ด้วยกระแสตอบรับที่ล้นหลาม ทำให้ Citroen My Ami Buggy ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกประกาศว่าจะมีเพียง 50 คันบนโลกเท่านั้น กำลังจะมีล็อตที่สองตามมาในเร็วๆนี้ และยังมีเพิ่นขึ้นอีกมากถึง 1,000 คัน
Citroen My Ami Buggy ถูกเปิดตัวครั้งแรก เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2021 ในฐานะรถคอนเซ็ปท์คาร์ที่สร้างขึ้นจากพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลักอย่าง Citroen My Ami ที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 30,000 คัน แล้วในตอนนี้ นับตั้งแต่ที่มันถูกเปิดขายจริงเมื่อปี 2020
โดยจุดเด่นของ เจ้า My Ami Buggy เมื่อเทียบกับร่างต้นของมัน ก็คือการที่ในคราวนี้ ทาง Citroen ได้ทำการปรับแต่งหน้าตาเปลือกนอกของมันใหม่ จากเดิมที่เป็นเพียงรถโดยสารขนาดเล็กสำหรับคนสองคนธรรมดาๆ ให้กลายเป็นรถคันจิ๋ว ที่ดูน่าลุยมากขึ้น ด้วยการติดตั้งโครงเหล็กกันชนเข้าไปตามชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งไฟหน้า-ไฟท้าย, ด้านหน้า-ด้านหลังตัวรถ ตามด้วยการใส่บาร์ไฟ LED และกันสาดเหนือกระจกมองหน้า
พร้อมกันนี้ยังติดตั้งรางเหล็กเหนือหลังคาพร้อมล้ออะไหล่ ซึ่งเป็นล้อกระทะเหล็กรัดด้วยยางหนาม เช่นเดียวกับชุดล้อทั้ง 4 ของตัวรถ, และยังมีการถอดประตูทิ้งไป เพื่อความสะดวกในการลุกออก หรือเข้านั่งตัวรถ และการเข้าถึงช่องเก็บของใต้เบาะนั่ง ซึ่งทั้งหมดที่ไล่เรียงมา ล้วนทำให้มันน่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะชาวยุโรป แต่ยังถึงชาวไทยอย่างเราๆกันเองด้วย
แต่เมื่อถึงเวลาขายจริง เจ้า My Ami Buggy ก็ได้ถูกถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นชุดล้อ ที่แม้จะยังคงเป็นแบบกระทะเหล็ก แต่ก็รัดด้วยยางเรเดียลธรรมดาๆ, บาร์ไฟ LED และราวขนของบนหลังคาถูกถอดออกไป เหลือเพียงผืนผ้าใบไว้ปิดช่องว่างบนหลังคาเท่านั้น, ตัวโครงเหล็กกันชนต่างๆก็ถูกถอดออกไป, ไม่เว้นแม้กระทัง่ชุดเบาะนั่ง ที่เปลี่ยนมาใช้เบาะธรรมดา ไม่มีช่องเก็บของด้านล่างอีกต่อไป
ทว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ที่มากขึ้นอีกนิด ทางค่ายก็ได้มีการติดตั้งโครงเหล็กที่ทำหน้าที่เป็นบานประตูเข้าไป และยังคงใจดีใช้เฉดสีเขียวด้านดั้งเดิมกับตอนที่มันยังเป็นรถต้นแบบอยู่ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้มันยังคงได้กระแสตอบรับจากชาวยุโรปเป็นอย่างดี จนขายหมดทั้ง 50 คัน ภายในเวลาเพียง 18 นาที
และเนื่องจากมีผู้ผิดหวังจากการจับจองรถล็อตแรกไปมากพอสมควร จึงทำให้ทาง Citroen ตัดสินใจที่จะลงทุนผลิตเจ้า My Ami Buggy นี้เพิ่ม ด้วยโควต้าจำนวนการผลิตที่มากขึ้นอีกหลายเท่าตัวเป็น 1,000 คัน
แต่เพื่อไม่ให้มันมีหน้าตาที่ซ้ำกันกับรถล็อตแรกก่อนหน้านี้มากเกินไป ทางค่ายจึงได้มีการแย้มไว้อีกนิดหน่อยว่าสำหรับรถของผู้โชคดีทั้ง 50 คันแรก นั้น จะมีลูกเล่น หรือจุดเด่นบางอย่างที่ต่างจากอีก 1,000 คัน ที่ถูกเปิดจองในภายหลังด้วย เพื่อให้รถล็อตแรกมีความพิเศษอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ในฝั่งลูกเล่นที่ว่านั้น หลายฝ่ายเชื่อว่า คงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคนิคของตัวรถมากเท่าไหร่นัก และเชื่อว่าตัวรถทั้ง 1,000 กับอีก 50 คัน จะยังคงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5.5 kWh ที่รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 74 กิโลเมตร เท่าเดิม แม้แต่มอเตอร์ไฟฟ้า ก็ยังแรงพอที่จะทำให้รถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหมือนเดิมเช่นกัน