ในบรรดาแบรนด์รถยนต์ที่ชอบนำเสนอความทันสมัย Ford ถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่ชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาสู่ลูกค้ามากมาย ตั้งแต่ระบบสั่งการด้วยเสียง , ระบบ ความปลอดภัยเชิงป้องกัน และหนึ่งในหลายๆ สิ่ง คืองาน วิศวกรรมระดับแถวหน้า เครื่องยนต์ 3 สูบ เทอร์โบ Ford Ecoboost 1.0
ก่อนที่ฟอร์ดจะแนะนำเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จลงในรถยนต์ Ford Focus ค่ายวงรีสีน้ำเงินเคยนำเสอนที่สุดแห่งเทคโนโลยี ลงในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก Ford Fiesta ล้ำสมัยกว่าใครในช่วงปี 2012-2013 ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เป็นรายแรกในตลาดบ้านเรา ก่อนจะมาถึงยุคนี้ที่ค่ายญี่ปุ่นเหมือนจะหันมาเอาอย่างบ้าง
เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เป็นทีเด็ดของค่ายอเมริกัน เน้นตอบโจทย์ลูกค้าในยุโรป ด้วยการยัดเทคโนโลยีชั้นนำแห่งยุคเข้าไป ไม่ว่าจะระบบ Ti-VCT วาล์วแปรผัน ,ระบบจ่ายน้ำมันตรงสู่ห้องเผาไหม้ Direct injection ซ้ำยังติดตั้งเทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์เอง มีเพียง 3 สูบเท่านั้น จนหลายคนคิดว่าบ้านเปล่า เอาเครื่องยนต์ 1,000 ซีซี มาขาย จะสู้กับใครเขาได้
อันที่จริงเครื่องยนต์บล็อกนี้ ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดเครื่องยนต์แห่งยุค รับรางวัล Engine Of the year มาแล้วหลาย สมัย ในจำนวนนี้ มันขึ้นแท่นที่สุดเครื่องยนต์ถึง 3 ปี ซ้อน ในปี 2012 -2014 แต่ถ้าวัดในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ระดับต่ำกว่า 1.0 ลิตร (Sub 1.0 liter) แล้ว เครื่องยนต์บล็อกนี้ ถือว่าเป็นเทพแห่งยุค รับรางวัล ถึง 5ปี ซ้อน ติดต่อกัน
ในช่วงเริ่มแรกในต่างประเทศ ฟอร์ดแนะนำเครื่องยนต์รุ่นนี้ลงใน Ford Focus ในยุโรป โฉมเดียวกับที่บ้านเราขายทั้งเครื่อง 1.6 และ 2.0 ลิตร ก่อนจะติดตั้งลงในรถยนต์ Ford Fiesta และไม่นานก็ยกมาขายในบ้านเรา
เครื่องยนต์บบล็อกนี้แรกเริ่มเดิมที ทำอัตรากำลัง 125 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 170 นิวตันเมตรที่ 1,400-4,500 รอบต่อนาที ในยามที่คุณต้องการอัตราเร่งมากเป็นพิเศษ มันทำอัตราเร่งสูงขึ้นถึง 200 นิวตันเมตร เป็นระยะเวลา 20 วินาที เพื่อตอบสนองการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น กำลังจากเจ้า 1.0 ลิตเทอร์โบนี้ มีความสามารถในการผลิตกำลังต่อลิตร เทียบเท่าเครื่องยนต์ Honda S 2000 (125 แรงม้า ต่อลิตร) เลยทีเดียว
ความสามารถเครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นในปี 2015 มันทำกำลัง 140 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร มากพอให้ความเร้าใจ แนะนำในรุ่นพิเศษที่ขายในยุโรป ก่อนจะขยายไลน์อัพการติดตั้งเครื่องยนต์ไปในรถหลายรุ่น มากกว่าเพียงรถเก๋งเท่านั้น มันถูกใช้ในรถพ่อบ้านแม่บ้านและ รถส่งของ จนเครื่องยนต์ตัวนี้มียอดผลิตและจำหน่ายให้ลูกค้าไปแล้วมากวก่า 1 ล้านยูนิต
