Home » Nissan Almera 2020 …ยกระดับอีโค่คาร์ ให้คุ้มค่ามากกว่าเดิม
Bust First Drive รีวิว

Nissan Almera 2020 …ยกระดับอีโค่คาร์ ให้คุ้มค่ามากกว่าเดิม

การซื้อรถสักคันมาใช้งาน คนส่วนใหญ่ต่างมองหาเรื่องความคุ้มค่าในการขับขี่ รถคันนั้นค้องใช้งานได้อย่างครอบคลุม มีความประหยัด ราคาซื้อหาไม่แพงจนเกินไป และจะดีมากขึ้น ถ้ามันมีสมรรถนะในการขับขี่ตอบโจทย์ยามชีวิตเร่งรีบ ไม่น่าแปลกใจ ในศึกพันเทอร์โบ คนส่วนใหญ่เลยเทใจไปให้   Nissan  Almera 2020

เป็นระเวลากว่า 8 ปี นับตั้งแต่ชื่อ  Nissan Almera   เข้ามาอยู่ในใจคนไทย ที่มองหารถยนต์ราคาถูก ไม่แพง ผ่อนต่องวดกำลังดี  รถรุ่นเดิมถูกทำออกมาตอบโจทย์โดดเด่นในเรื่องพื้นที่การใช้งานที่ลงตัว เพียงพอการใช้งาน กลับกันเรื่องสมรรถนะการขับขี่ไม่ได้หวือหวาสักเท่าไร

ด้วยความเป็นรถมีราคาถูกไม่น่าแปลกใจนัก ที่ นิสสัน อัลเมร่า กลายเป็นขุนพลหลักทางการตลาดตลอดหลายปี แม้ว่าจะมีคู่แข่งผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาตัดตอนเอาใจลูกค้า เราก็ยังเห็นคนออกรถรุ่นนี้อยู่เป็นประจำ ด้วยการโหมโปรโมชั่นมาช่วยพยุงสินค้าปลายอายุไข

review Nissan Almera 2020

การเปิดตัวรถยนต์  Nissan  Versa   (ชื่อที่ใช้ในอเมริกา) เมื่อกลางปีกลาย ทำเอาหลายคนสนใจการเปลี่ยนแปลงในว่าที่รถยนต์นั่งขนาดเล็กของนิสสัน ไม่น้อยแม้ว่าหน้าตามันจะไม่ต่างจาก  Nissan Micra   หรือที่คนไทยรู้จักในนาม   Nissan  March  เปิดตัวขายในยุโรปมาได้ 2 ปีแล้ว แต่กลับกลายเป็นคนไทยสนใจสไตล์ใหม่นิสสัน ขลับมาในทางความสปอร์ต โดนจิตโดนใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อย

ในที่สุด นิสสัน ประเทศไทย ก็เปิดตัวขาย   Nissan Almera   ใหม่ ในฐานะรถยนต์อีโค่คาร์ระยะ ที่ 2 รุ่นแรกเริ่มของนิสสัน  และการกลับมาครั้งนี้เรียกได้ว่า สมการรอคอยของผู้นำตลาดอีโค่คาร์ในอดีต

การเปลี่ยนแปลงในรถรุ่นใหม่ เห็นครั้งแรกหลายคนก็สะดุดตาถึงงานออกแบบเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมราวกับรถคนละคัน นิสสันพัฒนาเส้นสายการออกแบบ   V Motion  ขึ้นมาในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผ่านรถอเนกประสงค์  Nissan X- Trail   มาจนกระทั่ง รถยนต์เก๋งขนาดใหญ่ทั้ง   Nissan  Maxima  และ  Nissan Altima   เวอร์ชั่นขายในอเมริกา พวกมันถูกพัฒนาภายใต้ความคิด  “Emotion Geometry”  ถูกปรับยกนำมาใช้กับ อัลเมร่า ใหม่ด้วย

