ออกมาได้จับใจลูกค้าอย่างมาก ด้วยแนวทางใหม่ของทางโตโยต้า ในการวางแผนผลิตภัณฑ์ภายใต้การกลับมากุมบังเหียนโดยครอบครัว โตโยดะอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้หลายคนสนใจ เฝ้ารอว่ารถรุ่นนี้จะเข้ามาทำตลาดในไทยอีกเมื่อไรกัน และนั่นทำให้เราสนใจรถรุ่นนี้มากๆ ด้วยส่วนหนึ่งเป็นรถคนไทยใช้ ไทยนิยม แถมยังมาพร้อมวิศวกรรมและการออกแบบใหม่ๆ เปลี่ยนแปลง Toyota เดิมที่เรารู้จักไปตลอดกาล นับตั้งแต่ที่พวกเขาประกาศเปิดตัวรถที่มาพร้อมโครงสร้างตัวถังใหม่ TNGA เริ่มจาก Toyota C-HR เป็นต้นมา นั่นน่าสนใจอย่างมาก และเราไม่อยากรอช้าที่จะขับมันถ้ามีโอกาส
การเดินทางใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงจากเมืองไทย ผมและเดือน บินตรงไปยังประเทศญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเพื่อท่องเที่ยวส่วนตัว แต่ภายใต้แผนหน้าฉากความสุขสนุกของเรา เราทั้งสองคน มีแผนการในใจสำคัญเตรียมให้ประหลาดใจ ด้วยการลองขับ รีวิว Toyota Corolla Sport ใหม่ เป็นครั้งแรก ….
(ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนไทยคนแรกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เราน่าจะเป็นสื่อแรกๆ ที่ขับจริงใช้งานจริง บนถนนญี่ปุ่น ไม่ใช่เพียงขับในสนามแล้วมาเล่าให้ฟังกันเหมือนดังเคย )
ก่อนเจอรถเช่าคันที่เราจองไว้ ผมเดินทางไปยัง Toyota kaikan Museum ข้างสำนักงานใหญ่ Toyota ด้วยความชอบรถทั้งคู่เราสนุกสนานกับการมาเดินดูรถโตโยต้า และ ชมโรงงานแห่งแรกของ Toyota ,Motomachi ปัจจุบันใช้ผลิต Toyota Crown และ Toyota Mirai เรียนรู้วิธีคิดของพวกเขา และท่ามกลางรถใหม่จำนวนมากก็พบ เจ้า Toyota Corolla Sport สีแดงสดจอดอยู่ เด่นเป็นสง่าในความแตกต่างที่คุณสัมผัสบางอย่างได้จากรถคันนี้
การออกแบบ Toyota Corolla Sport ใหม่ ฉีกทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับ Toyota มาก่อนหน้านี้ ทางแบรนด์ตัดสินใจว่าไหนๆ รถรุ่นนี้จะต้องถูกใจคนยุคใหม่ ที่มีความชอบในเรื่องราวความสปอร์ตอยู่เป็นทุนเดิม Toyota Corolla ใหม่ สมควรจะเข้าสู่โหมดความสปอร์ตเต็มขั้น
การออกแบบ มันถูกถ่ายทอดออกมาในรุ่นที่ 12 ของรถรุ่นนี้มนต์สะกดความสปอร์ตเห็นได้ตั้งแต่ไฟหน้าใหม่ ที่มีเขี้ยวช่วงปลายด้านข้างเป็นตำแหน่งไฟเลี้ยวและโคมโปรเจคเตอร์ ส่องสว่างด้วยไฟ LED ติดตัวมาให้จากโรงงาน กันชนหน้ามีขนาดใหญ่ เบิกขึ้นมาถึงช่วงกลางรถ กระจังหน้าถูกหรี่เล็กลงคล้ายทรง Toyota Mirai เพียงแต่ไม่มีความเหลี่ยมของกันชนหน้า
ทางด้านข้างวาดเส้นไหล่จากปลายซุ้มล้อหน้า ตวัดยาวขึ้นไปถึงช่วงประตูหลัง แล้วมีเส้นจากซุ้มล้อหลัง ลงมาที่กลางประตูหลังเช่นกัน เส้นที่มีคมสันต่างจาก Toyota Corolla ในปัจจุบันอย่างมาก ปกติแล้วรถรุ่นนี้จะต้องติดตั้งล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55/R16 ส่วนรุ่นท๊อปใช้ล้อขอบ 18 นิ้ว แต่เนื่องจากในทริปนี้เราจะต้องไปเจอทางหิมะ จึงใส่ล้อ 15 พร้อมยางหิมะ ซึ่งไม่ใช่ล้อของรถดั้งเดิม
