ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า เราต้องยอมรับว่า มีบางอย่างที่อาจจะจางหายไป และบางอย่างที่อาจจะทำให้รถกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น หนึ่งในหลายอย่างที่ รถยนต์ไฟฟ้าได้สร้างสรรค์ให้ดีขึ้น ก็คงไม่พ้น การที่รถหลายรุ่น เริ่มผละ จากขับหน้าในยุคเครื่องสันดาป มาสุ่ขับเคลื่อนล้อหลังในหลายรุ่น
การเปลี่ยนเมื่อช่วง 20-30 ปี ก่อน ทำให้บริษัทรถยนต์ชั้นนำมากมาย ต่างเริ่ม แนะนำ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ออกมาวางจำหน่าย ในรถหลายรุ่น สูตรสำเร็จ ก็มาจาก ความต้องการของผู้ผลิต ในการลดต้นทุนตัวรถ แทนที่เราจะต้องเอา เครื่องยนต์วางไว้ข้างหน้า แล้วเอาแรงขับไปไว้ทางด้านหลัง เหมือนในอดีต ที่เรา เรียกว่า ขับเคลื่อนล้อหลัง (ปัจจุบันมีใช้เพียงในรถกระบะ และรถหรูราคาแพง)
การทำแบบนั้นทำให้ มีชิ้นส่วนต่างเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็น วิศวกรจึงหัวใส ที่จะพัฒนารถยนต์ขับหน้า ที่ซึ่ง เครื่องยนต์,เกียร์ ระบบขับเคลื่อนทั้งหมด อยู่ใต้ฝากระโปรงทางด้านหน้ารถ และง่ายต่อการประกอบ และดูแลรักษาในระยะยาวสำหรับลูกค้า รวมถึง ทีมช่างบำรุงที่ศูนย์บริการ ก็ทำงานง่ายด้วย
แนวทางที่ปรับมาสุ่ยุคขับเคลื่อนล้อหน้า ในตลอดหลายปีทีผ่านมา อาจจะดี ที่ราคารถถูกลง จับต้องง่าย แต่ในมุมนักขับตัวยงหลายคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันขับไม่สนุกสนาน อาการของรถบางครั้งก็อาจจะรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ข่าวดี จากยุครถยนต์ไฟฟ้า คือ ในยุคใหม่วันหน้า รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง อาจจะได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังจากหายไปยาวนาน
สาเหตุที่รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นเริ่ม เปลี่ยนกลับไปสู่ยุคขับหลัง มาจากหลายเหตุผลด้วยกัน
อย่างแรกที่เราต้องยอมรับกันก่อนเลย คือ มอเตอร์ไฟฟ้า มีลักษณะอุปกรณ์เป็นโมดูล สามารถนำไปติดตั้งตรงไหนก็ได้ สะดวก ไม่ว่าจะติดตั้งที่ชุดเพลาหน้า หรือเพลาหลัง และยังสามารถจัดวางให้ทำงานแบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ด้วย
ความง่ายในการติดตั้ง ขอเพียงมีพื้นที่เดินสายไฟมาสู่มอเตอร์ ทำให้ มันง่ายขึ้นในการจัดวางที่ล้อหลัง ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพลาขับให้ยุคยาง แถมกำลังจากมอเตอร์เมื่อขับเคลื่อน ก็ส่งไปเพลาข้าง ออกไปยุงดุล้อมและยางในทันทีด้วย
ประการต่อ วิศวกรไม่จำเป็นต้องคิดถึงสมดุลน้ำหนักมากเท่าเดิม สาเหตุ ก็มาจากการจัดวางแบตเตอร์รี่ในรถยนต์ไฟฟ้า แทบทุกรุ่น จะวางไว้ที่จุดต่ำสุดของรถ นั่นคือ ใต้พื้นห้องโดยสาร นั่นเอง
ด้วยความจริงว่า แบตเตอร์รี่มีน้ำหนักมาก ผิด กับ เครื่องยนต์สันดาป ส่วนที่น้ำหนักมากที่สุดของรถ คือ เครื่องยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องวางไว้ด้านหน้า เพื่อใช้น้ำหนักในการ กดเบรกหน้าเพิ่มเติม เมื่อมีการชะลอความเร็ว แล้วน้ำหนักรถ ถูกถ่ายมาด้านหน้า
ขณะที่อุปกรณ์ให้พลังงาน เครื่องยนต์ อย่างถังน้ำมันรถ มักจะวางไว้ตอนหลัง เพื่อช่วยในการกระจายสมดุลน้ำหนัก รวมถึง การจัดวางผู้ขับขี่
แต่เรื่องเดียวกัน ไม่จำเป็นในรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอร์รี่ที่แผ่หราใต้ห้องโดยสาร สามารถพามวลไปไว้ด้านหน้าระว่างการเบรกได้ง่าย เช่นเดียวกัน ที่เพลาหน้า ใต้ห้องเครื่องเดิม ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีน้ำหนักมาเพิ่มเติม อาทิ แบตเตอร์รี่ 12 โวล์ต , คอมเพรสเซอร์แอร์
