ในอดีต รถยนต์เปอร์โย เคยเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทำให้รถยนต์นำเข้าจากภูมิภาคอื่นเจอกับกำแพงภาษีมหาโหด ด้วยวามต้องการปั้นรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศให้กลายเป็นที่นิยม จนกระทั้งการเปิดกว้างเขตเศรษฐกิจเสรีในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เราได้เห้นการกลับมาของแบรนด์รถยนต์รายนี้อีกครั้ง
เปอร์โย ถูกเปลี่ยนมือจากผู้ถือสิทธิการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศรายเดิม ไปสู่รายใหม่ที่ดูมีความตั้งใจในการทำตลาดมากขึ้น แบรนด์สิงโตคำราม เปิดศักราชใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ในงาน Big Motor Sale 2019 ก่อนจะเริ่มทำตลาดในทันที ด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ 2 รุ่น โดยเฉพาะ Peugeot 3008 เรียกว่ามีไม้เด็ดติดปลายนวม จากรางวัลต่างๆมากมาย ทางดา้นงานออกแบบ รวมถึงรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมการันตี จากยุโรป
การมาของเปอร์โย ถูกเปรียบเทียบดั่งการกลับมาของแบรนด์ Audi อีกรถยนต์ดีจากเยอรมัน ที่มีเรื่องราวทำนองคล้ายกันในการเปลี่ยนมือ จากผู้จัดจำหน่ายเดิมไปสู่รายใหม่ และมีความตั้งอกตั้งใจในการทำตลาดมากขึ้นอย่างชัดเจน ลงทุนโชว์รูม และแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายไปจำนวนหนึ่งในระยะเวลา 3 ปี
แต่ว่า การมาของแบรนด์สิงโตคำรามแดนฝรั่งเศส เหมือนจะต่างออกไป หลังจากเปิดตัวขาย ก็เปิดโชว์รูมเป็นที่แรกทันที แถมอินดี้อยู่ในย่านถนนเกษตรนวมินทร์ ซึ่งไม่ใช่ย่านธุรกิจสำคัญ อีกต่างหาก
ไม่เพียงแค่นั้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการขยายโชว์รูมอีก 2 สาขา คือ โชว์รูมเยาวราช และ โชว์รูมสุขุมวิท ซึ่งในส่วนของสุขุมวิท ยังไม่ชัดแจ้งว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ นอกจากนี้ ยังมีโชว์รูมใหม่ Urban Store ในห้าง สรรพสินค้าพารากอน ที่จะเปิดให้ดำเนินการในเร็วๆนี้
นั่นหมายความว่าเพียงปีเดียว เปอร์โย มีโชว์รูมขายมากถึง 4 แห่ง เลยทีเดียว (คาดว่าจะมี 3 โชว์รูม ที่เซอร์วิสรถได้)
ทางด้านการลุยหัวเมือง ต่างจังหวัด ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว แผนของค่ายนี้เล็งว่าปีหน้า จะต้องมี 10 โชว์รูม ในพื้นที่ นอกกรุงเทพ และเป็นเป้าหมายหลักภายในปีหน้าด้วย
นอกจากนี้ที่สำคัญที่ดูจะจูงใจคนได้มากพอสมควร จนสร้างกระแส ให้รถญี่่ปุ่นต้องเหลียวหลังคงไม่พ้นราคาขาย ที่แทบไม่ได้ต่างมากจนรู้สึกว่า รถยุโรปหรือรถญี่ปุ่นดี
ยกตัวอย่างการตั้งราคาขาย Peugeot 3008 ราคาเปิดมาเริ่มต้น 1.549 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งไม่ได้แพงกว่ารถญี่ปุ่นเท่าไร แม้ว่าถ้าคุณจะต้องซื้อรถท๊อปออพชั่นราคาอาจจะเพิ่มไปบ้างเล็กน้อยก็ตามที
ส่วนตัวรถจากที่มีโอกาสสัมผัส Peugeot 3008 ในเบื้องต้น บนเส้นทางกรุงเทพ-เขาใหญ่ สมรรถนะการขับขี่ไม่ได้ย่อหย่อนกว่าแบรนด์ยุโรปอื่นๆ เพียงแค่ไม่ได้เน้นความแรงเร้าใจระดับดึงให้มันส์หลังติดเบาะแบบค่ายเยอรมัน ช่วงล่างกลางๆ ไม่เน้นความแข็งหนึบแบบเยอรมัน กระเดียดมาทางรถญี่ปุ่นเสียหน่อย
วัสดุภายในเรียกว่า ดีกว่ารถญี่ปุ่นแน่นอนไม่ต้องสงสัย แถมใครที่เคยเป็นแฟนรถแบรนด์นี้จะรู้ว่า พวกเขาเน้นงานออกแบบที่ทำออกมามีศิลปะมากกว่ารถแบรนด์อื่นๆ จนอาจพูดว่า ทั้งรถสวยและขับดี เป็น Premium Low cost ในราคาที่พอจะตีความได้
นอกจากนี้ ทางเปอร์โยยังจับความต้องการคนไทยตรงเป้าด้วยแพ็คเกจบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร จัดการดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้ ยกเว้นชิ้นส่วนที่สึกหรอตามการใช้งาน อาทิ ผ้าเบรกและยางรถยนต์ ลักษณะแพ็คเกจบำรุงรักษานี้คล้าย BSI ของค่ายตราพัดฟ้า แค่มีเงื่อนไขชิ้นส่วนสึกหรอเท่านั้นที่ต่างออกไป
ดังนั้นถ้ามองแบรนด์สิงโตให้ดี สำหรับ Ridebuster เรามองเห็นถึง ความตั้งใจในการทำตลาด การพยายามให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายด้วยไปพร้อมกับ การตอบสนองความต้องการชาวไทย
ถ้าผมจำไม่ผิดในอดีต รถเปอร์โย เคยเป็นที่นิยมมากของคนไทย ก่อนนุคต้มยำกุ้ง การกลับมาครั้งนี้ เราคงต้องติดตามต่อไปว่า จะสามารถทำให้แบรนด์สิงโค กลับมาอยู่ในใจคนไทยได้หรือไม่