ตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว Mitsubishi Pajero Sport กลายเป็นรถอเนกประสงค์จากกระบะผู้สร้างยอดขายให้กับแบรนด์อย่างชื่นมื่น มันได้รับการพูดถึงในแง่ความคุ้มค่า ยิ่งเมื่อบวกกับความดีความชอบสมรรถนะการขับขี่ที่ไม่เป็นสองรองใครด้วยแล้ว หลายคนเลยตัดสนิใจซื้อมันเป็นรถคู่กาย
ไม่น่าเชื่อว่า 3 ปีผ่านมาอย่างรวดเร็ว จวบจนจะ 4 ปี ในที่สุด Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ก็ได้รับการปรับโฉมตอบโจทย์ลูกค้าให้โดนใจมากยิ่งขึ้น พวกเขาวางเป้าหมายยกระดับการใช้งานรถรุ่นนี้ไปอีกขั้น เหนือชั้นกว่าที่เคย
พบกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวออกมา เจ้า ปาเจโร่ สปอร์ต รุ่นปรับโฉม ทักทายผม ด้วยหน้าตาใหม่ ถึกโดนใจ Advance Dynamic Shield บางคนบอกว่า นี่เป็นการถอยหลังลงคลองของทางมิตซูบิชิ หลังจากแยกหน้าตากระบะกับอเนกประสงค์พื้นฐานเดียวกันออกจากกัน ตอนแนะนำเมื่อ 3 ปีทีแล้ว
แต่เมื่อมองย้อนยังงานออกแบบของมิตซูบิชิ ย้อนไปตั้งแต่ G-Wagon ยันปาเจโร่สปอร์ตรุ่นก่อนหน้านี้ มันกลับใช้หน้าตาเดียวกับกระบะเสมอมา
หน้าตาใหม่ลงตัวงานออกแบบด้วย กระจังหน้าโลหะ 3 แถบ ปรับกันชนหน้าใหม่ ให้ไฟตัดหมอก LED วางไฟเลี้ยวไว้ด้านล่างด้วย พร้อมไฟ Day Time Running Light ไฟหน้ายังคงจัดวางไว้ด้านบน ปรับให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้นดูน่าใช้งาน หล่อแบบถึกๆ การปลี่ยนแปลงนี้ยังยาวถึงช่วงแก้มซุ้มล้อหน้า และฝากระโปรงหน้า ปรับรายละเอียดเปลี่ยนใหม่ยกเซท
ด้านข้างรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ล้ออัลลอยใหม่ ขอบ 18 นิ้ว สีทูโทน ลวดลายเปลี่ยนรายละเอียดสไตล์แกร่ง จัดมาพร้อมยาง 265/60 R18 ดูดุดันพร้อมลุย
บั้นท้ายปรับเปลี่ยรายละเอียดใหม่เล็กน้อย ด้วยกันชนท้ายใหม่ เพิ่มระยะยืนออกมาจากตัวรถสักหน่อย ถอดทับทิมท้ายรถออกไป เปลี่ยนลายกราฟฟิกไฟท้ายใหม่ ไม่ให้เป็นทรงไม้ตะพดเหมือนเดิม เติมความทันสมัยด้วยประตูท้ายไฟฟ้า (เสียที) แถม มันดูสปอร์ตมากขึ้นกับ สปอร์ยเลอร์หลังใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น และ บนหลังคามีเสาอากาศคลีบฉลาม
จนภาพรวมการออกแบบภายนอกดูลงตัวมากขึ้น น่าเสียดาย ทางมิตซูบิชิ ยังไม่ยอมทำไฟท้ายทรงนอนมาตอบโจทย์ รวมถึงถึงสีรถก็ไม่เน้นความฉูดฉาดเท่าไรนัก ด้วยความว่า ลูกค้าซื้อรถราคาระดับนี้ น่าจะสูงวัย
ด้านในห้องโดยสาร มิตซูบชิ จัดการปรับปรุงใหม่หลายรายการ เริ่มจากที่ชัดเจนทันทีที่ลงไปนั่งคือ ช่วงระหว่างที่นั่งจากคอนโซลกลางถึงแฝงประตูข้าง กว้างขึ้น จนนั่งอ้าขาได้สบายมากขึ้น สำหรับคนตัวใหญ่อย่าง ด้วยผลจากการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ลดพื้นที่ความสวยงาม ปรับให้ความสบายกว้างจากรุ่นก่อนถึง 3 ซ.ม.เลยทีเดียว
