ต้องยอมรับว่า ช่วงปีทีผ่านมา ฮอนด้า ดูจะเน้นการทำตลาดรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น การขยายไลน์อัพสินค้าตั้งแต่ Honda Accord มาจนวันนี้มีทั้งใน Honda City e:HEV และ Honda Civic e:HEV ทำให้หลายคนสนใจ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจจริง
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อน ว่าแนวทางของ ฮอนด้า ตั้งใจ ก้าวเข้าสู่อนาคต ภายใต้ Honda e Technology หรือ ระบบขับเคลื่เอนที่หันมาใช้การขับเคลื่อยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้น
โดยระบบที่นำมาใช้ในรถหลายรุ่นในบ้านเรา คือระบบ e:HEV หรือ hybrid Electric Vehicle ระบบนี้ของฮอนด้า คือระบบ i-MMD หรือ intelligent Multi-Mode Drive
วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันว่ามันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
หลักการพื้นฐาน
ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ระบบ i-MMD ทำงานด้วยหลักการที่เรียบง่ายมากๆ ชิ้นส่วนสำคัญประกอบด้วย
- เครื่องยนต์
- มอเตอร์ขับ
- มอเตอร์ปั่นกระแสไฟฟ้า
- แบตเตอร์รี่
- ชุดเกียร์ขับเคลื่อน
ทั้งหมด อยู่ในรถคันที่มาพร้อมระบบดังกล่าว ส่วนเครื่องยนต์ จะมีการเปลี่ยนไปตาม ความเหมาะสม ของรถยนต์แต่ละรุ่นที่วางจำหน่าย เช่นเดียวกับ กำลังขับมอเตอร์ และ ขนาดแบตเตอร์รี่ด้วย
หลักการทำงาน
แนวทางการทำงานของระบบ นี้จะทำงานอยก ออกเป็น 3 ช่วง สำคัญ
ทางทีมวิศวกร ได้พัฒนาให้ การทำงานของแต่ละช่วง นั้นมีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด ตามคยวามเหมาะสมในการทำงาน
โหมดแรก EV Drive Mode
โหมด นี้จะเป็นการทำงาน โดยมอเตอร์ขับ โดยใช้พลังงานที่มีอยุ่ในแบตเตอร์รี่ ในการให้กำลังขับกับมอเตอร์ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อน
โหมดนี้จะทำงานได้ไกล หรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ ว่ามีมากแค่ไหน
โดยมากระบบนี้จะทำงานตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงการใช้ความเร็วต่ำๆ เช่น ในหมู่บ้าน ตรอกซอกซอย ที่ไม่ได้มีความเร็วสูงมาก
กำลังไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ เมื่อหมดหรืออยู่ในระดับต่ำ เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาปั่นไฟฟ้า ในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วดับไป อีกด้านไฟฟ้า อาจจะมาจากการเบรก หรือชะลอความเร็ว ในระหว่างการขับขี่ ด้วย
**แต่เรื่องจาก แบตเตอร์รี่ระบบไฮบริดจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงทำให้ ไม่สามารถใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ไกลมาก แค่เพียง 2-3 ก.ม.เท่านั้น
ไฮบริด โหมด
ในโหมดที่ 2 นี้ , เรียกว่า Hybrid Mode โหมดนี้ จะมีการใช้เครื่องยนต์ ที่มีการผสมผสาน ระหว่า งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า
ระบบ Hybrid Mode ของ ฮอนด้า แตกต่าง จะรายอื่นโดยสิ้นเชิง ระบบจะทำงาน ในรูปแบบ Series Hybrid โดยใช้เครื่องยนต์ไปปั่นมอเตอร์ไฟฟ้า ตัว Generator เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากลับไปยังแบตเตอร์รี่ ขณะที่ มอเตอร์ขับเคลื่อย ก้จะนำไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ มาใช้ในการให้กำลังขับเคลื่อน ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ส่วนที่แตกต่าง คือ ในโหมดนี้ เครื่องยนต์ จะไม่ขับเคลื่อนโดยตรง ลงล้อ แต่จะทำงานอยู่เบื่องหลัง โดยทำงานตามรอบที่เหมาะสม ตามความเร็วและความต้องการของผู้ขับขี่
ในโหมดนี้ เครื่องยนต์ มักจะพยายามเดินรอบคงที่ เพียงเพื่อปั่นกระแสไฟฟ้าเท่านั้น กำลังขับทั้งหมด ยังมาจาก มอเตอร์ไฟฟ้า เหมือนเดิม
โหมดการขับขี่นี้ เราจะได้เห็นในการขับ ช่วงความเร็วปกติทั่วไป ตั้งแต่ 60-120 ก.ม./ช.ม. โดยมาก ระบบจะจัดการให้ โหมดไฮบริด ทำงาน สลับกับ EV โหมด เป็นครั้งคราว เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์
Engine Drive Mode
ในโหมดสุดท้าย เมื่อ ระบบเห็นว่า การใช้เครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์จะถูกเชื่อมต่อผ่านขุดเกียร์ เข้ามาทำงานโดยตรง ให้กำลังขับลงล้อ ในช่วงที่เหมาะสม
ทางวิศวกร ฮอนด้า เปิดเผยว่า เมื่อขับด้วยความเร็วสูง ประสิทธิภาพจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังขับไม่สู้เครื่องยนต์ เมื่อถึง ณ จุดหนึ่ง เครื่องยนต์ จะตอบสนองดีกว่า
ระบบ จึงจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนแทน การใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และ มอเตอร์ไม่ได้เข้ามามีบทบาทช่วยในการขับขี่ ในระหว่างการทำงานโหมดนี้
สรุป Honda e:HEV ทำงานแยกส่วนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อดูจากทั้ง 3 โหมด การขับขี่ จะพบว่า ระบ Sport i-MMD ของฮอนด้า จะเน้นในการทำงานแยกส่วน ในแต่ละโหมด เพื่อใช้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ของระบบ
โดยกว่า ครึ่งของการขับขี่ ระบบ จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยเครื่องยนต์ เป็นผู้สนับสนุน และในบางครั้ง อาจใช้ขับลงล้อ
ข้อดี ของระบบนี้คือ การได้ พละกำลังขับที่ดีจากการตอบสนองของ มอเตอร์ไฟฟ้า และ การใช้เครื่องยนต์น้อยลง ทำให้ประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยไอเสีย
ทางด้าน ข้อที่ต้องพิจารณา จะมีก็ตรง ข้อจำกัดของมอเตอร์ไฟฟ้าในการทำความเร็วสูง โดยเฉพาะ ยามเร่งแซง อาจจะพบว่า กำลังขับหมดไว พอสมควร เรื่องนี้ อาจจต้องใช้เวลาปรับตัว
เมื่อมองในภาพรวม ระบบ ของฮอนด้า ก็ตอบสนองต่อความต้องการในการใช้รถได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่มองหารถใช้งานสักคัน
ข้อมูล เพิ่มเติมจาก Honda