หลังปล่อยให้ค่ายรถยนต์สัญชาติจีน และค่ายคู่แข่งเดินหน้ากวาดยอขายและยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าในไทยไปไกล ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าทาง Honda Automobile ก็ใกล้จะได้ฤกษ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถยนต์นี้กับเขาสักที
จากการรายงานของ นาย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กับสื่อ ประชาชาติ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ภาครัฐได้ประกาศและมีการบังคับใช้ในช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมานั้น มีผู้ผลิตทั้งฝั่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมนโยบายมากมาย
โดยล่าสุด ก็มีทาง ฮอนด้า รถยนต์ หรือ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่สนใจและเตรียมที่จะเข้าร่วมในโครงการเอ็มโอยูครั้งนี้ด้วยเป็นผู้ผลิตที่ 13 ของโครงการ จากก่อนหน้านี้ ที่มีทั้ง
- บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (MG)
- บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (GWM)
- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- บริษัท กรีน ฟิวเตอร์ จำกัด (Volt)
- บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เนต้า ไทยแลนด์ จำกัด
และอีก 3 บริษัทเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ได้แก่
- บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (Deco Green)
- บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด
- บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด
นอกจากนี้ อธิบดีกรมสรรพสามิต ยังเปิดเผยอีกว่า “ในปี 2565 นี้ เราคาดว่ายอดจองรถอีวีจะสูงถึง 25,000 คัน ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน และกรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์แล้ว ครั้งแรก 540 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุน 81 ล้านบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 1,297 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุน 194.5 ล้านบาท”
ส่วนในฝั่งตัวรถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่มีความเป็นไปได้สูงมากๆว่าทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จะนำเข้า หรือผลิต เพื่อวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นรุ่นแรกนั้น ก็คือร่างขายจริงของ Honda SUV e: Prototype ที่ทางค่ายได้มีการนำมาเผยโฉมแล้วก่อนหน้านี้ ที่งาน Motor Expo 2022 ซึ่งมันก็ได้รับความสนใจจากผู้ที่เข้าร่วมงานไปมากพอสมควร
และถึงแม้การปรากฏตัวของมันในไทยครั้งดังกล่าว จะเป็นการเปิดตัวในฐานะรถยนต์ต้นแบบ แต่ในความเป็นจริง มันกลับถูกวางจำหน่ายจริงๆไปก่อนแล้วในประเทศจีน ภายใต้ชื่อสำหรับการขายอย่างเป็นทางการว่า “Honda e:NP1 / e:NS1”
โดยหากอิงตามข้อมูลของตัวรถ Honda e:NP1 / e:NS1 ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน แท้จริงแล้วมันก็เหมือนกับ Honda HR-V ที่ถูกนำไปปรับปรุงใหม่ เพื่อให้รองรับกับขุมกำลังที่เปลี่ยนจากแบบไฮบริด เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งดึงกำลังมาจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100%
ดังนั้นสิ่งที่คุณสามารถสังเกตได้ทันที ก็คือการที่หน้าตาของทั้ง e:NP1 และ e:NS1 นั้นมีความใกล้เคียงกับ HR-V เป็นอย่างมาก เว้นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเช่น กันชนหน้าที่ไม่มีกระจังหน้าสำหรับดักอากาศเข้าเครื่องยนต์, โคมไฟหน้าที่กรอบดูเล็กลงนิดหน่อย, ลายล้อที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย, ไฟท้ายที่มีแถบกลางเชื่อมต่อกันเป็นเส้นตรง เพราะโลโก้ “H Mark” เปลี่ยนเป็นคำว่า “H o n d a” ใต้แนวแถบไฟดังกล่าวแทน
และนอกจากสัดส่วนตัวรถที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพื่อความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่มากกว่าหน่อย ขุมกำลังของมันก็แน่นอนว่าได้ถูกเปลี่ยนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดี่ยวสำหรับขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าเพียงอย่างเดียว โดยจะสามารถเบ่งพลังได้สองระดับ คือ 182 แรงม้า (PS) ใน e:NP1 และ 201 แรงม้า (PS) ใน e:NS1
และด้วยแบตเตอรี่ ขนาด 68.8 kWh ทำให้มันสามารถวิ่งได้ด้วยระยะทางไกลสุดต่อชาร์จที่ 500 กิโลเมตร
ทั้งนี้ รายละเอียดตัวรถทั้งหมดที่ไล่เรียงมา ยังเป็นเพียงรายละเอียดของตัวรถที่ถูกสร้างเอาไว้วางจำหน่ายในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งเมื่อมันจะถูกนำมาทำตลาดในประเทศไทยของเราจริงๆ มันอาจจะถูกเปลี่ยนทั้งชื่อรุ่น และอาจมีการปรับเปลี่ยนสเป็คทางเทคนิคใหม่อีกก็เป็นได้ แต่เชื่อว่าชาวไทยจะได้สัมผัสและใช้งานรถจริงๆภายในไม่เกินปลายปีหน้าแน่นอน