ด้านหลังให้รายละเอียดไฟท้ายใหม่ LED ทรงยาว ลึกมาถึงช่วงกลางประตูท้ายของรถ ที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นการออกแบบเช่นนี้มาก่อนจาก Toyota รถมาพร้อมสปอร์ยเลอร์หลัง และ เสาอากาศครีบฉลาม รวมๆ Toyota เรียกการออกแบบดังกล่าวว่า EmotionalXBasic หรือ “ความรู้สึกตัดกับความเรียบง่าย”
ใครมองรถคันนี้แต่ภายนอก อาจจะรู้สึกว่า รถมันช่างดูเล็กจัง เนื่องจากการออกแบบให้ท้ายสั้นคล่องตัว ถ้าสังเกตให้ดีตัวรถมีการจัดวางระยะยื่นทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง (Over Hang) สั้นมาก เป็นเรื่องดีถ้ามองหาความคล่องตัว ขนาดรถจริงๆ มีความยาว 4,375 มม. กว้าง 1,790 มม. และ สูง 1,460 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,640 มม. และ มีระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถเพียง 135 มม. เท่านั้น
เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายสำคัญในไทยตระกูล 5 ประตู อย่างมาสด้า 3 และ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คที่ขายมานานแรมปี จะพบว่า รถมีความเล็กกว่าคู่แข่งพอสมควร จนบางคนอาจแปลกใจ ทำไมไม่ทำให้มันใหญ่กว่าชาวบ้านเขา
ตารางเปรียบเทียบ Toyota Corolla Sport และรถคู่แข่งรุ่นอื่นๆ
Toyota Corolla Sport (มม.) | Honda Civic Hatchback (มม.) | Mazda 3 Hatchback (มม.) | 2019 Mazda 3 Sport (มม.) | |
ความยาว | 4,375 | 4,501 (+126) | 4,470(+95) | 4,459(+84) |
ความกว้าง | 1,790 | 1,799 (+9) | 1,795 (+5) | 2,028 (+38) |
ความสูง | 1,460 | 1,421(-39) | 1,450 (-10) | 1,440 (-20) |
ระยะฐานล้อ | 2,640 | 2,697 (+57) | 2,700 (+60) | 2,726 (+86) |
ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงท้องรถ | 135 | 133 (-2) | 155 (+20) | N/A |
ขนาดรถเล็กกะทัดรัด หลายคนอาจจะรู้สึกเริ่มไม่สนใจเจ้ารถคันนี้บ้างแล้ว แต่การออกแบบรถเช่นนี้ทางโตโยต้าพุ่งเป้าไปที่บางตลาดสำคัญ อาทิในญี่ปุ่นที่มีถนนหนทางคับแคบ หรือประเทศในยุโรปมีความต้องการรถยนต์ 5 ประตู ขนาดไม่ใหญ่มากมายนัก
พนักงาน Toyota Car Rent จัดแจงอธิบายการใช้งานต่างๆ ให้เราฟังเป็นภาษาญี่ปุ่น ปนภาษาอังกฤษ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เอาเป็นพอจับใจความได้ว่า ใช้งานอย่างไรคร่าวๆ ได้อยู่บ้าง
ผมจัดการสำรวจในห้องโดยสารเจ้า Toyota Corolla Sport ก่อนในเบื้องต้น เข้าใจว่า รถคันนี้น่าจะเป็นรถในรุ่น Hybrid G ที่ขายในญี่ปุ่น มันมาพร้อมเบาะนั่งผ้าสีดำ (รุ่นท็อปจะเป็นผ้าผสมหนังสีแดง หรือสีดำเดินด้ายแดง) เรื่องการปรับเบาะนั่งใช้ระบบมือขยัน ทั้งฝั่งคนนั่งและฝั่งคนขับ โดยฝั่งคนขับยังสามารถปรับสูงต่ำได้ตามความต้องการ พวงมาลัยปรับสูงต่ำได้
ทรวดทรงพวงมาลัย ออกแบบมาสปอร์ตเต็มพิกัด ลักษณะวงใหญ่กว่า Toyota C-HR บนพวงมาลัยให้ปุ่มปรับระบบเครื่องเสียงมาครบครันวางตำแหน่งทางด้านซ้าย ทางด้านขวาเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และชุดความปลอดภัยต่างๆ ในแพ็คเกจ Toyota Safety Sense P
