ถ้าคุณพูดถึงตลาดรถยนต์ประเทศอเมริกา เราต้องยอมรับว่าแดนลุงแซม เป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ ประเทศที่มีความแตกต่างกันมากมายหลายพื้นที่มากที่สุดในโลกนี้ เป็นแระเทศที่บริษัทรถยนต์หลายรายฝันหวานและอยากจะเข้าถึง แต่ว่าไม่ใช่รถทุกแบรนด์ที่จะจับใจลูกค้า แม้ว่าจะวางขายกันมายาวนาน
ถ้าไม่นับการตลาดที่ทุ่มงบสุดตัวเพื่อให้ลูกค้าก่อเกิดกระบวนการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในแบรนด์ของพวกเขา ตัวรถที่ขายเองต่างหากที่ถือว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญ และที่ผ่านมารถยนต์ Subaru ถือว่าเป็นที่สุดของรถยนต์ญี่ปุ่นและได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกันชน พวกเขามีตั้งแต่รถบ้านๆ ไปจนถึงรถขาแรง และทั้งหมดมาพร้อมความมั่นใจในการขับขี่
Subaru เริ่มเข้าสู่ตลาดอเมริกาตั้งแต่ปี 1968 โดยในปี 2012 วางจำหน่ายรถยนต์ทั้งสิ้น 7 รุ่น เป็นทั้งรถยนต์ทั่วไปและรถยนต์อเนกประสงค์ โดยในปีนั้น บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งสิ้น 2.3% แต่แม้จะฟังดูเยอะมากหากว่า เพียงแค่รถยนต์ Toyota Camry รุ่นเดียว ก็ทำยอดได้มากกว่า Subaru ทั้งบริษัทในอเมริกาเสียอีก
การเข้ามาเริ่มที่ตำแหน่งลำดับ 12 และคงเส้นคงวามาเรื่อย และมีลำดับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะหลัง ความสำเร็จของรถยนต์ Subaru ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืนและรวดเร็ว พวกเขาอาศัยเวลาเป็นตัวช่วยในการบอกว่ารถยนต์ของพวกเขาดี มากกว่าการดันด้วยการตลาดล้วนๆ เพียงอย่าง แบบที่รถยนต์แบรนด์อื่นทำ และได้การสนับสนุนที่ดีจากสื่อกลางชั้นนำ จน Subaru ในอเมริกาวันนี้มีความแข้งแกร่ง และเป็นตลาดอันดับที่ 1 ของแบรนด์
ปัจจัยสำคัญด้านที่ทำให้ Subaru ประสบความสำเร็จในอเมริกาอย่างล้นหลาม ก็หนีไม่พ้นคำชมจากสื่อกลางของผู้บริโภค Consumer Report ที่ออกมาเปรียบเทียบรถยนต์ Subaru เมื่อเทียบชั้นกับแบรนด์รถยนต์จากยุโรป ใน Auto Lease Guide ที่ออกมาบอกคุณค่า ความคุ้มค่าของรถยนต์ใหม่ที่จะซื้อในแต่ละปี และในปี 2011 ตอนนั้น Subaru เป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าจะซื้อ มีราคาขายต่อที่ไม่ย่อหย่อนลงไปมากนัก จนกลายเป็นรถยนต์คนให้ความสนใจ
ยิ่งในระยะหลังประเทศอเมริกา มีการกระตุ้นให้ตระหนัก เรื่องความปลอดภัยในการเลือกซื้อรถยนต์จากการทดสอบการชน จากหน่วยงานต่างมากมาย และ Insurance Institute for Highway Safety ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขึ้นชื่อว่าทดสอบรถยนต์ในเรื่องการชนได้เข้มข้นมาก แต่ Subaru ก็สามารถผ่านการทดสอบในระดับ Top Safety Pick ได้ทั้งบริษัท จนเรียกว่าเป็นบริษัทเดียว ที่สามารถผ่านการทดสอบการชนระดับดีเยี่ยมได้ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
รายงานจาก Fortune ระบุเรื่องที่น่าสนใจ ว่า ในปี 2012 Subaru ได้รับอานิสงค์สำคัญในการเปิดตัวรถยนต์ Subaru Impreza รุ่นใหม่ ออกวางจำหน่าย และมีราคาต่ำมากจนสามารถเบียดบังคู่แข่ง และทำให้คนที่รักและชอบแบรนด์ ซึ่งกำลังตัดสินใจซื้อรถ ตัดสินใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะผู้ซื้อรถยนต์คันแรกจะมีความภักดีต่อแบรนด์มาก
ตลอดจนช่วงเวลาเดียวกัน เป็นช่วงที่ Subaru BRZ รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตูเพิ่งจะเข้ามาเปิดตัววางจำหน่าย ราคาของมันอยู่ในจุดที่ถูกต้องสำหรับคนที่มองหารถสปอร์ที่มีสมรรถนะการขับขี่เหมาะสำหรับสนามแข่ง มันอาจจะเป็นแฝดคนละฝาของ GT86 แต่ก็ยังทำให้คนสนใจ รวมถึงส่วนสำคัญ คือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีผลกระทบน้อยต่อการใช้การตลาด โดยเฉพาะในอเมริกา ตลาดรถยนต์แบบซีดานกลางถือเป็นอีกตลาดที่สำคัญ ในขณะที่คู่แข่งเริ่มมีมากในตลาด Subaru Legacy ยังเป็นรถยนต์ซีดานกลางรุ่นเดียวที่ให้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นที่ผันตัวเองไปสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
