ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เห็นการมาของรถยนต์อีโค่คาร์เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ ปัจจุบันมีเพียง 2 ยี่ห้อที่เปิดตัวออกมา หนึ่งคือ Nissan Almera ส่วนอีกยี่ห้อคือ Honda City หลายคนสนใจรถทั้ง 2 รุ่น วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบจุดดีจุดด้อย หลังขับกัน
Honda city
ฮอนด้า ซิตี้ เปิดตัวออกมาด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลัง 120 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ CVT กลายเป็นจุดขายสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้
สิ่งที่ฮอนด้านำเสนอเป็นการยกระดับจากรถยนต์รุ่นเดิมคงความโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น พร้อมความประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น หลังลองขับขี่เราไม่กังขาในเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ ความรู้สึกให้อัตราเร่งใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เมื่อมาอยู่ในร่างขนาดเล็กซิตี้คาร์ มันดูกระฉับกระเฉง ตอบสนองดี ตั้งแต่เริ่มออกตัว 1,500 รอบต่อนาที ไปยันรอบเครื่องยนต์สูงสุด
การพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่ สร้างความแตกต่างจากเครื่อง 3 สูบปกติทั่วไป มันมีความสมดุลสูง เดินไม่กระพือ จนรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนเครื่อง 4 สูบ
จุดขายที่สำคัญอีกอย่างหนีไม่พ้นการเซ็ตช่วงล่าง ให้ความสบายและการขับขี่สนุกสนานมาบรรจบกัน เช่นเดียวกับพวงมาลัย บังคับควบคุมง่ายและตอบสนองได้ดีในทุกย่านความเร็ว
ถึงกระนั้นฮอนด้าซิตี้กลับเผชิญข้อกังขาในความรู้สึกเวลาเบรก มันดูไม่มั่นใจ ทื่อ โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป สำหรับการขับขี่ทั่วไปไม่มีปัญหา เว้นว่าถ้าคิดจะนำรถรุ่นนี้ไปซิ่ง สมควรจะเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนเลยเป็นอันดับแรก
นอกจากนี้ฮอนด้ายังไม่ติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้ ทั้งที่สมควรมีในรถยนต์ที่ขับขี่ในเมือง ทำให้ในมุมมองของเรารวมถึงผู้บริโภคหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า ถ้ามีจะทำให้ฮอนด้าซิตี้แลดูน่าใช้กว่านี้
ที่สำคัญอีกอย่างคือ การตั้งรุ่น RS ขึ้นมา โดยมีราคาแพงกว่าหนึ่งแสนบาท ให้ออปชั่นและการตกแต่งในโทนสปอร์ต มันเป็นที่ดึงดูดใจคนชอบแต่งรถ แล ะมีออปชั่นอื่น ๆ ที่รุ่นล่าง ๆ ไม่มี อาทิ paddle shift, ไฟหน้า Led และการตกแต่งอื่น ๆ ที่น่าสนใจ แต่กลับไม่มีการอัพสมรรถะการขับขี่เพิ่มเติมเหมือนที่เคยนำเสนอใน Honda Civic / Honda HR-V งวดนี้กลับได้เพียงลุคดูดี และ ฟังชั่นการขับขี่เพิ่มเติมบางประการเท่านั้น
Nissan Almera
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของอดีตอีโค่คาร์ยอดนิยมงวดนี้ได้รับการพัฒนาไปในทางสปอร์ตฉีกภาพลักษณ์เดิม