ตรงกลางคอนโซลหน้าจุเครื่องเสียงพร้อมระบบนำทางมาให้ (เป็นออพชั่นต้องจ่ายเพิ่ม) ให้ระบบแอร์ออโต้ครบเครื่องตามต้องการ การตบแต่งช่วงกลาง-คันเกียร์ใช้วัสดุพลาสติกดำเงา หรือที่บ้านเราเรียกว่า Piano Black ตรงหน้าคันเกียร์มีปุ่มโหมดไฟฟ้าล้วน และโหมดการขับขี่ สามารถเลือกได้ 3 โหมด Normal, Eco และ Sport ขับได้ดั่งใจตามต้องการ cแต่ตลอดการทดสอบผมขับด้วยโหมด Normal ตลอด
ทางด้านเบาะนั่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่กว่า Toyota C-HR ผมรู้สึกการสัมผัสหลังที่ดีกว่า ยังคงทรวดทรงความสปอร์ตไว้เหนียวแน่น ปีกใหญ่ขึ้น และช่วงรองนั่งที่ดีกว่าเดิมพอสมควร มีขนาดใหญ่ขึ้น การวางขาท่านั่งและการจับอุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งเหมาะหยิบจับต่างๆ ใช้งานง่ายมาก
เบาะตอนหลังปรับพับ 60/40 ได้ มีพนักเท้าแขนมาให้ ไม่มีช่องแอร์ หรือ ช่องเสียบ USB ให้ผู้โดยสารตอนหลัง ผมลองเข้าไปนั่งตอนหลัง หลังจากปรับท่านั่งที่ผมนั่งในตอนหน้า พบว่าพื้นที่นั่งค่อนข้างแคบพอสมควร ระยะวางขาจำกัด มันทำให้ผมถึงรถจากมาสด้า ที่มีพื้นที่ตอนหน้าสบายมาก แต่ที่นั่งตอนหลังแคบจนนั่งไม่สบายนัก รถไซส์เดียวกันนี้ที่ผมนึกถึงคือ Mazda CX-3 จนแอบคิดว่า โตโยต้าไปจับวิศวกรคนนี้มาออกแบบ Toyota Corolla Sport หรือเปล่า ก็แปลกใจว่า รู้ว่ามันเป็นจุดอ่อนจากคู่แข่ง ก็ดันยังมาทำเหมือนกัน
ได้เวลาเดินทาง ก่อนอื่นต้องเริ่มจากการเอาสัมภาระพะรุงพะรังขึ้นรถให้เรียบร้อยเสียก่อน สัมภาระของผมกับเดือนมีกระเป๋า 24 นิ้ว 1 ใบ กระเป๋า 29 นิ้ว 1 ใบ และที่เหลือเป็นกระเป๋าย่อยๆ ประกอบด้วยเป้ และกระเป๋าสะพายต่างๆ ซึ่งไม่น่าจะใช่ปัญหานัก
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่กระเป๋า 29 นิ้วใบโต ผมลองยกมันวางขวางที่ห้องสัมภาระท้ายในตอนแรกพบว่า สามารถวางขวางได้ ไม่สามารถวางตามยาวตัวรถได้ และมีพื้นที่เหลือพอเก็บของอีกนิดหน่อยเท่านั้น จึงตัดสินใจยกลงแล้วแทนที่ด้วยกระเป๋า 24 นิ้ววางตามยาวตัวรถ ก็พบว่ามันมีพื้นที่มากพอวางกระเป๋า 24 นิ้ว อีกใบ แต่ไม่พอสำหรับกระเป๋า 29 นิ้วของเรา
การนี้ผมจึงตัดสินใจพับเบาะนั่งหลังลง เพื่อวางกระเป๋า 24 นิ้วแทน ส่วนกระเป๋า 29 นิ้วนั้นเราวางไว้ยังห้องสัมภาระท้าย พร้อมกระเป๋าอื่นๆ ของเรา ถ้าถามวานั่นเท่ากับว่าห้องสัมภาระเล็กไหม ผมตอบเลยว่าไม่ เมื่อเทียบกับขนาดรถที่ไม่ได้ดูใหญ่โตนัก
จัดแจงเรียบร้อยได้เวลาออกเดินทางกับ Toyota Corolla Sport ใหม่ในญี่ปุ่น สภาพอากาศช่วงนี้เป็นปลายฤดูหนาว ในนาโกย่า อากาศเริ่มมีอุณหภูมิสูง 8-9 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน ถือว่าเย็นสบายกว่าบ้านเรามากพอสมควรเลยทีเดียว
กวาดพวงมาลัยออกจากร้านรถเช่าอย่างแรกที่พอจะสังเกตได้ทันที คือรถคันนี้มีความคล่องตัวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะพวงมาลัยของมันค่อนข้างคม แถมด้วยขนาดตัวสั้น ทำให้มีระยะวงเลี้ยวกว้างเพียง 5.1 เมตร เท่านั้น และยังดูเบาคล่องด้วยน้ำหนักเปล่าเพียง 1,310 กก. (ไม่รวมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเจอตรอกซอยแบบในประเทศญี่ปุ่น
