ผลวิจัยจากฝั่งสหรัฐฯ เผย ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติแบบตรวจจับคนทำงานด้อยประสิทธิภาพมากเมื่ออยู่ในสภาวะแสงน้อยหรือยามค่ำคืน
รถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบันต่างพากันติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ทั้งตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน หรือแม้แต่คนเดินถนน หลายระบบทำงานในช่วงความเร็วต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเทคโนโลยีที่ใส่มามีความทันสมัยมากขนาดไหน ซึ่งทุกระบบล้วนมีไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุหรือลดทอดความรุนแรงทั้งสิ้น
จากการศึกษาวิจัยของสมาคมรถยนต์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAA) พบว่า ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติแบบตรวจจับคน ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนอย่างที่ระบุเอาไว้ โดยรถยนต์ที่นำมาทดสอบมีตั้งแต่ Tesla Model 3, Toyota Camry และ Honda Accord
รถทั้งสามคันที่กล่าวมาตอนต้นจะถูกทดสอบด้วยเงื่อนไขเดียวกันทั้งหมด ซึ่งมีรูปแบบการทดสอบดังนี้
- ขับเข้าหาหุ่นผู้ใหญ่กำลังเดินข้ามถนนด้วยความเร็ว 32 กม./ชม. กับ 48 กม./ชม.
- มีหุ่นเด็กพุ่งออกมาระหว่างรถยนต์สองคันที่จอดอยู่ โดยรถคันทดสอบใช้ความเร็ว 32 กม./ชม. กับ 48 กม./ชม.
- มีหุ่นผู้ใหญ่โผล่ออกมาจากหัวมุมถนน ในขณะที่รถคันทดสอบกำลังหักเลี้ยวเข้ามาสู่ซอย
- รถคันทดสอบขับเข้าหุ่นผู้ใหญ่ 2 ตัว ที่ยืนข้างถนนด้วยความเร็ว 32 กม./ชม. กับ 48 กม./ชม.
- รถคันทดสอบขับเข้าหาหุ่นผู้ใหญ่ที่กำลังข้ามถนนในเวลากลางคืนด้วยความเร็ว 40 กม./ชม.
การทดสอบทั้งหมดแสดงผลลัพธ์ออกมาว่า แบบจำลองที่ให้หุ่นเด็กวิ่งตัดหน้ามีโอกาสถึง 89% ที่รถยนต์คันทดสอบจะขับชนในขณะใช้ความเร็ว 48 กม./ชม. โดยรถทุกคันไม่มีแม้แต่การชะลอความเร็วลงแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น การทดสอบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติในยามค่ำคืน ผลที่ได้ประจักษ์ก็คือระบบความปลอดภัยดังกล่าวทำงานไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง โดยจากข้อมูลของ AAA ระบุว่ากว่า 75% ของคนที่ถูกรถชนจนเสียชีวิตขณะกำลังข้ามถนน เกิดขึ้นตอนกลางคือหรือในสภาพที่มีแสงน้อย
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com