review Nissan Almera 2020

ตอนเปิดตัวในอเมริกา ภาพแรกออกมา ทำเอาผม อ้าปากค้าง ไม่คิดว่า นิสสัน จะกล้าเปลี่ยนรถยนต์รุ่นนี้ไปจากเดิมราวกับรถยนต์คนละคัน หนังคนละม้วน จากภาพลักษณ์อ่อนช้อยในอดีตมาสู่ภาพความสปอร์ต หยิบยกเอาแนวคิดต่างๆมาใช้  ตั้งแต่ไฟหน้าทรง บูมเมอร์แรง ส่องสว่างด้วยไฟหน้า LED แถมมี  Signature Light  มันควรเป็น   Day Time Running Light ไม่ใช่ไฟหรี่ ผมแอบเห็นบางตัวแทนจำหน่าย เปลี่ยนมันให้เป็นไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ช่วยเพิ่มสวยงามมากขึ้น

กระจังหน้าใหม่รูปตัววีขนาดใหญ่ ตามสไตล์ งานออกแบบ   V Motion 2.0  กันหน้าเบิกกว้าง ใส่สไตล์คมสัน เน้นความสปอร์ต ด้านข้างมีเส้นเอวลากยาวจากประตูหน้าไปประตูหลัง เดิมทีถูกเรียกว่า   Signature Wing   มีมาตั้งแต่  Nissan Note   แล้ว

ตัวรถสวมล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว สีเงินปกติไม่หวือหวา ลวดลายบางทีแอบนึกว่าไปยกมาจากสต๊อกของ   Nissan  Sylphy   หรือเปล่า มันจัดกับยาง 195/65/R15  เส้นสายหลังคาออกแบบเสา A  ให้บางลงกว่าเดิม  เส้นหลังคา ลาดเทจากช่วงกลางรถไปด้านหลัง ช่วงเสา C  ตัดเส้นหลังคาด้วยสีดำ ทำให้หลังคามีมิติดูลอยตัว หรือที่เรียกว่า   Floating Roof

review Nissan Almera 2020

บั้นท้าย ออกแบบมาในสไตล์สปอร์ตคล้ายทางด้านหน้า ให้รายละเอียดด้วยไฟท้ายทรงเรียว ไฟท้าย LED   มี   Signature light   ช่วยส่องสว่างในยามค่ำคืน  ผมแปลกใจเล็กน้อย ที่มารกุ้นขอบดำมาให้ที่ไฟท้าย ดูแปลกๆ ราวกับเอาคิ้วแต่งรถมาใส่ ส่วนช่วงฝากระโปร่งหลังทำงานขึ้นรูปสปอยเลอร์ทรงตูดเป็ดมาให้ กันชนหลังให้ดิฟฟิวเซอร์ และรายละเอียดเคฟล่าร์ แม้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเพียงเรื่องความสวยงาม มันกลับมีประโยชน์เรื่องลดลมหมุนท้ายรถ

การออกแบบภายนอกเปลี่ยนไปยังมาพร้อมขนาดที่เปลี่ยนแปลง   Nissan Almera 2020  ใหม่มีความยาว 4,495 มม. กว้าง 1,710 มม. สูง 1,460 มม. ให้ระยะฐานล้อ 2,620 มม. มีระยะต่ำสุดจากพื้นถึงท้องรถ 135 มม. เปรียบเทียบกับรุ่นเดิม มันกว้างขึ้น +45 มม. เตี้ยลง -40 มม. ตัวรถมีความยาวเพิ่มขึ้น +70 มม. ฐานล้อยาวขึ้น +20 มม. และ ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงท้องรถปรับลดลง -27 มม.

review Nissan Almera 2020

ถ้ามองขนาดตัวรถใหม่ จะเห็นชัดว่า ปรับให้เตี้ยลง และกว้างขึ้น เป็นแนวทางของรถสมัยใหม่ยุคนี้ รวมถึงตัวรถที่กดปรับเตี้ยลง ยังใกล้ชิดถนนมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านี้ขนาดรถที่ปรับความยาวมากขึ้น ทำให้มันดูขนาดใหญ่ขึ้น จนใกล้เคียง ความเป็น B Segment   มากขึ้น เป็นจุดเด่นสำคัญอีกประการในรถรุ่นใหม่ และมันไม่ได้ดูเล็กเรียวยาวเหมือนในรุ่นเดิม