ช่วงแรกผมขับเกร็งๆ หน่อย เนื่องจากเป็นช่วงในตัวเมืองนาโกย่า การจราจรที่นี่ถือว่าคับคั่งไม่แพ้กรุงเทพมหานครบ้านเรา แตกต่างเพียงการจราจรที่นี่มีระเบียบมากกว่า ความเร็วในเมืองตามกฎหมายกำหนดที่ญี่ปุ่นใช้ได้เพียง 50 ก.ม./ช.ม. และในถนนแคบ ใช้ได้เพียง 30-40 ก.ม./ช.ม. แต่เอาเข้าใจริง คนญี่ปุ่นก็ขับเกินกว่านั้น อาจจะ 60-70 ก.ม./ช.ม. แต่ก็ไม่ได้เร็วมาก เนื่องจากแยกไฟแดงถี่ รวมถึงมีกล้องวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่ไปทั่ว กฎจึงยังเป็นระเบียบพอสมควร
การขับ Toyota Corolla Sport ในช่วงแรกของจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากสภาพบ้านเมืองในนาโกย่าแตกต่างจากครั้นไปเช่าขับที่โตเกียวพอสมควร เนื่องจาก ในคราวนั้นเราขับออกนอกเมืองทันทีไม่ต้องมาผ่านเมืองนานๆ
ใต้เรือนร่าง Toyota Corolla Sport คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด ที่เราคุ้นเคยขนาด 1.8 ลิตร ตัวเครื่องยนต์อย่างเดียวให้กำลัง 98 แรงม้า สูงสุดที่ 5,200 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ตัวเครื่องยนต์ควบระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 70 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร ยังคงใช้แบตเตอร์รี่ไฮบริดแบบ นิคเกิล เมทัลไฮไดรขนาด 6.5 แอมป์ฮาว ให้กำลังรวมระบบเพียง 120 แรงม้า คล้ายกับ Toyota C-HR ในบ้านเรา ไม่ผิดเพี้ยน
การขับขี่ช่วงแรกด้วยความงกของผม ที่จะไม่ขึ้นทางด่วนในเมืองอันแสนแพงของญี่ปุ่นที่มีราคาค่าทางสูงถึง 770 เยน สำหรับรถยนต์ทั่วไป (หรือประมาณ 223 บาท) สำหรับทาง่วนในเขตเมืองนาโกย่า
เราจึงขับท่ามกลางถนนนครนาโกย่า อันเต็มไปด้วยไฟแดงแยกแล้วแยกเล่า ที่มีรถมากมายคลาคล่ำไปตามทางกับเรา การขับด้วยความเร็วปกติในเมือง ใช้ความเร็ว 50-60 ก.ม./ช.ม. ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก็ไฟแดง (อีกแล้ว) ยังดีที่เวลาปล่อยจะเปิดไฟเขียว 3-4 แยก ยาวๆ ไปพร้อมกัน
เครื่องยนต์ไฮบริดเริ่มทำให้เห็นประโยชน์สำคัญ ในการขับขี่ ด้วยการใช้โหมดไฟฟ้าล้วนเกือบตลอดเวลา ยกเว้นเวลาไฟในแบตเตอร์รี่ต่ำ จะติดเครื่องยนต์ขึ้นมาชั่วคราว แต่เพียงสั้นๆ เนื่องจากอากาศที่ญี่ปุ่นในเวลานี้ค่อนข้างเย็นจับจิต ระบบปรับอากาศที่สมควรจะต้องทำความเย็นในบ้านเรา ในเวลานี้ใช้เพียงตำแหน่งฮีทเตอร์ให้ความอบอุ่นในห้องโดยสารเท่านั้น
การขับรถท่ามกลางการจราจรแบบนี้ค่อนข้างเครียด 1 ชั่วโมง คุณจะมาได้ไกลเต็มที่แค่ 30 กิโลเมตรเท่านั้น เรียกว่าเป็นการขับในเมืองอย่างแท้จริง ต่างเพียงการจราจรบ้านเขาไม่ติดขัดหยุดนิ่งแบบในไทย
มาได้สักระยะใหญ่ เราก็เข้าสู่เส้นทางชนบท ปลายทางของผมวันนี้เดินทางจากนาโกย่าไปเมืองทาคายาม่า ระยะทางไม่ไกล ประมาณ 200 กิโลเมตร ก็ราวๆ จากกรุงเทพมหานครไปถึงชะอำ ก็ว่าได้
แต่ญี่ปุ่นต่างจากไทย เส้นทางนอกเมืองของที่นี่ ถ้าคุณไม่ขึ้นทางด่วนอย่างหวังจะเจอถนน 4 หรือ 6 เลน ตลอดการเดินทางเราขับบนถนน 2 เลนสวนตลอดเวลา ความเร็วจำกัดที่ 70 ก.ม./ช.ม. ขับจริง ผมล็อคครูซตามคนญี่ปุ่น ดูว่าขับกันเท่าไรได้ 80-90 ก.ม./ช.ม. เราขับแบบนี้ไปเรื่อย ช่วงในเมืองก็ผ่อนเหลือ 60-70 ก.ม./ช.ม.