ตัวรถรุ่นใหม่พัฒนา ขยาย มิติตัวถังให้ใหญ่กว่าเดิม ทั้งในด้านความกว้างและความยาว ตลอดจนยังปรับตัวให้เตี้ยลงเล็กน้อย เราไม่ปฏิเสธได้ว่านิสสันออกแบบรถรุ่นนี้มาได้สวยงาม ถูกใจคนจำนวนมากที่ต้องการอีโค่คาร์ที่มีลุคสปอร์ต จนถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญข้อหนึ่งในรถรุ่นนี้
เรื่องออปชั่นก็มาจัดเต็มไม่กั๊กออปชั่น ทั้งไฟหน้า Led ระบบความปลอดภัย หน้าจอเรือนไมล์ TFT และอื่น ๆ อีกมากมาย จัดมาให้ใช้อย่างครบครันจนคุ้มค่าเงิน
หลังขับขี่นิสสันอัลมีร่าตัองยอมรับว่า เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 เทอร์โบ ไม่สามารถสู้คู่แข่งได้ ทั้งที่มีขนาดเท่ากัน มันให้อัตราเร่งดีเทียบเท่าเครื่อง 1.5 ลิตรเท่านั้น ทำให้ในแง่สมรรถนะหากนำมาวัดกันถือว่าตกเป็นรอง จนต้องเรียกว่า เหมาะเพียงการใช้งานทั่วไป
อาการเครื่องยนต์ 3 สูบของนิสสันในรอบเดินเบา ยังมีอาการกระพือตามธรรมชาติของเครื่องยนต์รุ่นนี้อยู่พอสมควร เมื่อขับขี่มันออกตัวอืด กว่าจะกระฉับกระเฉงก็ต้อง 2,400 รอบต่อนาทีขึ้นไป ในความเป็นจริงถ้านึกว่านำรถรุ่นนี้มาขับในเมืองอาจตอบสนองได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก จะกดสุดคันเร่ง มีจังหวะน้อยมาก
อย่างไรก็ดีส่วนที่ดีที่สุดของ นิสสัน อัลมีร่า คือ ระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองได้ทุกย่านความเร็ว อาการช่วงล่างอาจแข็ง กระโดกกระเดกมาก ปัญหามาจากลมยาง 38 ที่เซทมาจากโรงงาน เข้าใจว่าเพื่อต้องการให้ได้ความประหยัดตามที่ภาครัฐกำหนด จากที่ขับขี่ ผมจึงมั่นใจว่า ถ้าลดแรงดันลมยางมันจะให้ความนุ่มนวลมากกว่านี้ ด้วยใช้ยางแก้มสูงถึง 65 ไม่เพียงเท่านั้นการเซ็ทพวงมาลัยบังคับเลี้ยว ตลอดจนเบรกยังให้ส่วนผสมที่ลงตัวกว่าคู่แข่ง น่าจะถูกใจวัยรุ่นขาซิ่งทั้งหลาย
สิ่งที่ Nissan Almera มีเหนือคู่แข่ง เห็นทีจะไม่พ้นระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ให้มาอย่างครบครันต่อการใช้งานในเมือง จนเป็นรถจึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
สรุป 2 คันต่างทิศทางจับลูกค้าชัดเจน
หลังจากลองสัมผัสรถทั้ง 2 รุ่น เราพบว่าแต่ละคันมีจุดขายต่างกัน
Honda City เน้นขายความพรีเมี่ยม รถยนต์ขนาดใหญ่และคุณภาพการขับขี่ตามสไตล์ฮอนด้า ยิ่งรุ่น RS ให้ความสปอร์ต ถูกใจวัยรุ่น แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาแพงกว่าหนึ่งแสน และทั้งหมดขาดระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทว่าคุณก็ได้สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยมมมาทดแทน
Nissan Almera เน้นขายงานออกแบบและออปชั่นเป็นหลัก ส่วนเครื่องยนต์อาจกล่าวได้ว่าดีกว่ารุ่นเก่า ถ้ามองสมรรถนะการขับขี่ รถรุ่นนี้จะเด่นที่ระบบกันสะเทือน และพวงมาลัยที่บังคับควบคุมง่าย หลายคนจะมองข้ามเรื่องนี้ไป ด้วยว่ามองแต่เครื่องยนต์ ถึงกำลังจะน้อยกว่า ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป และส่วนที่ดีที่สุดคือการมีระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้
ดังนั้นรถทั้ง รุ่น จึงต่างวางจุดขายของตัวเอง ต่างกันอย่างชัดเจน