คุณจะสังเกตได้ในบรรดา รถยนต์ไฟฟ้า ที่ดัดแปลงจากรถยนต์สันดาป ว่า อุปกรณ์เหล่านี้ยังอยู่ ใต่ฝากระโปรง แถม รถบางยี่ห้อ ยังมีไอเดียเจ๋งๆ ในการเอาพื้นที่ ที่เหลือๆ ใต้ฝากระโปรง ไปเป็นห้องสัมภาระแทนด้วย ทำให้ มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น สำหรับลูกค้า
ตลอดจน ข้อเท็จจริง ที่สำคัญ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ข้อหนึ่ง , คือ มอเตอร์ มักจะมีแรงบิดสูงมากในรอบต่ำ ซึ่งตามหลักแล้ว จะดีกว่า ถ้าเอากำลังขับไปดันจากข้างหลัง จะยิ่งให้ความรู้สึกมันเร่งแรงเร้าใจ ผู้ขับขี่สัมผัส ได้ถึงพละกำลัง เมื่อป้ายคันเร่งลงไป
การวางมอเตอร์เพื่อดัน ให้ความรู้สึกที่ดี เวลารถออกตัว มากกว่า การถูกดึง ทั้งยังสามารถใช้แรงบิดมหาศาล รองรับการใช้งานอย่างการโดยสารเต็มพิกัด ดีขึ้นด้วย ซึ่งทำให้ ทีมวิศวกรมองว่านี่เป็นจุดดี ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีอิสระในการจัดวางเลย์เอาท์ขับเคลื่อน
EV ขับหลัง ยุคใหม่ เริ่มจาก ฮอนด้า
ที่จริง รถยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ไม่ใช่เพิ่งจะเริ่มเกิดขึ้น เรื่องนี้มีแนวคิดมานาน แต่เจ้าแรกที่จริงก็มี BMW i3 ออกมายาวนานแล้ว ที่เป็นขับหลัง มียอดความนิยม 250,000 คัน ทั่วโลก แต่ไม่ใช่กับในบางประเทศ อย่างในไทย แม้จะเข้ามาขายสั้นอยู่บ้าง รวมถึง ล่าสุดมีการยุติสายการผลิตไปแล้ว เช่นเดียวกับ หลายรุ่น ที่ยุติการผลิตไปนานมาก ไม่ว่า Mitsubishi imiev, Tesla Model S รุ่นเมื่อนานมาก แล้ว
แต่เมื่อมาคุย กันในยุค ปัจจุบันจริงๆ เอาความคิดนี้มาใช้จน สร้างเทรนด์ใหม่ ค่าย ฮอนด้า ดูจะเป็นผู้ปลุกกระแสนี้ โดยเฉพาะ ตลาดยุโรป ที่ได้รับความนิยม รถมีความคล่องตัว ตอบสนองดี ใน Honda e รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นแรกของค่าย
อาจจะเรียกได้ว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ทำ ขับเคลื่อนล้อหลังออกมาวางจำหน่าย ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าในโลกปัจจุบัน (ที่ยังวางขายอยู่)
ก่อนที่ ทาง Tesla จะทำ รุ่น Model 3 ขับเคลื่อน ออกมาวางจำหน่าย ในช่วง เวลา พอๆ กับ ทาง Porsche Taycan ทำรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ออกมาวางจำหน่าย ด้วยเช่นกัน ส่วน BMW ก็มี BMW IX3 ตามออกมา และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จากเยอรมัน ขับหลังรุ่นแรกที่ขายในไทย
นับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ชั้นนำ ยอมรับว่า รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นไปได้ในยุครถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่ ทำมาเป็นรุ่นโลว์โคส , ขายเฉพาะบางประเทศ หรือ อยุ่ในรถสปอร์ตไฟฟ้า ราคาแพง ที่มีขายไม่กี่คัน เท่านั้น
ในขณะที่ MG เป็นแบรนด์ ล่าสุด ที่เข้ามาใช้ความคิดรถยนต์ไฟฟ้าขับหลัง พัฒนา MG Mulan หรือ MG 4 EV ออกมาวางจำหน่าย และคาดว่าจะเข้ามาขายในไทย
รวมถึง ทางเอ็มจี ยังมีแผน สำหรับรถยนต์สปอร์ตไฟฟ้า MG Cyberster ด้วย ที่คาดว่า จะออกมาเป็นรถยนต์ roadster น้ำหนักเบา ขับเคลื่อนล้อหลัง ในอนาคต
ทั้งหมด นี้เป็นการยืนยัน แล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ มีแนวโน้ม ในการพัฒนาให้ มันเป็นขับเคลื่อนล้อหลังมากขึ้น โดยเฉพาะ รุ่นที่ต้องการให้ความสนุกสนานในการขับขี่ เราจึงได้เห็นการกลับมาของรถยนต์ขับหลังมากขึ้นในยุคอนาคต