ถนนที่เราขับในเวลานี้ คือ ทางหลวงหมายเลข 41 หรือ Route 41 เป็นเส้นทางเดียวจากนาโกย่าไปทาคายาม่า โดยคุณไม่ต้องเสียเงิน เส้นทางสวยงามเนื่องจากจะลัดเลียบแม่น้ำฮิดะ ขึ้นไปเรื่อยๆ
ระหว่างทางเจ้า Toyota Corolla Sport เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ระบบกันสะเทือนให้ประจักษ์ การหันมาใช้โครงสร้าง TNGA ใหม่ ผสานกับการวิศวกรรมระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และด้านหลังเป็นช่วงล่างปีกนกอิสระ 2 ชั้น ช่วยให้การซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ความรู้สึกมั่นใจในการขับขี่ตลอดเวลา ช่วงล่างออกไปในทางมั่นใจแน่นหนึบ
เท่าที่อ่านข้อมูลจากโตโยต้าประเทศญี่ปุ่น ในรุ่นท๊อปออพชั่นมีความสามารถในการซับแรงสะเทือนจากถนน น่าจะดีกว่ารุ่นที่ผมขับอีก ด้วยระบบ Adaptive Variable Suspension System หรือ AVS สามารถควบคุมการซับแรงสะเทือนแต่ละล้อตามสมควร และรถรุ่นนี้เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกที่ติดตั้งระบบนี้เข้ามา (เฉพาะในรุ่น G “Z” และ Hybrid G “Z”)
ความมั่นใจในการขับขี่ซับแรงสะเทือนดี จนบางที คุณนายเดือน ก็หนีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ไม่แน่ใจว่า อาจจะมาจากยางหิมะที่แก้มหน้าและดอกยางหนาเป็นพิเศษด้วยหรือไม่ รวมถึงถนนในญี่ปุ่น แม้แต่กับทางหลวงชนบทสายเก่าแบบนี้คุณภาพถนนยังดีกว่าบ้านเราหลายขุม ไม่มีหลุมบ่อแม้แต่ร่องรอยการปะถนนนับว่าหายได้น้อยมาก
ทางด้านการตอบสนองของเครื่องยนต์ไฮบริดก็พร้อมทะยานตลอดเวลา ความรู้สึกในการเร่งดีมาก ติดเท้าทุกครั้งที่เหยียบลงไป ส่วนการเบรกก็ตามใจคนขับ อารมณ์แป้นเป็นสไตล์สปอร์ต เลยได้กระทืบได้ ตามต้องการทุกอิริยาบถ ไม่มีมาอิดออดว่า เบรกลึกสิ เดี๋ยวฉันค่อยเบรกให้
ระหว่างทาง ผมขับตามเส้นทางแนะนำจาก Google Map ได้โปรโมชั่นพิเศษทางถนนในเขา หรือคนญี่ปุ่นเรียกทางแคบๆ ชนิดกระจกมองข้างแทบชนกันเหล่านี้ว่า “โทเกะ” ทางแบบนี้มีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น และจะรู้จักเพียงคนท้องถิ่นใช้ตัดลัดเขา ซึ่งใช้เวลาเร็วกว่า หากเส้นทางที่แคบก็ต้องระวังเป็นพิเศษบ้าง เมื่อคุณต้องสวนกับรถที่ขับมา
เส้นทางแบบนี้เพื่อนผมที่บินมาตัดของทำเชียงกงที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ บอกว่า จัดได้ตามใจเต็มที่ไม่มีปัญหา ผมขับเส้นทางนี้ช่วงสั้นๆ ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าโค้งสั้นแคบด้วยความเร็ว 80-90 ก.ม./ช.ม. Toyota Corolla Sport ดูจะไม่สะทกสะท้านต่อความห้าวของผม อันที่จริงส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นรถค่อนข้างเชื่องเมื่อขับด้วยความเร็ว ดูนิ่ง แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก
เมื่อบวกกับพวงมาลัยเซ็ทอัตราทดมาคมกริบ ช่วยให้ขับเข้าโค้งไม่ต้องคัดพวงมาลัยมากมาย เพียงมอง ..หมุนพวงมาลัยตามต้องการ ก็ได้ความรู้สึกสนุกในการเข้าโค้ง และการขับขี่ จนไม่คิดว่านี่ เรากำลังขับรถโตโยต้าอยู่จริงๆ
ระหว่างทางขับไปทาคายาม่า เราเจอโค้งหลายแบบ แต่ไม่เจอโค้งความเร็วสูง และเราไม่ได้ใช้ความเร็วในการขับที่ญี่ปุ่น เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง บางอย่างเราจึงอาจจะยังพูดได้ไม่เต็มปากนัก
