Home » Honda Fit (Jazz) 2023 เผยโฉมปรับหน้า อัพเกรดพลัง พร้อมเพิ่มรุ่น “RS” ในญี่ปุ่น
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

Honda Fit (Jazz) 2023 เผยโฉมปรับหน้า อัพเกรดพลัง พร้อมเพิ่มรุ่น “RS” ในญี่ปุ่น

แม้ Honda Jazz จะถูกถอนการทำตลาดไปจากประเทศไทยของเรา แต่มันก็ยังคงได้ทำตลาดต่อไปในบ้านเกิดภายใต้ชื่อ Honda Fit อยู่ และตอนนี้ตัวรถเจเนอเรชันล่าสุดของมัน ก็ได้รับการปรับโฉมอีกครั้ง แถมยังไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแค่เปลือกอีกด้วย

https://youtu.be/vfI1NDek2UE

โดยสำหรับการปรับโฉมของ Honda Jazz หรือ Honda Fit เจเนอเรชันที่ 4 รุ่นปี 2023 ในครั้งนี้นั้น ถือว่าเป็นอีกครั้งที่มันสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ติดตามได้เป็นอย่างดี เพราะในคราวนี้ มันมาพร้อมกับรุ่นย่อยใหม่ ที่ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ Basic, Home, Luxe, Crosstar, และล่าสุด RS

เริ่มจากรุ่นล่าง นั่นคือรุ่น Basic กับรุ่น Home ที่ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรายละเอียดภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นคือชุดกันชนหน้าใหม่ ที่มีการเพิ่มพื้นที่ชิ้นช่องดักอากาศทางด้านล่างให้กว้างขึ้น โดยที่ตัวดวงไฟคู่หน้าแบบ Projector LED ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นออพชันพื้นฐานสำหรับตัวรถรุ่นล่างสุดเป็นที่เรียบร้อย นอกนั้นในส่วนชุดล้อ ทั้งล้อแบบกระทะเหล็กครอบชิ้นพลาสติก และล้ออัลลอยด์ก็ยังคงมีลวดลายเหมือนเดิม

ส่วนรุ่นยกสูงสำหรับครอบครัวสายแคมป์รหัส Crosstars ก็มาพร้อมกับกันชนหน้าแบบใหม่เช่นกัน โดยในคราวนี้ทาง Honda ได้ทำการเปลี่ยนเอาชายล่างงานพลาสติกด้านที่ยื่นยาวทิ้งไป แล้วแทนช่วยชิ้นงานพลาสติกสสีอลูมิเนียมที่โค้งมน และดูถึกทนกว่าเดิมมาใส่แทน โดยที่ตัวกระจังหน้าก็เปลี่ยนใหม่จากแบบแถบนอน เป็นแบบตารางหกเหลี่ยม

ด้านรุ่นที่เป็นไฮไลท์สำคัญรหัส RS ซึ่งเป็นรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของตัวรถ Fit เจเนอเรชันที่ 4 ก็แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับงานตกแต่งภายนอกที่เน้นเพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตให้กับตัวรถ ด้วยกันชนหน้าที่มาพร้อมกับช่องดักอากาศขนาดมหึมา กระจังหน้าลายถี่ทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เสริมความดุดันด้วยสเกิร์ตข้าง และกันชนท้ายแบบมีลิปไล่ลม และชุดล้อกัดลายที่ดูรับกันกับหน้าตาของตัวรถเป็นอย่างดี

และนอกจากหน้าตาภายนอก ชิ้นส่วนภายในของมันเอง ก็ยังถูกปรับอารมณ์ด้วยการใช้วัสดุหุ้มหนังเดินตะเข็บด้านสีส้ม (ใช่ครับ สีส้ม ไม่ใช่สีแดง) โดยตัวพวงมาลัย ได้เปลี่ยนเป็นแบบ 3 ก้าน และยังมีแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์ ซึ่งไม่ได้เอาไว้เปลี่ยนเกียร์ แต่เอาไว้ปรับความหน่วงของระบบ Regenerative braking ตามฉบับรถไฮบริด e:HEV และที่สำคัญยังมีปุ่มปรับโหมดการขับขี่ Normal / Sport / Econ แยกออกมา รวมถึงช่วงล่างยังถูกปรับจูนใหม่เพื่อให้สมชื่อรหัส RS อีกด้วย

ด้านงานตกแต่งภายในอื่นๆเพิ่มเติมของตัวรถ ก็แทบไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่นัก เพราะมันยังคงมาพร้อมกับชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full-Digital ขนาด 7 นิ้ว และชุดหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว เช่นเคย แต่ในฝั่งระบบความปลอดภัยขั้นสูง หรือระบบ ADAS ทั้ง Blind spot information, Reversing assist, Traffic jam assist, และ Sudden acceleration control ต่างได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้พวกมันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่ขุมกำลังของมัน หากเป็นตัวรถรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินปกติ ทาง Honda ก็ได้จัดการเปลี่ยนบล็อคเครื่องยนต์จากบล็อค i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร เป็น i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 118 PS ที่ 6,600 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 142 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที และยังคงส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองดีสุดที่ 18.5 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และลดลงเหลือ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (*อัตราสิ้นเปลืองเปลี่ยนได้ตามรุ่นย่อย)

ส่วนตัวรถรุ่นที่ใช้ขุมกำลัง e:HEV ซึ่งจะมีให้เลือกในทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่นล่างสุด จนถึงรหัส RS (ตัวรถ RS จะไม่มีรุ่นที่ใช้ขุมกำลังสันดาปภายในเพียงอย่างเดียวให้เลือก) ก็จะยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่สามารถทำแรงม้าได้ 106 PS ที่ 6,000-6,400 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500-5,000 รอบ/นาที

แต่มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัว ที่ทำงานสลับกับเครื่องยนต์นั้น จะถูกปรับจูนใหม่ และให้พละกำลังมากขึ้น เป็น 123 PS ที่ 3,500-8,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,000 รอบ/นาที โดยมันจะส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ E-CVT พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองดีสุดที่ 30.2 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และดีสุด 25.4 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (*อัตราสิ้นเปลืองเปลี่ยนได้ตามรุ่นย่อย)

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Honda Fit 2023 ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ 1,592,800 เยน หรือราวๆ 411,000 บาท ในรุ่น Basic ขุมกำลังเบนซิน ขับเคลื่อนล้อหน้า และแพงสุดคือรุ่น LUXE e:HEV พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะสนนราคา 2,664,200 เยน หรือราวๆ 689,000 บาท

ส่วนรุ่น RS ที่มีให้เลือกเพียงแบบเดียวเท่านั้น คือใช้ขุมกำลัง e:HEV พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ก็จะมีราคาวางจำหน่ายที่ 2,346,300 เยน หรือราวๆ 606,400 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.