คว้ากุญแจทรงไข่ น่าหงุดหงิดใจที่กุญแจรถรุ่นใหม่ ยังไม่ออกแบบให้แตกต่างจากเดิมที่ใช้มายาวนาน บนกุญแจให้ปุ่มเปิด-ปิด ล๊อครถ รวมถึงมีปุ่มเปิดดฝาท้าย วิธีการใช้งานกดค้างไว้ ราวๆ 2 วินาที

กดปุ่มข้างประตู เปิดชมห้องโดยสาร ตระการตาด้วยงานออกแบบไปในโทนความทันสมัย รุ่น  VL   ที่สัมผัสในวันนี้ มาพร้อมการตบแต่งภายในห้องโดยสารตัดกับโทนสีเทา ปะไว้ที่ช่วงคอนโซลหน้าบางส่วน และ ตัดเย็บเข้ากับชุดเบาะนั่ง ดูน่าใช้งานไม่น้อย

ตรงหน้าคนขับเรือนไมล์ปรับคล้าย   Nissan  LEAF   ด้วยชุดจอเรือนไมล์   TFT   ขนาด 7 นิ้ว ผสานกับเรือนไมล์เข็มดั้งเดิมทางฝั่งขวา บ่งชัดซัดความเร็วไปเท่าไร

พวงมาลัยในรุ่นนี้ออกแบบมาเป็นการหุ้มหนัง ใช้วัสดุคุณภาพตามราคาขาย ออกแบบเป็นทรง D Shape   3 ก้าน กันหลงทิศทางพวงมาลัย  จัดวางมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และชุดจอภาพ  TFT   ทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวา วางโล้นเอาไว้ คาดคงเอาไว้เติมระบบ   Cruise Control   ได้ในอนาคต

ส่วนตรงกลางจุชุดเครื่องเสียงจอสัมผัส ขนาดใหญ่ 8 นิ้ว  มาให้ใช้งาน รองรับการเชื่อมต่อผ่านมือถือ คุณภาพเครื่องเสียงกลางๆ ไม่เน้นความหวือหวาเท่าไร

ตัวเบาะนั่ง ออกแบบให้นั่งสบายตลอดการเดินทาง หยิบเอา เบาะ zero gravity  จากรุ่นใหญ่มาใช้ เบาะตบแต่งด้วยขอบเทา รับเข้ากับช่วงคอนโซลหน้า  สัมผัสเบาะนั่งช่วงแรกรู้สึกไม่สบายนัก เบาะนั่งรู้สึกถึงความนิ่มเกินไป จนนั่งไม่สบาย พอนั่งแล้ว จมตัวลงไปในเบาะ กลายเป็นนั่งหลังงอเสียอย่างนั้น

review Nissan Almera 2020

ผมเซทเบาะใหม่ตั้งตรงมากขึ้น ให้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าเดิมรู้สึกถึงความสบายขึ้น รับสรีระมากขึ้น ถ้านั่งหลังตรง จะสัมผัสสบายบนแผ่นหลัง ช่วงรองนั่งยังสั้นไปสักหน่อยในความรู้สึก

ด้านที่โดยสารตอนหลัง ระยะวางขา ผมว่าน้อยกว่ารุ่นที่แล้ว แต่ด้วยอานิสงค์ความกว้างตัวรถเพิ่มขึ้น จึงได้เบาะนั่งกว้างกว่าเดิม +42 มม. แถม เส้นหลังคาใหม่ ยังเพิ่มพื้นที่เหนือหัวอีก 8 มม. ด้วย น่าเสียดาย มันไม่มีที่พักแขนตรงกลาง มาให้ และเบาะนั่งหลังพับไม่ได้ คาดว่าความต้องการสร้างความสบายสูงสุดในการโดยสาร

