ตั้งแต่ปลายปี 2562 การมาของรถอีโคคาร์ระยะที่ 2 สร้างความคึกคักให้กับตลาดอย่างมาก เราได้เห็นอีโคคาร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ และวันนี้จะมาถอดตัวตนทุกรุ่นที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเมื่อท้ายปี
Nissan Almera
การกลับมาของซีดาน 4 ประตูจากค่ายนิสสันงวดนี้ยังมุ่งเน้นการตอบสนองที่คุ้มค่า คุ้มราคา และลบจุดด้อยในอดีตที่เคยเป็น ตัวรถรุ่นใหม่มีการปรับปรุงขนานใหญ่ เริ่มจากการออกแบบอันจะเห็นได้ถึงความสปอร์ตของตัวรถมากขึ้น ตั้งแต่หน้าจรดท้าย
การวิศวกรรมเองก็ได้รับการพัฒนาในหลายรายการ แม้ว่าจะยังใช้พื้นฐานเดิมทางด้านโครงสร้างก็ตามที ไฮไลท์เด็ดของนิสสันหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ 100 แรงม้า ให้แรงบิด 152 นิวตันเมตร ตอบสนองดีขึ้นคล้ายขับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี รวมถึงเกียร์ CVT ที่มีการอัปเดตให้ชานฉลาดมากขึ้น
ถ้าจะให้พูดถึงทีเด็ดจริงๆของรถรุ่นนี้ คงจะเป็นการวิศวกรรมทางด้านระบบบังคับเลี้ยว (พวงมาลัย) และ ระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ พลิกตัวตนจากเดิมที่เป็นรถนุ่ม ขับสบาย ผู้ใหญ่ชอบ มาเป็นรถยนต์สำหรับวัยรุ่น สามารถขับซิ่ง วิ่งเร็วได้ และยังประหยัดอีกต่างหาก
ไม่เพียงเท่าที่กล่าวมาเท่านั้น นิสสันยังมุ่งเน้นการให้ระบบความปลอดภัยขั้นสูงเข้ามาหลายรายการ อาทิ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบเตือนมุมอับสายตา กล้องมองรอบทิศทาง และระบบเตือนการชนทางด้านหน้า ทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ครอบคลุมการใช้งานรอบด้านอย่างที่รถหนึ่งคันพึงมีในราคาที่สมเหตุสมผล
Honda City
ฮอนด้าอาจไม่ใช่ผู้เล่นใหม่ในตลาดอีโคคาร์ ทว่างวดนี้ค่ายรถยนต์ชั้นนำตลาดรถนั่งเดินเกมส์พิลึก ด้วยการส่งรถฮอนด้าซิตี้ ที่ครั้งนึงเคยเป็นรถเล็กขนาดเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ลงมาสู่ตลาดกลุ่มใหม่
การเปิดเกมส์ด้วยรถที่มีชื่อเสียงในอดีต และเป็นที่นิยมของคนไทย ทำให้กระแสอีโคคาร์จากฮอนด้า ได้รับความสนใจอย่างมาก ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นของรถคันนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ 120 แรงม้า ให้แรงบิด 173 นิวตันเมตร ฟังดูเผินๆอาจคิดว่าก็พอๆกับคู่แข่งนั้นแหละ แต่เมื่อมีโอกาสลองขับจริงกลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน อาการรถเร่งดีอย่างผิดหูผิดตา ราวกับใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ให้อารมณ์สปอร์ตตั้งแต่แรกสัมผัส
ในส่วนของการขับคับเลี้ยวและช่วงล่าง ถือว่าทำออกมาได้ดี ยังคงความเป็นรถที่นั่งสบายไปพร้อมกับการให้ความรู้สึกขับขี่สนุกสนาน ถึงแม้จะมีดีทั้ง 3 ด้านที่กล่าวมา ฮอนด้ากลับเซตระบบเบรกยังไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะถ้าคุณขับรถใช้ความเร็วสม่ำเสมอ
ด้านการออกแบบคงต้องสุดแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล บางคนก็ว่าสวย ดูดี บางคนก็ไม่ได้ถูกใจนัก จุดเด่นในเรื่องนี้คงต้องยกให้รุ่น RS ที่ตบแต่งมาในสไตล์สปอร์ตครบเครื่องจากโรงงาน เพียงแค่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1แสนบาท หากก็ได้ออฟชั่นที่ครบครันกว่ารุ่นปกติ
สิ่งที่เราเสียดายในฮอนด้าซิตี้คือการไม่ใส่ระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้ ถึงอาจจะมองว่าเป็นข้อด้อย แต่มันก็ทดแทนด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าอีโคคาร์รุ่นอื่นในปัจจุบัน
Suzuki swift
ซูซูกิ อดีตผู้เล่นม้ามือตลาดอีโคคาร์กลับมาพร้อมกับซูซูกิ สวิฟใหม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เชิงโครงสร้างของตัวรถที่เรียกว่า Heartect จุดเด่นของโครงสร้างนี้คือ มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิมประมาณ 85 กิโลกรัม
งวดนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 83 แรงม้า ให้แรงบิด 108 นิวตันเมตร ถ้าเทียบกับ 2 รถรุ่นใหม่ ที่มีจำหน่ายด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ กับพละกำลังก็คงต้องยอมรับว่าห่างชั้นกันมาก แต่ว่าด้วยน้ำหนักที่เบาลงตามที่ได้กล่าวมาในข้างต้น ทำให้สวิฟขับดีจนใกล้เคียงรถเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี (เมื่อวัดจากอัตราเร่ง)
