Home » Rimac Nevera ขึ้นแท่น “รถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก”
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Rimac Nevera ขึ้นแท่น “รถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก”

คล้ายกับโลกของรถขุมกำลังสันดาปภายใน ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับบุคคลทั่วไป มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มอเตอร์ดึงกระแสไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ขึ้นแท่นระดับซุปเปอร์คาร์เอง ก็เน้นการพัฒนาและแข่งขันในเรื่องการเป็น “เจ้าแห่งความเร็ว”

Rimac Nevera คือรถซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้า ที่พึ่งคว้าตำแหน่งดังกล่าวไปหมาดๆ ด้วยตัวเลขความเร็วสูงสุดแตะหลัก 256 ไมล์/ชั่วโมง หรือราวๆ 412 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากการทดสอบ ณ สนาม Automotive Testing Papenburg ประเทศเยอรมัน โดยมี Miro Zrnčević นักขับทดสอบและนักพัฒนาตัวรถของทาง Rimac เอง เป็นผู้ลงมือขับ

โดยตัวรถ Nevera ที่ถูกใช้ในการกดเวลาทำสถิติครั้งนี้นั้น แทบไม่ได้มีความแตกต่างไปจากตัวรถที่ทางค่ายส่งมอบให้กับลูกค้าเลยแม้แต่น้อย นอกไปเสียจากการปรับค่าการทำงานระบบ “Top Speed Mode” ของตัวรถใหม่ ให้ไม่มีการจำกัดความเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 4 ที่สามารถเค้นกำลังรวมกันได้สูงสุด 1,914 ตัว เอาไว้ เพราะแต่เดิมในโหมดการทำงานนี้ จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถขับรถได้เร็วสุดเพียง 352 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น(?)

ทั้งนี้ เพื่อให้การทดสอบทำความเร็ว เป็นไปอย่างราบลื่นและมีมาตรฐานที่สุด เนื่องจากตัวรถที่ใช้ทดสอบ ยังคงต้องใช้ยางเดิม รุ่นเดียวกันกับที่ส่งมอบให้ลูกค้า อย่างยาง Michelin Cup 2 R ทางวิศวกรของค่ายยางที่ว่านี้จึงต้องมาสังเกตและตรวจสอบความพร้อมของยางด้วยตนเอง ว่ามันเอื้อต่อการพารถวิ่งด้วยความเร็วระดับดังกล่าวได้สบายๆหรือไม่ ?

และดูเหมือนว่ายางดังกล่าวจะสามารถทำงานได้ดี เพราะจากการจับความเร็วโดยอุปกรณ์วัดความเร็วผ่านสัญญาณ GPS “Racelogic V-Box” รุ่นใหม่ล่าสุด แสดงให้เห็นว่าตัวรถ Nevera สามารถไต่ความเร็วได้มากถึงราวๆ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เข้าไปแล้วเมื่อมันอยู่ในช่วงออกจากโค้ง ก่อนเข้าสู่ช่วงทางตรงของสนามที่มีความยาว 4 กิโลเมตร

แน่นอน ด้วยสถิติความเร็วสูงสุด 412 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงทำให้ Rimac Nevera ยังห่างไกลจากการเป็นรถโปรดักชันคาร์ที่เร็วที่สุดในโลก เมื่อเทียบความสถิติของ Bugatti Chiron Supersport ที่กดตัวเลขความเร็วสูงสุดไปได้มากถึง 490.48 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แต่หากแยกมาเป็น “สถิติความเร็วสูงสุดบนรถโปรดักชันคาร์ไฟฟ้า” โดยเฉพาะ เจ้า Rimac Nevera ก็น่าจะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไปได้อีกนานเช่นกัน เพราะคู่แข่งของมันทั้งที่วางขายแล้ว และกำลังจะตามมาในเร็วๆนี้ ยังแทบไม่มีใครเลยที่กล้าเคลมการทำความเร็วสูงสุดแตะหลักมากกว่า 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อย่างไรก็ดี ทาง Rimac ได้ระบุเอาไว้ว่า อันที่จริง 1 ใน ลูกค้าที่เป็นเจ้าของตัวรถกว่า 150 คัน ก็สามารถสัมผัสประสบการความเร็วระดับ 412 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากรถของตนเองได้ด้วย แต่การจะทำเช่นนั้นได้ ต้องเกิดขึ้นในกิจกรรมพิเศษที่ทางค่ายจัดขึ้นมาโดยเฉพาะ และยังต้องถูกดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษอีกด้วย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.