ตรงคันเกียร์ จัดแจงย้ายปุ่มสตาร์ท มาไว้ตรงนี้ ช่วยใช้งานง่ายขึ้น ในที่สุดหัวเกียร์ทรงที่ตักไอติม ก็เปลี่ยนใหม่ให้ความสปอร์ตมากขึ้น แม้จะดูดีแต่ความจริงปุ่มสปอร์ตกลับใช้งานยาก ด้วยว่าย้ายตำแหน่งจากข้างคันเกียร์ไปไว้ตรงช่วงด้านท้ายทำให้เวลาจับต้องพลิกมือเล็กน้อย ไม่สะดวกต่อการใช้งาน หรือจะพูดว่าไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ได้สะดวกเลยก็ว่าได้

การวิศวกรรม

ใต้ร่าง นิสสันอัลมิร่า มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์ต ให้กำลัง 100 แรงม้ สูงสุดที่ 5,000 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ให้มาตั้งแต่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที  ส่งลงชุดเกียร์ Xtronic CVT  เหมือนเดิม

ชุดเกียร์ในรุ่นใหม ยังเป็น Jatco  CVT  7  เหมือนที่ผ่านมา มันไม่มี  Manual Mode   มาให้ใช้ ไม่สามารถปรับอัตราทดเอวได้ตามต้องการ ทอนความสนุกสนานในการขับขี่ลงไป เกียร์ใหม่มีโหมด Sport   มาให้ใช้ แต่ความจริง ผมว่า มันเป็น   Overdrive   มากกกว่า เวลาสัมผัส รอบจะขึ้นสูงให้พร้อมใช้งาน  เวลาเร่งรอบหนักๆ เกียร์จะตัดอัตราทดเองไปยังเกียร์ต่อไป หรือที่เรียกว่า  D Step  ช่วยลดความรำคาญแช่รอบสูงในอดีต

เรื่องระบบกันสะเทือนมาเป็นสูตรสำเร็จตามสไตล์รถเล็ก ด้านหน้าใช้ระบบแม้คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ทางด้านหลังใช้ระบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง การบังคับเลี้ยวเลือกใช้ระบบ แร็ค แอนด์ พิเนียน พาวเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า

การสั่งหยุดเป็นหน้าที่ดิสก์เบรก พร้อมจานระบายความร้อนทางด้านหน้า ด้านหลังเลือกใช้ระบบดรัมเบรก ตามสูตรรถนั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ เรื่องใช้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ไม่ได้จำเป็นอีกต่อไป ในสมัยนี้

การทดลองขับ

ย้อนไปตอนขับทดสอบรถคู่แข่ง ทีมวิศวกรจากฝั่งตรงข้าม กล่าวยอมรับกับสื่อ ว่า พวกเขาไม่คิดว่า นิสสันจะใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบเหมือนกัน นั่นทำให้พวกเขาประหลาดใจเหมือนกันเมื่อรถ  Nissan Almera   ใหม่ เปิดตัวขาย

เส้นทางวันนี้เป็นการขับในรูปแบบถนนจริงครั้งแรก หลังจากงานเปิดตัว นิสสันอัลมิร่า ซึ่งได้ขับเพียงสั้นๆ และได้เห็นว่ารถมีการตอบสนองดีในด้านช่วงล่างและการบังคับทิศทาง (พวงมาลัย) เป็นข้อสรุปเบื้องต้นจากเรา

เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เดินเบา นิสสันอัลมิร่า ยังคงมีอาการสั่นของเครื่องยนต์ 3 สูบเหมือนที่ผ่านมา ผิดกับของคู่แข่งที่เดินเรียบกว่า และมีสมดุลกว่าในความรู้สึก การสั่นสะเทือนทำให้อาจรู้สึกไม่สบายบ้างเวลาติดท่ามกลางการจราจรในเมืองกรุง3 รวมถึงซุ่มเสียงสะดุดคึกคักไปมา อาจไม่ถูกใจคนชอบเครื่อง 4 สูบ