และ Subaru ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว Subaru Outback รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่รุ่นใหม่จากพื้นฐานของ Subaru Legacy (Subaru Outback ขายมาตั้งแต่ 1995) และ ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายสุงสุด 95,357 คัน ตั้งแต่จากต้นปี 2012 จนถึงเดือนตุลาคม และยังไปสู่การจุดกำเนิด Subaru XV ในปี 2013
ในปี 2014 Subaru ประสบความสำเร็จตลอดทั้งปี ด้วยการแนะนำรถยนต์ Subaru Forrester ใหม่ ออกวางจำหน่าย โดยตลอดทั้งปีที่วางจำหน่าย Subaru Forester ใหม่ทาง ซูบารุทำยอดขายรถยนต์ Subaru Forester ในอเมริกาในปี 2014 ได้ 159,953 คัน ตามมาด้วยรถยนต์อเนกประสงค์ Subaru Outback ที่ยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง 138,790 คัน ตามมาด้วย Subaru Legacy และ Subaru WRX – WRX STi จนในกลายเป็นปีแรกที่มียอดขายทั้งสิ้น เกิน 5 แสนคัน
Tom Doll น่าจะเรียกว่าเป็นผู้บริหารคนสำคัญที่แจ้งเกิด Subaru ในอเมริกา คุณอาจจะพบผู้บริหารบริษัทรถยนต์มามามากมาย แต่ Tom วัย 61 ปี (ในตอนที่ให้สัมภาษณ์) น่าจะเป็นคนที่เรียกว่ารักแบรนด์มากพอๆ กับที่เขาสร้างแบรนด์ Subaru ให้เติบโตแข็งแรง เขาไม่เคยทำงานให้แบรนด์รถยนต์รายอื่นๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญของ Subaru ก็มาจากการปรับทิศทางที่มากกว่าการทำธุรกิจ tom อยู่มาตั้งแต่สมัยปี 1980 ยุคที่ Subaru เกือบตายจากอเมริกา แล้วก็มาพลิกฟื้นได้จากการมาของ Subaru Outback
Tom คือคนที่เปลี่ยน Subaru ให้กล้าแกร่งในอเมริกา เมื่อเขามีโอกาสเข้าพบกับผู้บริหารระดับสูงที่ญี่ปุ่น ที่สนใจเรื่องของแรงม้าและราคาจำหน่าย แต่ทอมชี้ว่า ทำไมเราไม่สนใจเรื่องที่คนรักรถของพวกเขา แล้วคิดที่จะสร้างชุมชนคนใช้ Subaru ขึ้นมา
ทอมได้กล่าวกับ Bloomberg ในบทสัมภาษณ์ เมื่อต้นปี 2015 ว่า ผมเข้าใจว่า “เราไม่มีทางที่จะแข่งกับบริษัทใหญ่ในเกมของพวกเขาได้” และตอนนั้นเขาได้งานเป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในอเมริกาเหนือ และเขามีเวลาเพียง 3 ปี ในการสร้างสิ่งที่เขาได้พูดไว้กับผู้บริหารชาวญี่ปุ่น
“ถ้ามันไม่สำเร็จ ผมคงจะไปนานแล้ว และแน่นอนผมไม่คิดว่าเราจะมีปัญหาเรื่องราวทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในตอนนั้น”
ยิ่งกว่านั้น ในปี 2007 Subaru ซื้อใจลูกค้า ด้วยการตัดราคาจำหน่ายรถยนต์ลงเพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ต้องรถยนต์ของพวกเขา และขอความร่วมมือตัวแทนจำหน่ายในอเมริกา ในแสดงความรักต่อสังคม เช่นการร่วมงานบริจาคสิ่งของ ช่วยเหลือคุกกี้ลูกเสือเนตรนารี หรือจะเป็นการรับเลี้ยงสุนัขจรจัด สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Subaru เติบโตได้ในจิตใจอเมริกา มากกว่าแค่ทุ่มงบลงไปทำการตลาด และทำดอกเบี้ยให้น้อยลงเพื่อให้คนเลือกซื้อ
Doll กล่าวทิ้งท้ายว่า ในหลายๆทาง ผมว่าเราสร้างชาติ Subaru กันเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องของจิตใจและหัวใจที่ทำให้วันนี้เรายืนในใจใครหลาย
Subaru ในใจคนอเมริกา ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ที่ดีขับแล้วมั่นใจในทุกเส้นทาง แต่มันคือการให้ “ความรัก” ทั้งในยามขับขี่ที่คุณจะมั่นใจได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะจากสมรรถนะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ความปลอดภัย และการตอบสนองในการใช้งานที่ครบถ้วนสมบูรณ์
มันไม่น่าแปลกใจเลยที่วันนี้ Subaru อาจจะเป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในอเมริกา พวกเขาต่างจากค่ายญี่ปุ่นรายอื่นตรงทำรถให้เป็นที่รักของคน มากกว่าแค่สร้างรถแล้วขายมันให้คนใช้
อ้างอิงการสัมภาษณ์ Tom Doll – Bloomberg
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com