นอกจากนี้ส่วนที่ดีที่สุดคือระบบกันสะเทือนและระบบบังคับเลี้ยว ให้ความรู้สึกสปอร์ต ขับสนุก กว่ารุ่นเดิมพอสมควร มันอาจไม่ได้เป็นอีโคคาร์เครื่องเทอร์โบ แต่ก็เร้าใจในแบบที่ซูซูกิหมายมั่นปั้นมือเอาไว้
ในมุมมองของผม คิดว่าสวิฟเป็นรถอีโคคาร์ แฮทแบค 5 ประตูที่มีการออกแบบอย่างสวยงาม ลงตัว แม้ว่าการออกแบบงวดนี้จะไม่สปอร์ตเหมือนรุ่นเดิม แต่ก็ให้ความรู้สึกน่าสนใจ โดยเฉพาะกับผู้ใช้ที่ไม่ได้ต้องการรถไปตบแต่งเพิ่มเติม ขนาดรถปรับย่อจากรุ่นเดิมเล็กน้อย อาจะเหมือนเล็กลง แต่เมื่อใช้ในการโดยสาร กลับรู้สึกพอดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อประกอบกับราคาที่ไม่ได้แพงจนเกินไปนัก
Mazda 2
มาสด้า ผู้นำอีโคคาร์ระยะที่ 2 ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้ฝากผลงานทางด้านยอดขายให้คู่แข่งมองตาเป็นมัน การเปิดตัวรถออกมาก่อนชาวบ้าน ส่งผลให้งวดนี้มาสด้าต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อรักษายอดขายเอาไว้ ทั้งยังต้องดึงดูดใจลูกค้าที่มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่มาสด้าพยายามนำเสนอในมาสด้า 2 ใหม่ที่ปรับปรุงโฉมเมื่องานแสดงรถยนต์ปลายปีที่ผ่านมา คือ การอัพเกรดอีโคคาร์ให้มีความหรูหรา น่าใช้งานมากขึ้น มาสด้าได้ปรับลุคภายนอกของตัวรถด้วยการออกแบบกระจังหน้าใหม่หมด เพิ่มสีใหม่ ตลอดจนเพิ่มการตัดเย็บภายในให้ดูหรูหรากว่ารุ่นก่อนหน้า
ด้านการขับขี่ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเครื่องยนต์เบนซิล 1.3 ลิตร และหนึ่งเดียวกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ในรถยนต์อีโคคาร์ ยังเป็นจุดขายที่ทำให้มาสด้า 2 ได้รับความสนใจจากลูกค้าไม่น้อย
การกลับมาครั้งนี้มาสด้าได้ติดตั้งระบบ GVC+ เข้ามาเป็นลูกเล่นเพิ่มเติมให้กับเจ้าอีโคคาร์คันนี้ ระบบสามารถควบคุมการเข้าโค้ง ทำให้แม้ผู้ขับขี่จะไม่ได้ขับรถเก่งมาก ก็สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ลดอาการโครงที่เกิดจากการเข้าโค้ง และช่วยให้ควบคุมรถได้ตลอดเส้นทางตามใจต้องการ
ดังนั้น สิ่งที่มาสด้า 2 ต้องการจับลูกค้าคือ เรือนร่างความหรู และ ความมั่นใจในการขับขี่ซึ่งเทียบกับอีโคคาร์ทั้ง 3 รุ่นที่กล่าวมาข้างต้น ก็ต้องยอมรับว่ายังคงสู้ได้ แต่ลูกค้าก็ต้องสู้ราคาของมาสด้า 2 ด้วย
Mitsubishi Mirage & Attrage
มิตซูบิชิ กระโดดเข้าเกมส์อีโคคาร์ครั้งนี้ด้วย แม้ว่ากระแสข่าวรถรุ่นใหม่ (ปรับโฉม) จะไม่มีออกมาเลยก่อนหน้านี้ หนทางที่บริษัทวางเข้าไว้ ก็หนีไม่พ้นการปรับรุ่นเก่าให้โดนใจลูกค้าไปก่อน โดนอาศัยการแต่งหน้าทาปากเพิ่มเติม ให้แตกต่างจากเดิมที่เคยขายมาก่อนหน้านี้
ใครจะคิดว่าทีมออกแบบของมิตซูบิชิจะเอาจริง ในการนำเส้นสายไดนามิคชิล มาใช้กับรถเก๋ง เปลี่ยนหน้าตาจิ้มลิ้ม ให้มีความสปอร์ตมากกว่าเดิม เรื่องความเห็นการออกแบบก็คงพูดตามตรงว่าแล้วแต่คนชอบ สำหรับผมเส้นทางของมิราจ ก็พอไปวัดไปวาได้ ส่วนแอททราจ ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ (ความเห็นส่วนตัว)
ในแง่เครื่องยนต์ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร พ่วงมากับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก สำหรับรุ่นนี้ยังให้ความประหยัดสูงสุด 23.3 กม./ลิตร แถมผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ยูโร5
ถึงสมรรถนะการขับขี่จะสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่ก็มีดีในแง่การให้ระบบความปลอดภัยขั้นสู่ตอบโจทย์ลูกค้า ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวเมื่อเหยียบคันเร่งแบบรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) แม้ว่าจะมีเพียง 2 รายการ ก็ถือว่ามีมาให้ แถมราคาขายยังถูกกว่าคู่แข่งราวๆ 1หมื่นบาท
ดังนั้นมิราจ และ แอตทราจ อาจไม่ใช่รถใหม่เสียทีเดียว แต่ถ้ามองหารถที่ครบครัน คุ้มค่า ก็คงไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า เจ้านี่เป็นตัวเลือกที่เหมาะรุ่นหนึ่ง