แต่ถ้าถามผมแล้ว รู้สึกว่า Toyota Corolla Sport ไฮบริด ดูเป็นรถที่มีสมดุลค่อนข้างดี แม้นขับในช่วงทางหิมะ ก็ไม่มีอาการหน้าดื้อท้ายไหล กลายเป็นรถที่คุมค่อนข้าง ขับแล้วมั่นใจ อาจจะเพราะเครื่องยนต์ไฮบริดที่มีการกระจายน้ำหนักไปด้านท้ายด้วยแบตเตอร์รี่ด้วยส่วนหนึ่ง การขับตลอด 4 ชั่วโมง จนถึงที่พักปลายทาง ทำให้ผมชอบรถคันนี้มาก ขับในทางหิมะก็มั่นใจ เข้าโค้งก็สนุก อัตราเร่งก็ดี แถมกดดูหน้าปัดก็ประหยัดมาก ได้ 22-23 ก.ม./ลิตร
นอกจากนี้ในญี่ปุ่นยังมีฟังก์ชั่นยิบย่อยที่คนไทยอาจไม่เคยเจอ เช่น รถสามารถตรวจสอบว่าถนนที่ขับเป็นถนนที่มีน้ำแข็งหรือน้ำจากหิมะปกคลุมหรือไม่ และแจ้งเตือนให้ระวัง, ระบบเปิดไฟในรถอัตโนมัติเมื่อเราเดินเข้าใกล้รถ เป็นต้น
ส่วนระบบความปลอดภัยก็ครบเครื่องด้วยมาตรฐานระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense P ตอบโจทย์การขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมากมาย อาทิ ระบบเตือนการหลุดเลน และตกถนน พร้อมช่วยควบคุมพวงมาลัย , ระบบเตือนรถคันหน้าออกตัว ,ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ,ระบบอ่านป้ายจราจร (สามารถอ่านได้ทั้งป้ายความเร็ว ป้ายห้ามแซง, ป้ายให้ทาง) รวมถึงระบบไฟสูงอัตโนมัติ
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมเจอและสัมผัสในรถคันนี้
Toyota Corolla Sport ขับดีโดนใจ ฟังก์ชั่นครบถ้วนสมบูรณ์
ตลอด 2 วันในการขับเจ้า Toyota Corolla Sport ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เดินทางจากนาโกย่าไปทาคายาม่า และแวะหมู่บ้านชิราคาว่าโกะ เจ้า 5 ประตูเลือดโคโรลล่าคันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ในมุมมองผม มันเป็นรถคันหนึ่งที่ขับสนุกเมื่อต้องการ โดยเฉพาะเส้นทางบางแบบอย่างทางโค้งแคบ รถคันนี้เคลื่อนไหวเข้าโค้งได้ในระดับชำนาญการ การโคลงตัวน้อยมาก ส่วนหนึ่งมาจากขนาดเล็กกระทัดรัดของมัน และ การวิศวกรรมรถให้มีช่วงยื่นล้อสั้นคล้ายรถขนาดเล็กซับคอมแพ็คคาร์ หากมีขนาดความกว้างตัวรถมากกว่ารถยนต์นั่งขนาดเล็กทั่วไป ทำให้มีระยะล้อซ้าย-ขวา หรือ แทรคกว้างถึง 1,530 มม.
ตลอดเวลาที่ผมคุมบังเหียนรถคันนี้ เราเข้ากันได้ มันเป็นรถที่ขับสนุกไม่น้อย และประหยัดเอาเรื่อง ตลอดการเดินทางไปกลับทาคายาม่าจากนาโกย่ารวมท่องเที่ยว แถมวิ่งเตร่ไปมา มีระยะทางทั้งสิ้น 553.32 กิโลเมตร ก่อนส่งคืนรถกับร้านเช่าเราต้องเติมน้ำมันเขาคืนถังให้เต็มปรี่
ผมเติมไป 26.5 ลิตรพอดิบพอดี (จากถังน้ำมันขนาด 43 ลิตร) ถ้าคำนวณจากระยะทางที่ขับขี่มา เราจะได้อัตราประหยัด 20.88 กิโลเมตรต่อลิตร ในสภาพการขับขี่ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บ
โดยเฉพาะวันที่ 2 ผมอยู่ในช่วงอากาศติดลบตลอดทั้งวัน และเนื่องจากอากาศเย็นผิดปกติ ทำให้รถมักจะสตาร์ทเครื่องยนต์ทำงานบ่อยกว่าปกติสักหน่อย เพื่อให้เครื่องยนต์พร้อมทำงาน รวมถึงความร้อนจากเครื่องยนต์ ยังแปรเปลี่ยนมาเป็นความร้อนให้ความอบอุ่นในห้องโดยสารอีกด้วย
ถ้าถามว่าน่าสนใจไหม ถ้า Toyota Corolla Sport จะมาขายในไทย
ผมบอกเลยว่าน่าสนใจมาก แต่โอกาสที่รถคันนี้จะเข้าไทยเรียกว่า มีน้อยมากจริงๆ เนื่องจากรถมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่ง และถ้าต้องทำราคาไฮบริดระดับเดียวกับ Toyota C-HR อาจเกิดการทับไลน์ระหว่างกันได้ ตลอดจนตลาดรถ 5 ประตูของคนไทย ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่า 4 ประตู แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตาม
นี่ยังไม่รวมบางสิ่งที่รถคันนี้ตอบโจทยไม่ได้ เช่น ที่นั่งตอนหลังแคบ ซึ่งแคบจริงๆ สำหรับคนตัวใหญ่ 170+ ขึ้นไป จะนั่งให้สบายค่อนข้างยาก แถมการออกแบบรถให้มันดูสปอร์ต ทำให้เมื่อคนตัวสูงนั่ง ขอบเสาหลังคาจะบังสายตาพอดี ทำให้รู้สึกเหมือนแปลกๆ ไปบ้าง
แต่ผมว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าความรู้สึกทึบๆ ของ Toyota C-HR ที่ไม่สามารถปรับความรู้สึกคนให้เข้ากับมันได้ ในขณะที่การนั่งโดยสารตอนหลังรถรุ่นนี้ยังพอจะเปลี่ยนท่านั่งให้มันนั่งสบายได้บ้าง
นอกจากนี้เรื่องการเก็บของตอนหลังจะเห็นได้ว่า ด้วยขนาดรถที่เล็กกว่าคู่แข่งทุกรุ่นในตลาด (ดูตารางเปรียบเทียบขนาดด้านบน) ทำให้ฟังก์ชั่นใช้งานการเก็บสัมภาระทำได้ไม่เต็มที่นัก แต่มันก็มากพอจะจุกระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้ว 2 ใบ
ดังนั้นถ้าให้สรุป เจ้า Toyota Corolla Sport เป็นรถที่เกิดมาจากความตั้งใจของ Toyota ทำคอมแพ็คคาร์ที่มีความสปอร์ต ตรงกับความต้องการของ Toyota บางประการ เช่น การหารถลงงานแข่งแรลลี่ WRC โดยที่รถคันนั้นมีขนาดเหมาะสมควบคุมได้ง่ายกว่าการเอารถเล็กจับมาตีโป่ง คันนนี้เพียงยัดเครื่องแรงก็พร้อมซิ่งทันที คล้ายกับฮุนได i30 เพิ่งจับมาลงสนามในช่วงปีที่ผ่านมา และสร้างผลงานได้ดีอย่างน่าตกใจ
แถมกระแสข่าวในญี่ปุ่นตลอดปี 2018 ยังยืนยันว่า ทาง Gazoo Racing มีแนวโน้มทำประเภท 5 ประตูสายแรงออกจาก Toyota Corolla ใหม่ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก ถ้าพวกเขาต้องการสร้างรถแบบนั้นจริงๆ หลังให้ฮอนด้าขาย Type R มายาวนาน มิหนำซ้ำรถที่จะลงแข่งแรลลี่ต้องมีรถรุ่นขายจริงให้ลูกค้า จึงจะตรงตามกฎการแข่งขันของรถในปัจจุบัน ดังนั้นยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
และท้ายสุดตอบคำถามว่าทำไมไม่ทำรถให้ใหญ่กว่านี้ ในตระกูล Toyota Corolla ยังมีรุ่นครอบครัวขายในญี่ปุ่น ซึ่งเรียกว่า Toyota Corolla Fielder รถรุ่นดังกล่าว ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น มีขนาดตัวรถยาวกว่าถึง 4,410 มม. แต่มีช่วงฐานล้อสั้นกว่าเพียง 2,600 มม. หากมีความกว้างของห้องโดยสารกว้างกว่า
ตารางเปรียบเทียบ ความกว้างในห้องโดยสาร ระหว่าง Toyota Corolla Sport กับ Toyota Corolla Fielder
Toyota Corolla Sport (มม.) | Toyota Corolla Fielder (มม.) | |
ยาว | 1,795 | 1,945 (+150) |
กว้าง | 1,500 | 1,430 (-70) |
สูง | 1,155 | 1,200 (+45) |
หมายเหตุข้อมูลตามการเปิดเผยของ Toyota ประเทศญี่ปุ่น
นั่นแสดงให้เห็นว่า ใต้ร่างสปอร์ตโดนใจรถรุ่นนี้แฝงด้วยจิตวิญญาณความสปอร์ตไว้อย่างเต็มเปี่ยม และรอวันที่จะปลุกปั้นมาใช้ เป็นได้ทั้งรถแข่งทางฝุ่นและทางถนน เมื่อ Toyota ต้องการ
มันคือเสือร้ายที่แอบไว้ซึ่งเขี้ยวเล็บ เป็นรถสำหรับคนที่ต้องการรถสักคันเอาไว้ขับสนุกๆ ซิ่งมันๆ เวลาปกติ เจ๋งพอจะพาแฟนไปเที่ยว พาบุพการีไปทานข้าว หรือถ้าเพิ่งมีลูก ก็พาเขาไปทำกิจกรรมครอบครัวได้บ้าง
มันเป็นรถที่เหมาะกับพ่อแม่รุ่นใหม่ ใจยังรักการซิ่ง ไม่ต้องการรถที่มีขนาดใหญ่เกินไป ไม่ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งลุยป่าฝ่าดงบ่อยๆ ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง บ้าน ที่ทำงาน และขับเที่ยวบ้างเสาร์-อาทิตย์ในวันว่าง