เรื่องออพชั่นใหม่ เรียกว่าจัดหนักมาเต็มมาก เริ่มจาก ระบบปรับอากาศออโต้ แยกอิสะซ้าย-ขวา พร้อมระบบ Nano-e ฟอกอากาศหายใจสะดวกได้สุขภาพดี , ช่องวางแก้วมีตัวยึดมาให้ กระจกไฟฟ้า เปิด-ปิด ออโต้ พร้อมป้องกันการหนีบทั้ง 4 บาน
ตรงหน้าคนขับให้หน้าจอเรือนไมล์ LCD 8 นิ้ว เป็นรุ่นแรกของรถกลุ่มนี้ หน้าจอสามารถปรับรายละเอียดการแสดงผลได้ 3 แบบ ดูทันสมัยเข้าที กับพวงมาลัย 4 ก้าน พร้อมปุ่มเครื่องเสียง , ระบบ Cruise Control ควบคุมหน้าจอ และวาง-รับสายโทรศัพท์ คอนโซลกลางจัดการปรับการออกแบบใหม่เป็นดำเงา ให้เบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังชั่นช่วยหยุดรถครบเบ็ดเสร็จ
ส่วนตรงกลางระบบเครื่องเสียงภายในรถ ด้านหน้าขนาด 8 นิ้ว ให้ความบันเทิงยามเดินทาง ด้านหลังมีลูกเล่นมากขึ้นให้ลูกค้าไม่เบื่อ ด้วยจอ Roof Monitor ขนาด 12.1 นิ้ว ให้ความละเอียดสูงสุด 720P เพียงพอสำหรับความบันเทิง แถมยังมีช่องชาร์จไฟมือถือ USB และ หัวปลั้ก 220โวลต์ แบบไฟบ้านด้วย
การขับทดสอบ
ขึ้นรถหย่อนตัวนั่งการขึ้นลงรถรุ่นนี้ไม่เป็นปัญหาเข้าออกง่าย เบาะนั่งรุ่นใหม่ ดูตดเย็บพิถีพิถันขึ้น ราวกับรถหรู คงได้วิชามาตอนขายตัวพิเศษ Elite ที่มีหนังพิเศษไม่อมความร้อน ทำเอาหลายคนอยากได้
คุณภาพการนั่งรุ่นใหม่ยังคงเส้นคงวาเป็นเบาะนั่งเดินทางไกลสบาย ไม่ได้โอบกระชับฟิตเปรี้ยะ เท่าไรนัก ด้านหลังการนั่งยังคงสบายเหมือนเดิม เบาะนั่งเอนน้อยๆ พร้อมพล้อยหลับได้สบายทุกเมื่อที่ต้องการ มันมีที่พักแขนมาให้เปิดพับลงมาได้ทุกเมื่อตามต้องการ เบาะนั่งหลังสามารถปรับพับได้ รายเรียบเอาไว้ขนของทำกิจกรรมในวันว่าง
ใต้เรือนร่างเจ้า Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร Mivec Clean Diesel ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ทำแรงบิด 430 นิวตันเมตร ไม่ได้หวือหวาอย่างบางค่ายและไม่ได้อืดอาดจนน่าเกลียด
ก่อนเริ่มเดินทางมีเหตุให้ต้องล่าช้าเล็กน้อย จนต้องปล่อยให้สื่อมวลชนท่านอื่น ออกเดินทางล่วงหน้ากันไปก่อน ส่วนเราเป็นคันสุดท้ายปิดขบวน ต้องขับฝ่าด่านอรหันต์ตามให้ทันในภายหลัง
ออกถนนใหญ่ความรู้สึกกำลังวังชาเครื่องยนต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง งวดนี้เหมือนชุดเกียร์ 8 สปีด ปรับเซทติ้งตอบสนองดีขึ้นดูกระฉับกระเฉงกว่าเดิมสักหน่อย
แต่ที่แน่ๆ ขับนานๆ รู้สึกการตอสนองระบบกันสะเทือนเจ้า ปาเจโร่ สปอร์ตใหม่ดีขึ้นผิดหูผิดตา มันนุ่มนวลมากขึ้น ยิ่งตอนทิ้งโค้งช่วงวังมะนาว รู้สึกได้ถึงการตอบสนองที่ดีกว่ารุ่นเดิม อาการท้ายเหวี่ยงท้ายโยนน้อยกว่ารุ่นชัดเจน
เมื่อทำความเร็วสูงขึ้นรถขับมั่นใจ ติดปลายนวมเรื่องความนิ่มนวลจนต้องเบาเบรกสักหน่อย ถ้าเจอทางสะพานคอหักตามชนบน อาจเหิรฟ้าไม่รู้ตัว ความนิ่มนวลช่วงล่างหลังช่วยให้ผู้โดยสารนั่งสบาย แม้เราจะขับเร็วก็ไม่รู้สึกน่าหวั่นใจสักเท่าไร ถ้าไม่เผลอหักสะบัดพวงมาลัยเร็วเปลี่ยนสามเลนโดยพลัน