พอออกถนนใหญ่ขับทางไกล เจ้าเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ ก็เริ่มแสดงศักยภาพของมันออกมา ช่วงรอบเร่งตั้งแต่ 800 – 2500 รอบ เครื่องยนต์จะอืด ออกตัวไม่หวือหวา นิสัยจะคล้ายๆกับรถรุ่นเดิม เทอร์โบเข้ามารับช่วงตั้งแต่ 2500 รอบขึ้นไป จึงรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น ผมคาดว่านิสสันไม่ได้อัดกำลังเทอร์โบ (บูสต์) มากเท่าของคู่แข่ง อาการจึงไม่ดึงมากเกินไปจนรู้สึกนั่งไม่สบาย

ช่วงความเร็วเดินทาง 90 – 120 กม./ชม. การตอบสนองของเครื่องยนต์ถือว่าค่อนข้างดี เหยียบติดเท้าในระดับนึง อัตราเร่งให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (ไม่มีเทอร์โบ) เมื่อกดคันเร่งตอบสนองทันใจ เร่งเร็วในระดับหนึ่งมั่นใจได้ในจังหวะเร่งแซง ถ้าเทียบเครื่องยนต์กับคู่แข่ง มันอาจไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก ด้วยฝั่ง ฮอนด้า พกกำลังมากกว่า ราวกับเอาเครื่องยนต์1.8 ลิตร มาวางในรถขนาดเล็ก

แต่หลังจากผมขับเข้าช่วงจากพังงา กลับภูเก็ต เส้นทางตรงนี้มีทางโค้งต่อเนื่องมากมาย และรูปแบบเส้นทางเป็นถนน 2 เลนสวน บนทางโค้ง คุณจะใช้ความเร็วมากไม่ได้ อัตราเร่งมีผลมากต่อการหาจังหวะเร่งแซง กลับกันทางโค้งต่อเนื่อง เป็นหน้าที่การตอบสนองของพวงมาลัย และระบบช่วงล่างได้อวดศักยภาพ

อาการช่วงล่าง Nissan Almera ออกอาการแข็งกระโดกกระเดกบ้างเวลาขับเดินทาง แถ,ยังอาจทะเลาะกับฝาท่อ กทม. และรอยต่อถนน ตลอดจนหลุมบ่อ ถนนปะ ส่วนหนึ่ง มาจากแรงดันลมยาง 38 ปอนด์ / ตารางนิ้ว ตามคำแนะนำการเติมลมจากทางนิสสัน แม้จะใช้ยางแก้มสูงเมื่อเติมลมยางแข็งมันก็ไม่ได้ซับแรงสะเทือนซักเท่าไหร่ ทำให้อาการช่วงล่างกระเดียดไปทางแข็งกระด้าง การนั่งไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก

ยางแข็งพอขับบนถนน มันกระเทือนสะท้านห้องโดยสารในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการโดยสารตอนหน้า ให้ความรู้สึกสปอร์ต และในยามขับเข้าโค้งต่อเนื่อง ยางแก้มสูงถึงจะเติมลมแข็ง ก็ยังมีอาการโยนตัวตอนเริ่มเข้าโค้ง บางคนอาจไม่มั่นใจ ทั้งที่นิสสัน เซทช่วงล่างออกมาดี  ถูกใจสายซิ่งชอบยัดโค้ง ขับรถเร็ว อย่างแน่นอน

ถึงช่วงล่างจะแข็งๆไปบ้าง ส่วนที่ดีที่สุดของนิสสันอัลมิร่ากลับเป็นระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยถูกเซตมาให้มีระยะฟรีเล็กน้อย และเมื่อเคลื่อนตัวเพื่อบังคับทิศทางมันจะตอบสนองได้ดี ให้ความรู้สึกสปอร์ต เข้าขากับระบบกันสะเทือนเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนเวลาขับบนทางโค้ง รู้สึกได้ถึงความมั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง และอาจดีกว่านี้ถ้าคุณไปเปลี่ยนแม็กขนาดใหญ่พร้อมยางแก้มเตี้ยกว่าโรงงาน