ความสำเร็จในยุโรปอย่างล้นหลาม ส่วนหนึ่งมาจากการติดตั้งเครื่องยนต์นี้เข้ากับชุดเกียร์ Durashift 6 สปีด ทำให้พวกมันมีสมรรถนะและความทนทานตอบโจทย์การขับขี่ได้ดี ขณะที่รถที่ขายในบ้านเรามีเพียงรุ่น Powershift 6 สปีด เจ้าเกียร์คลัทช์คู่ที่หลายคนขยาด จนกลายเป็นกระแสพูดถึงในทางไม่ดีมากกว่า
แถมราคาขายตอนนั้นฟอร์ด วางรถรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียวขายเป็นท๊อปออพชั่นของไลน์อัพ Ford Fiesta จึงแพงเอาเรื่อง รุ่น 4 ประตู ราคาอยู่ที่ 749,000 บาท ส่วนรุ่น 5ประตู ราคาสูงถึง 754,000 บาท
สูงกว่า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ปกติทั่วไปพอสมควร และในเวลานั้นคนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ จะขับดีกว่าเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้อย่างไร แม้นว่าการทดสอบขับขี่ของสื่อมวลชนทั้งหลาย จะออกมาในทิศทางเดียวกัน ว่า เป็นเครื่องยนต์ทรงพลังขับดี ฟอร์ดเองก็หมายมั่นปั้นมือ ถึงขนาดพาสื่อไปวิ่งซิ่งบนโค้งแถวเชียงใหม่ พิสูจน์ ความสามารถเครื่องยนต์ขนาดเล็กรุ่นนี้ ก็ยังไม่สามารถปรับความเชื่อคนไทยได้ จนในที่สุดมันกลายเป็นรถหายากมาก มีคนซื้อน้อยมากเพียงหยิบ ด้วยความกลัวปัญหาทางด้านชุดเกียร์
อย่างไรก็ดี ในภายหลัง ฟอร์ด ประเทศไทย ยังคงใจดีสู้เสือ เอาเครื่องยนต์ Ecoboost 1.5 มาขาย โดยเปลี่ยนระบบเกียร์ใหม่จาก Power Shift มาเป็นชุดเกียร์ออโต้ปกติ 6 สปีด ก็ไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน แม้นว่าจะเข้ามาในยุค 1.5 เทอร์โบ เริ่มประจักษ์แก่ลูกค้าแล้วก็ตาม
ในปี 2017 ฟอร์ดยุโรป เผย Ford Ecoboost Gen 2 เปิดเผยออกมาในต่างประเทศ มีการปรับปรุงหลายประการอาทิ ติดตั้งระบบ Cylinder Deactivation สามารถปรับการทำงานเป็น 2 สูบได้ในบางจังหวะ และใช้ล้อผ่อนแรงหรือ ฟลายวีลขนาดใหญ่ขึ้น มาพร้อมชุดคลัทช์ใหม่ขนาดใหญ่ 2 แผ่นซ้อน ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน 2 สูบ จนทำให้มันได้รับรางวัล Engine Of the year พิกัด ต่ำกว่า 1.0 ลิตรอีกครั้ง จนรับรางวัลเครื่องยนต์ขนาดเล็กต่ำกว่า 1.0 ลิตร ยอดเยี่ยม ถึง 6 ปีซ้อน เครื่องยนต์บล็อกนี้เพิ่งเริ่มวางจำหน่ายในปี 2018
การเปลี่ยนแปลงในรถยนต์นั่งขนาดเล็กประเทศไทย มาสู่ยุคเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ อีกครั้ง ทำให้เรานึกถึงเจ้าขุมพลังFord Ecoboost 1.0 ผู้กรุยทาง เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จบล็อกเล็ก ที่วันนี้คุณหาซื้อได้เพียงในตลาดรถยนต์มือสอง กลายเป็นของดีที่หลายคนลืมไปเสียสนิท