การรั้งท้ายของผม ทำเอาต้องเร่งทำเวลาระหว่างทาง ขับๆ อยู่ดี เสียงเตือนดังมาก!! ตึ้ง ตึ้ง!!! เฮ้ยอะไร มาจากไหน พลันคุณเอ ทีมงานมิตซูบิชิ ที่ต้องมาฝากชะตาไว้กับเรา ยืนหน้ามาบอกโดยไว “อ่อ เนี่ย อันนี้เตือนกล้องตรวจจับความเร็ว” …
เฮ้ยเดียว รถมิตซูบิชฉลาดเพียงนี้ เพียงเขียนในรีวิวนี่พี่ตำรวจมาอ่านอาจกัดฟันกรอด … ระบบนี้จะทำหน้าที่มันเมื่อคุณใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนด ระบบจะตรวจสอบจุดที่กล้องเคยมีอยู่เคยตั้งเอาไว้ (จำพวกกล้องถาวร) ถ้ามาเร็วเกินมันจะส่งเสียงก่อนสัก 400 เมตร ก่อนถึงจุดที่กล้องอยู่ มากพอที่คุรจะเบรกชะลอความเร็ว จะได้ไม่มีรูปที่ระลึกในการเดินทางส่งถึงบ้าน จนศรีภรรยาดู เอ๊ะ!! นี่ไปกับใครไม่ใช่ฉันนี่
ลุยลองของในแก่งกระจาน
การล่าตามขบวนทดสอบเรา มาถึงจุดสำคัญ เมื่อเราต้องบุกป่าฝ่าดง แก่งกระจานกับทีมงานอีกคัน โชคดี ระบบ Super Select 4WD II นั้น ใช้งานง่าย ขับอยู่ปกติก็สามารถเข้าใช้งานได้ทันที เมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 90 ก.ม./ช.ม.
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของมิตซูบิชิ ต่างจากของผู้ผลิตรายอื่น ตรงมันมีระบบที่สามารถแปรผันในการขับเคลื่อนสี่ล้อระหว่างล้อหน้าและหลังได้ มันจึงทำงานได้เทียบเท่าระบบ All Wheel drive เมื่อคุณใช้โหมด 4H ปกติ เรียกว่าจะล็อกขับทางถนนเปียกยามฝนตก ได้สบายๆ
การลุยให้ดีต้องใช้ 4 HLC มันจะทำงานเหมือน 4 H ของค่ายอื่นไม่แปรผัน ลุยช่วงแรก ยังพูดกับคนในรถ โอย!! หมูๆ ง่ายจัง ทางดินธรรมดา มีหญ้าปนนิดหน่อย หลบ กิ่งไม่หัก ข้ามลำธารบ้างตามสมควร
ขับลึกๆ เข้าความหนักหน่วงเส้นทางชัดเจนมากขึ้น บางจุดเริ่มมีอารมร์ ดินหนังหมู เกือบจะเป็นโคลนให้เราดิ้นกันอยู่บ้าง ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเป็น 4 LLC เพื่อขับในทางยากลำบาก ผมไปต่อด้วยความไว้ใจในระบบของค่าทรีไดมอนด์ มันไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้ง ทางเริ่มดคลนมากขึ้น ยางเราก็เป็นยางวิ่งถนนปกติเริ่มลื่น ให้ง่ายขึ้น เลยเปิด Rear Differential Lock มาใช้งาน ทีนี้เรียกว่า กินหมู ไปได้สบายมาก แต่ต้องบอกตามตรงว่าถ้าโคลนเละจริงๆ เปลี่ยนยาง All Terrain ก็ดี
สรุป Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT-P 4WD
หลังเปลี่ยนมือขับกับน้องพล จาก Pantip.com ก็ทดลองนั่งยาวๆ มายังปลายทางหัวหินอย่างสบายใจ
ผมตั้งคำถามกับทัมงานมิตซูบิชิว่า ทำไม ช่วงล่างรถดีขึ้น?? พวกเขาตอบอย่างชื่นใจว่า การเปลี่ยนแปลงรุ่นไมเนอร์เชนจ์นั้น ส่วนหนึ่งทางบริษัทจัดการถอดยางอะไหล่ออกไป แล้วแทนที่ด้วยชุดปะยางฉุกเฉินแทน การถอดยางอะไหล่มีผลทางด้านน่ำหนักลดลงเล็กน้อย