สรุป  Nissan Almera  เด่นช่วงล่างและฟังก์ชั่นความปลอดภัย

หลังจากใช้เวลา 2 – 3 ชั่วโมงในการขับรถคันนี้ ผมจับทางสิ่งที่นิสสัน ตั้งใจปั้นแต่ง ใน  Nissan Almera พวกเขา นำเสนอไม่ใช่รถที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่มันเป็นรถที่คุ้มค่าต่อการใช้งานในภาพรวม

เครื่องยนต์นิสสันอัลมิร่า ไม่ได้หวือหวาอย่างที่หลายคนอาจจะอยากเห็น แต่เทียบกับรุ่นเดิมมันขับขี่ดีกว่าเดิมมาก จนผิดหูผิดตา จากการทดลองจับเวลา 0 – 100 โดย V-Box ร่วมกับทีมงานออโต้ไทยแลนด์ ในโหมด D นั่ง 2 คน รถคันนี้สามารถทำอัตราเร่งได้ 12.7 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่าอีโคคาร์ดั้งเดิมพอสมควร มันอืดบ้างตอนออกตัว และดีขึ้นเมื่อผ่าน 2500 รอบ / นาทีขึ้นไป

์Review อีโค่คาร์  Nissan Almera

ตัวเลข 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำเวลาได้ 8.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้  192 ก.ม/ช.ม. บนหน้าปัด  วัดตาม  GPS   ได้ 182 ก.ม./ช.ม.  นั่นหมยถึงไมล์รถคันนี้อ่อนประมาณ 10%  เรายืนยันในเรืองนี้ หลังจากทดลองจับวัดค่าหลายรอบ

แต่อย่างที่คุณได้อ่าน Nissan Almera 2020 โดดเด่นในเรื่องระบบกันสะเทือน และการบังคับควบคุมตัวรถ จนสามารถขับในทางโค้งได้อย่างมั่นใจ และไม่หวิวในความเร้วสูง ยิ่งสายซิ่งน่าจะถูกใจพอตัวเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ไพ่เด็ดของเจ้านี่ กลับอยู่ที่งานออกแบบภายนอก โดดเด่นสะกดใจวัยรุ่นมากๆ ต้องยอมรับว่า นิสสัน ทำการบ้านเรื่องการออกแบบมาเป็นอย่างดี เส้นสายสายออกแบบมาได้ถูกใจวัยรุ่น งานดีทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร

เช่นเดียวกันออพชั่นตัวรถให้มาแน่นคัน  กลายเป็นจุดขายของรถสำคัญ สเป็คมาเต็มจัดหนักออพชั่น ผมมีโอกาสคุยกับการตลาดนิสสัน ได้ทราบว่า อยากตั้งราคาให้น่าสนใจดึงดูดผู้ซื้อ โดยใช้แคมเปญช่วยดันให้น้อยที่สุด

์Review อีโค่คาร์  Nissan Almera

อัลเมร่าให้หลายอย่างเหนือชั้นกว่า ทั้งไฟหน้า   Led , หน้าจอเรือนไมล TFT พร้อมไม้ตาย ระบบความปลอดภัยทั้งหลาย ซึ่งรถคู่แข่งไม่มี ใครจะว่ามันไม่จำเป็นก็คงสุดแท้แล้วแต่ หากความเป็นจริงเวลาขับขี่บนถนน ระบบพวกนี้ได้ใช้งานอย่างแน่นอน และมีประโยชน์กับคุณไม่ว่าจะขับในเมืองหรือนอกเมือง

ดังนั้น Nissan Almera ไม่ใช่ อีโค่คาร์บ้าพลัง มันเป็นรถที่เน้นความคุ้มค่า การใส่ออฟชั่นต่างๆมาอย่างถี่ถ้วน และตั้งราคาอย่างสมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่ผมต้องชื่นชมทีมงานนิสสัน พวกเขาทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงรถดี ราคาไม่แพง ทั้งยังดูดีครบเครื่องในการขับขี่อีกต่างหาก

 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.