Home » กระบะซิ่ง ..เทรนด์โจ๋อันตราย
Bust tuning Why Tune

กระบะซิ่ง ..เทรนด์โจ๋อันตราย

ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากไหน แต่เชื่อว่าในระยะหลังในช่วงไม่กี่ปีนี้มานี้ เทรนด์กระบะแต่งซิ่งเริ่มมาแรงในสังคมไทย ด้วยความก้าวไกลของเทคโนโลยีทำให้เครื่องยนต์ดีเซลไสมัยใหม่ พกเทอร์โบพร้อมระบบหัวฉีดไฟฟ้า สามารถปรับจูนได้ง่ายแดง ทำนิดหน่อยแรงสะใจ จนกลายเป็นเทรนด์ขาโจ๋

“วัยรุ่นสร้างตัว” เป็นคำกระทบกระเทียบจากกลุ่มผู้ใช้กระบะแต่งซิ่ง พวกเขาต้องการรถยนต์ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ด้วยความเป็นวัยรุ่นก็ยังต้องการสมรรถนะการขับขี่แรงเร้าใจด้วยพร้อม ภาพในปัจจุบันเราจึงเห็นถึงกระบะควันดำแต่งซิ่งใส่ล้อแม็กโหลดเตี้ย ขับเร่งเสียงดังผิดปกติ แถมยังปล่อยมลภาวะควันดำและฝุ่น   PM 2.5  แถมขวัญดำเหล่านี้เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ หรือ  Nox   อีกต่างหาก

รถใหม่ EURO 5

ความต้องการกระบะซิ่งในสังคมไทยดูจะทวีความนิยมขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีใครสามารถหยุดเทรนดืนี้ได้ มิหนำซ้ำบริษัทรถยนต์บางรายกลับทำสินค้ารุ่นพิเศษ จนกลายเป็นส่งเสริมให้เทรนด์กระบะซิ่งนิยมในสังคมไทย ด้วยพวกเขาสามารถขายสินค้าได้จำนวนมากขึ้นจากความนิยมของลูกค้า

กระบะซิ่งเหล่านี้ ไม่เคยถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขัน ถึงจะมีประเด็นเรื่อง  PM 2.5   และรู้ดีว่าส่วนหนึ่งมาจากรถเครื่องยนต์ดีเซลควันดำ กระบะซิ่งกลับยังรอดพ้นมือกฎหมายไปได้ ในแง่การดัดแปลงเครื่องยนต์แต่งซิ่ง จะมีเพียงการจับกุมตามข้อหาระเบียบทางกฎหมายที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จากทางเจ้าหน้าที่อาทิ ล้อยื่นเกินกฎหมายกำหนด ,ขับรถเร็วเกินกำหนด เป็นต้น

ส่วนในแง่มุมการดัดแปลงเครื่องยนต์ แทบไม่เคยเห็นมีใครถูกจับกุม ทั้งที่ก็สามารถเห็นได้ทันทีเวลารถคันนั้นเร่งแรงว่า เสียงเครื่องยนต์ไม่ได้ธรรมดาผิดแผกไปจากเดิม

ในมุมหนึ่งที่เราคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับเทรนด์กระบะซิ่งมีหลายปัจจัย ความตั้งใจเขียนเรื่องนี้ออกมาในวันนี้ก็มาจากเหตุการณ์รถกระบะคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากการนั่งกระบะท้าย แถมยังขับมาด้วยความเร็ว จนเสียหลักเสียการควบคุมเป็นโศกนาฎกรรมดังกล่าว

จุดประสงค์รถกระบะที่ผู้ผลิตรถยนต์ตั้งใจทำออกมาขายเพื่อตอบสนองการใช้งานในเชิงพาณิชย์สำหรับการขนของ- ขนสินค้าของบรรดาธุรกิจส่วนบุคคลขนาดย่อมหรือขนาดกลาง จะได้ไม่ต้องพึ่งรถบรรทุกขนาดใหญ่ 6 ล้อ 10 ล้อ ให้วุ่นวาย

ในประเทศไทยรถกระบะเฟื่องฟูมาตั้งแต่ยุครุ่นพ่อ ด้วยสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม รถกระบะจึงได้รับความนิยมในหมู่ชาวนานขาวไร่ เดิมทีบ้านเราใช้รถกระบะเครื่องเบนซินคล้ายเมืองนอก ก่อนแบรนด์เจ้าตลาด   Isuzu   สร้างจุดขายกระบะดีเซล จนคู่แข่งตามมาเป็นกระพรวน

ลูกค้าเองเริ่มเห็นประโยชน์เครื่องยนต์ดีเซล เนื่องจากมีความประหยัด ราคาน้ำมันก็ถูกกำลังเครื่องยนต์ก็ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ในยุคก่อนการวิศวกรรมจะพัฒนาถึงเพียงนี้