อย่างไรก็ดี ด้วยการอมความสปอร์ตมาเต็มคราบ ทำให้ในการขับขี่บางครั้งมีความน่ารำคาญ เช่น การคัดพวงมาลัยอันคมกริปตลอดทางทำให้คุณขับสบายๆ วอกแวกไม่ได้เลย เพียงเบี้ยวพวงมาลัยนิดเดียว รถก็เปลี่ยนทิศทันที นั่นเป็นหอกข้างแคร่ต้องแลกกับความสปอร์ตจากจิตวิญญาณของรถคันนี้
การขับ รีวิว Toyota Corolla Sport ใหม่ในครั้งนี้ ผมบอกได้ข้อหนึ่งที่สำคัญ คือรถ Toyota Corolla รุ่นต่อไปไม่ธรรมดา โตโยต้ารู้แล้วว่า คนซื้อยุคใหม่ต้องการรถแบบไหน พวกเขาชอบความสปอร์ตเร้าใจ รถดีๆ ออกมาจากโรงงาน ก็เปลี่ยนแม็คใส่ท่อพร้อมซิ่ง งานนี้ของที่ให้มาก็เรียกว่า น่าจะถูกใจวัยโจ๋ขึ้นเยอะ
โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากรถใช้งานบ้านๆ ทั่วไป ไปสู่ภาพความสปอร์ต ทั้งด้วยโครงสร้าง TNGA และ ช่วงล่างหลังอิสระจากโรงงาน ทำให้รถรุ่นใหม่ขับดีกว่าเดิมมาก จนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างไม่ต้องสงสัย
ในวันนี้บ้านเรา อาจจะยังไม่ได้ต้อนรับ Toyota Corolla ใหม่ แต่เชื่อเลยว่านั่นอีกไม่นานเกินรอ สำหรับเจ้าคอมแพ็คคาร์ยอดนิยมคนไทย จะมาถึงบ้านเรา
สำหรับ Toyota Corolla Sport จะเข้ามาไทยหรือไม่ เป็นคำตอบที่ยังยากจะคาดเดา แต่ก็นับว่าน่าเสียดาย ถ้ารถคันนี้จะไม่มาไทย เพราะ ถ้าคุณมองหารถสักคันเน้นขับซิ่งได้ทุกวันไม่มีทางเบื่อ และโคตรประหยัด สุดๆ วางใจได้ทุกเส้นทาง มันเป็นรถที่น่าคบมาก ถ้าราคาไม่ถึงล้าน มั่นใจว่า จะต้องมีคนซื้ออย่างแน่นอน !!
มันเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ผมเชื่อแล้วว่า Toyota ทำรถรุ่นนี้ออกมาอย่างตั้งใจจริง ตามความคิดที่ให้ไว้กับโตโยต้า โดยนาย ไอจิ โตโยดะ ว่า Good Thinking , Good Product และยังใช้มาถึงทุกวันนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญของการสร้างรถหนึ่งคันให้โดนใจลูกค้า โตโยต้าน่าจะ ศึกษาลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มจะซื้อรถรุ่นนี้มาแล้ว พวกเขาเป็นคนอย่างไร คนกลุ่มนี้ อาจจะเป็นคนอย่างผม อย่างท่านผู้อ่าน ชอบขับขี่ เป็นรถที่ครอบคลุมได้ทุกอย่างในชีวิต ดูดีทางด้านสถานะทางสังคมด้วย และที่สำคัญ สมควรต้องประหยัดน้ำมัน
ผมดีใจที่วันนี้การมาถึงญี่ปุ่นได้สัมผัสเจ้า Toyota Corolla Sport ไม่ว่า รถรุ่นนี้จะเข้าไทยหรือไม่ มันคือความทรงจำที่ดีของผมต่อโตโยต้า มันเป็นรถที่ดีสมราคาอันเกิดจากความตั้งใจจริง ของแบรนด์ที่พยายาม จะผ่ายุคอเนกประสงค์ครองเมือง และพวกเขาทำได้ดีจนน่าตกใจ
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
รถทดสอบคันนี้เป็นรถที่เช่าโดยทีมงาน Ridebuster ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางใดกับ Toyota Motor ประเทศไทย หรือได้รับการเชื้อเชิญใดๆ จาก โตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น
การขับทดสอบปฏิบัติตามกฎหมายการจราจรทางบกของประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ได้รับอภิสิทธิ์ ใดๆ เป็นพิเศษจากหน่วยงานทางถนน หรือ รัฐบาลประเทศญี่ปุ่น
ภาพตลอดจนข้อมูลในบทความมีลิขสิทธิ์ ห้ามดัดแปลง ทำซ้ำ หรือ เผยแพร่ในเว็บไซต์อื่น หรือวิธีทางอื่น จากเว็บไซต์ Ridebuster.com
[ngg src=”galleries” ids=”945″ display=”basic_thumbnail”]