การดริฟท์รถ ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะ ที่ผู้ขับอยากจะวาดลวดลายออกมาให้ใครได้เห็นถึงสมรรถนะของตัวรถ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยง และยากในการฝึก จนใครหลายคนเลือกที่จะขอผ่าน ทว่าหากรถของคุณทำการดริฟท์ได้ด้วยตัวมันเองล่ะ คุณยังจะบอกผ่านอยู่มั้ย ?
รายงานจากสื่อฯออสเตรเลีย Carsales ที่ได้มีการเข้าสัมภาษณ์กับนาย Joerg Bartels ประธานฝ่ายพัฒนาตัวรถของ Mercedes-Benz ถึงโอกาสที่ทางแบรนด์จะใส่ระบบดริฟท์อัตโนมัติ ให้กับรถยนต์สมรรถนะสูง (อย่างเช่นตระกูล AMG) รุ่นใหม่ๆในอนาคตหรือไม่ ? ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบว่า “ระบบดริฟท์อัตโนมัติน่ะเหรอ, ย่อมได้” แถมยังระบุอีกว่า รถที่เหมาะที่สุดในการใช้ระบบนี้ก็คือรถไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ 4 ตัว ที่แยกกันขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 อย่างอิสระ
“แน่นอน, เราทำมันได้ เพราะเรารู้อยู่ตลอดว่ารถอยู่ในสถานการณ์ไหน, เรามีเซนเซอร์ตรวจจับทุกอย่าง, ดังนั้นเราเลยรู้ทั้งหมดนั่นแหล่ะ (ว่ารถกำลังอยู่ในสภาวะไหนของการขับเคลื่อน)” Bertels กล่าวเสริม “คุณต้องใช้หลายอย่างมากสำหรับสิ่งนี้ และที่สำคัญก็คือ นอกจากระบบทอร์คเวคเตอริ่งแล้ว, คุณยังต้องใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าด้วย เพราะคุณอาจจะอยากให้การบังคับเลี้ยว(จากผู้ขับเอง)ไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง(กับการรักษาอาการของตัวรถ)”
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องดริฟท์จริงๆ สิ่งที่คนขับต้องคุมรถให้อยู่ขณะที่มันกำลังส่ายตูดแบบขวางถนนอยู่อย่างนั้น ไม่ได้มีแค่เพียงการคุมคันเร่ง เพื่อคุมอัตราการลื่นไถลของล้อเท่านั้น แต่เรายังจะต้องคุมองศาการหักสวนของล้อหน้าให้พอเหมาะกับองศาและความเร็วของรถที่กำลังไถลอยู่ในจังหวะนั้นด้วย
ถ้าไม่เช่นนั้นสุดท้ายรถก็จะหมุน หรือไม่ก็เหวี่ยงแล้วหลุดลงข้างทางออกไปอยู่ดี ซึ่งถ้าโชคดีหน่อย ข้างทางอาจจะเป็นแค่ลานดินโล่งๆ แต่ถ้าโชคร้ายเกิดไปพุ่งใส่คนขึ้นมา งานนี้ก็ยาวแน่นอน
ดังนั้นสิ่งที่ระบบ ดริฟท์รถอัตโนมัติต้องการจากผู้ขับจริงๆ จึงมีแค่ข้อมูลจากคันเร่งว่าผู้ขับอยากให้รถไถลด้วยความเร็วเท่าไหร่ กับการหักพวงมาลัยเพียงเพื่อบ่งบอกว่าผู้ขับอยากจะให้รถไถลไปทางใดก็เท่านั้น ที่เหลือรถจะจัดการคำนวนทั้งความเร็วล้อ และองศาของล้อหน้าที่เหมาะสมให้เอง
ทั้งนี้ ระบบ “Drift Mode” ในรถยนต์ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ทว่าก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบัน ระบบดังกล่าวจะถูกระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใช้ต้องเป็นผู้ขับทักษะที่มีประสบการณ์ในระดับหนึ่งขึ้นไปเท่านั้น มิเช่นนั้น ต่อให้ระบบจะควบคุมอัตราการลื่นไถลเอาไว้ได้ แต่ถ้าผู้ใช้คุมพวงมาลัยไม่เป็น มันก็จะก่อความเสี่ยงให้เกิดอันตรายมากเกินไปอยู่ดี
และที่เหนือกว่านั้นคือ ในความเป็นจริง ทาง Toyota เอง ก็มีการพัฒนาโปรเจ็กท์รถดริฟท์ด้วยตนเอง แบบไม่ต้องใช้ผู้ขับไปคุมบังเหียนรถเลยแต่อย่างใดด้วยเช่นกัน เพียงแต่ความแตกต่างจากคอนเซ็ปท์ของแนวคิดนี้จากแบรนด์ญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับแบรนด์เยอรมันก็คือ
รถที่พวกเขาใช้ทดสอบนั้นคือ GR Supra ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมคันเร่งไฟฟ้า ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดามีคลัทช์แยก แต่สั่งการทุกอย่างด้วยระบบอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนคู่ล้อหลัง ซึ่งเชื่อมต่อกันผ่านเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบปกติ พวงมาลัยก็เป็นแบบเฟืองตัวหนอนธรรมดาตามฉบับรถแข่งดริฟท์แท้ๆ แค่เสริมมอเตอร์ไฟฟ้าไปคุมการหมุนของพวงมาลัยอีกทีก็เท่านั้น
ติดแค่เพียงอย่างเดียวคือ ในตอนนี้ ทาง Toyota เอง ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า พวกเขาจะนำระบบนี้มาใส่ในรถขายจริงเมื่อไหร่กันแน่ ? หรืออาจจะเป็นแค่การทดสอบเพื่อนำระบบมาต่อยอด แล้วพัฒนาเป็นระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่อไปเฉยๆ ?
Mercedes-AMG Says Future Models Could Drift Without A Driver | CarBuzz