ระยะหลังเครื่องดีเซลได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจนศักยภาพเหนือเบนซิน ยัดระบบเทอร์โบชาร์จติดตัวมาจากโรงงาน พร้อมหัวฉีดไฟฟ้า สบช่องให้โจ๋วัยซิ่งเริ่มเห็นว่า มันสามารถนำมาปรับแต่งได้ ก่อเกิดเป็นเทรนด์กระบะซิ่ง จนนิยมถึงขนาดมีรุ่นเฉพาะทำพร้อมออกมาจากผู้ผลิต รอให้ลูกค้านำไปโมดิฟายเครื่องยนต์ต่ออย่างเดียว ก็เริ่มเห็นบางแล้ว

อย่างไรก็ดีกระบะซิ่งนอกจากจะปล่อยควันดำสร้างมลภาวะ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งรับผิดชอบ   PM 2.5   ที่กำลังสร้างภาวะตายผ่อนส่งทั่วเมืองกรุงและหลายจังหวัดในเวลานี้

แต่ที่แน่ๆ รถกระบะไม่ได้ออกแบบมาให้ขับใช้ความเร็ววิ่งไวปานจรวดแบบรถสปอร์ต ถึงเครื่องยนต์จะมีศักยภาพ เขี่ยกล่องเสียเงินไม่กี่พันอัพม้าขึ้นหลักสิบตัวก็จริง หลายคนกลับลืมนึกถึงไปว่า ระบบกันสะเทือนรถกระบะเกือบทั้งหมด (เว้น   Ford Ranger Raptor)  ใช้ช่วงล่างหลังแบบแหนบหลายแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพไขว้ ด้านหน้าใช้ปีกนกอิสระ 2 ชั้น

โดยทั่วไปการเซทช่วงล่างแบบนี้เพียงต่อการใช้งานปกติ แม้จะขับด้วยความเร็ว การเกาะถนนของระบบกันสะเทือนแหนบหลายแผ่นซ้อนจะดีขึ้น เมื่อได้รับน้ำหนักกดทับลงในตำแหน่งท้ายกระบะ แม้ว่าจะสามารถปรับปรุงด้วยการนำแหนบรับน้ำหนักบรรทุกออกไป แล้วติดตั้งโช๊คอัพดีขึ้น มันก็จะยังมีอาการกระเด้งท้าย เมื่อขับมาด้วยความเร็วแล้วเจอถนนไม่เรียบหรือสะพาน

อาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ โดยเฉพาะรถเครื่องดีเซลปัจจุบันมีแรงบิดสูง กำลังเครื่องยนต์สามารถปั่นยางฟรีทิ้งออกตัวได้ ยิ่งถ้าไปปรับแต่งเครื่องยนต์มาเพิ่มใส่กล่องโมรอมด้วยแล้ว แตะคันเร่งนิดเดียวออกตัวเป็นจรวด ถ้าขับมาเร็วอาการเด้งช่วงล่างหลังควบคุมไม่ได้ ก็คงต้องเลือกเอาฟุตบาท หรือ ต้นไม้เกาะกลาง

นี่เป็นสาเหตุว่า ทำไมกระบะแต่งซิ่งจึงเสียหลักได้ง่ายบ่อยครั้ง ยิ่งในหน้าฝน ถนนมีน้ำขังมีความลื่นแรงบิดเยอะของเครื่องยนต์ดีเซล สามารถทำให้รถสะบัดหรือหมุนได้ง่าย ถ้าไม่มีระบบควบคุมการทรงตัวเข้ามาช่วย และรถกระบะที่นำมาแต่งซิ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นรุ่นร่าง ไม่ได้ใส่ระบบความปลอดภัยเหล่านี้มาด้วย

ถ้ากล่าวโดยสรุป จากทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเทรนด์ซิ่งสายกระบะไม่ได้มีอะไรดีเลย ทั้งสร้างมลพิษ ทั้งอันตรายแก่ผู้ขับขี่เอง ตลอดจนเพื่อนร่วมทาง ด้วยรถมีโอกาสเสียการควบคุมได้ง่าย เมื่อใช้ความเร็ว ประกอบกับปัจจัยทางด้านถนน

เทรนด์กระบะซิ่งไม่น่าจะหมดไปในเร็ววันนี้ และดูเหมือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมขนส่งทางบก และตำรวจไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแม้จริง การชอบความเร็ว รักความแรงไม่ใช่เรื่องผิดในสายตาผม เพราะเราก็ชอบเหมือนๆ กัน เพียงแต่การเลือกรถมาฝากชีวิตไว้เมื่อต้องใช้ความเร็ว ในจังหวะที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ หมาตัดหน้า , ยางระเบิด , สะดุดก้อนหิน หรือ ถนนสุดห่วยของเมืองไทย

เราว่ารถกระบะไม่ใช่รถที่ควรนำมาซิ่ง แม้นเครื่องแรง-แรงบิดมหาศาล กดคันเร่งสะใจ หากก็แฝงไว้ด้วยอันตรายมากมาย มันไม่ได้วิศวกรรมมาให้ทำความเร็ว เลยแม้แต่น้อย 

อ่านเพิ่มเติม ทำไม ไม่ควรขับซิ่งรถกระบะด้วยความเร็ว



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.