จนทางวิสวกรปรับค่า K สปริงหลังใหม่ อันได้ผลความนิ่มนวลมากขึ้น ในการโดยสา รและในแง่การขับขี่มันตอบโจทย์กว่า เดิม เนื่องจากไม่มีจุดศูนย์เหวี่ยงทางด้านท้าย
ผมฟังคำตอบนี้ พลันก็คิด แค่ยางอะไหล่จริงๆ หรือ .. ใช่มันอาจจะจริง เพราะเมื่อไม่มีน้ำหนักด้านหลัง การเข้าโค้งต่างๆ นานา ก็สบายขึ้นท้ายไม่เหวี่ยงเหมือนเคยในรุ่นเดิม ทำให้ควบคุมง่ายขึ้นพอสมควร
แต่ในทางกลับกัน การถอดยางอะไหล่ไป ก็ทำให้ผมนึกเหมือนกันว่ามันสมควรจริงๆ หรือไม่สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งลูกค้าอาจเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดาร เมื่อยางแบนโดนจะปูตำ อย่างกรณีขับออฟโรดในป่า เจอหินมีคมบาด ถ้ายางแบนก็จะไม่มียางสำรองต้องเฝ้าเป่าเข้าเขาทันที แบบนี้ผมว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร
ทางมิตซุฯ บอกว่าส่วนหนึ่งด้วยความต้อการทำให้รถพรีเมี่ยมมากขึ้น และการเปลี่ยนยางอะไหล่ ริมถนนมีความอันตรายและไม่ใช่เรื่องง่าย ตรงนี้ผมก็เรียนตามตรงว่าเข้าใจได้ หากก็คงไม่ใช่กับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ยางอะไหล่อจำเป็นในรุ้นนี้ ถ้ากับรุ่นขับสอง ผมว่าจะถอดออกไปก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรสักเท่าไร
อย่างไรก็ดี ต่อข้อเรื่องนี้ทางมิตซูบิชิ ฝากแนะนำว่า ถ้าลูกค้าจำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดงจริงๆ สมควรเปลี่ยนยางเป็น All Terrain จะตอบโจทยืในการขับขี่ดีกว่า และป้องกันความเสียหายกับยางได้ด้วย
สำหรับผม Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ เป็นรถที่น่าสนใจมากขึ้น ตอบการขับขี่ดีขึ้น ครบเครื่องครบครันมากกว่าเดิมหลายอย่าง มันยังคงความเป็น PPV คุ้มค่าเหมือนที่เป็นมา แถมรุ่นใหม่ ยังขับดีขึ้น และดูหรู ทันสมัยกว่าเดิม ฟังชั่นต่างๆ มากขึ้น ฝาท้ายไฟฟ้าเอย วัสดุพรีเมี่ยมเอย ออพชั่นภายในเรียกว่าครบเครื่องที่สุด ดูดี๋คู่แข่งได้
ทางมิตซูบิชิ บอกกับผม และผู้สื่อข่าวว่า เขามองว่าจะเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าระดับหรู เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ไปอีกขั้นของรถ และความทันสมัยที่มีให้ ผมไม่แปลกใจที่พวกเขาคิดแบบนี้ และ ใช่มันจะดึงดูดคนกลุ่มใหม่เข้ามาได้ แต่อย่างไรเสีย ความจริงรถรุนนี้่มักเป็นคนที่ 2-3 ของบ้าน และคนซื้ออเนกประสงค์มองฟังชั่นไม่ใช่ความหรูหรา แม้นว่าจะตีฆ้องร้องป่าว อยากได้ออพชั่นหรูมากขึ้น
เรื่องนี้มิตซูบิชิ อาจต้องมองให้ชัดขึ้น แม้นว่ามีการทำวิจัยตลาดจากลูกค้ากลุ่มเดิมมาบ้าง ทว่าลูกค้าจะซื้อรถ คงไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มเดิม ต้องเป็นคนกลุ่มใหม่ที่มีความรู้สึกว่าชอบรถอเนกประสงค์ และรักความเป็นมิตซูบิชิ ที่มีปลายนวมเรื่องความสปอร์ต และเจ้านี่ก็ตอบโจทย์ ได้ตามที่ลูกค้าปรารถนา ในราคาที่ใช่