Home » Porsche 911 GT2 RS โฉมถัดไป เตรียมใช้ขุมกำลังไฮบริด พกม้าทะลุกำแพง 700 ตัว
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Porsche 911 GT2 RS โฉมถัดไป เตรียมใช้ขุมกำลังไฮบริด พกม้าทะลุกำแพง 700 ตัว

หลังการเปิดตัว Porsche 911 GT3 RS (991.2) ไปเมื่อปีก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาสักที ที่จะเริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรุ่นท็อปสุดของห่วงโซ่ตระกูล “GT2 RS” ถูกอัพเดทออกมาบ้าง

จากการรายงานโดยสื่อ Autocar ระบุว่า หลังจากที่ทาง Porsche ได้มีการเปิดตัว 2023 Porsche 911 GT3 RS (992.1) ไปแล้วเมื่อปลายปีก่อน ตอนนี้ทางค่ายก็ได้เริ่มเดินหน้าพัฒนารุ่นอัพเกรดรหัส “GT2 RS” ที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นบนสุดของรถยนต์จากตระกูล 911 ต่อแล้ว เพื่อวางขายมันแบบจำนวนจำกัดภายในปี 2026

โดยใจความสำคัญของการพัฒนาตัวรถในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การพัฒนาในเรื่องชุดบอดี้พาร์ทภายนอก ที่ต้องถูกออกแบบให้จัดเต็ม ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุด ไปจนถึงการปรับปรุงรายละเอียดชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆใหม่ ให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นยิ่งกว่า 911 GT3 RS ขึ้นไปอีกขั้นเท่านั้น

แต่ยังเป็นการอัพเกรดขุมกำลังให้แรงขึ้นจากรุ่นพี่ 911 GT2 RS (991.2) เมื่อปี 2017-2019 ที่เคยมีแรงม้าพกติดตัวมา 700 PS หรือ 690 HP ให้กลายเป็น 710 PS หรือ 700 HP ในตัวน้องใหม่ ที่จะใช้พื้นฐานของ 911 รหัสตัวถัง 992.1 อีกด้วย

911 GT3 RS

แน่นอน การปรับจูนเพิ่มแรงม้า จากเครื่องยนต์ 6 สูบนอน ความจุ 3.8 ลิตร ของ 911 Turbo S (992.1) เพื่อให้มันมีพละกำลังสูงสุดที่มากขึ้นกว่า เครื่องยนต์ 6 สูบนอน ความจุ 3.8 ลิตร เทอรโบคู่ ของรุ่นพี่ 911 GT2 RS (991.2) อาจฟังดูเป็นเรื่องปกติ

แต่อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี ว่าในช่วงหลายปีมานี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เหล่าภาครัฐของนานาประเทศในทวีปยุโรป ได้มีการบังคับใช้กฏหมายการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นมาก จึงทำให้การใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปเทอร์โบภายในเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อข้อบังคับในข้างต้นอีกต่อไป

ดังนั้น เพื่อให้เครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบคู่ แรงม้าสูงลูกใหม่นี้ สามารถผ่านมาตรฐานมลพิษสุดเข้มงวดไปได้ ทาง Porsche จึงเตรียมที่จะติดตั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อช่วยกันทำงาน และลดภาระเครื่องยนต์ในบางจังหวะ ด้วยลักษณะการทำงานแบบ Mild-Hybrid เข้ามา เพื่อให้ค่าการปล่อยมลพิษอยู่ในกรอบที่ภาครัฐในทวีปยุโรปกำหนดไว้พอดิบพอดี และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีนี้ จะเป็นการดัดแปลงมาจากตัวแข่งเลอมังส์ Porsche 919 Hybrid เลยทีเดียว

และในขณะที่ มันจะกลายเป็นรถยนต์ตระกูล 911 คันแรก ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริด ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ สาเหตุที่ทาง Porsche เลือกที่จะไม่ใช้ระบบไฮบริดแบบอื่นซึ่งมีประสิทธิภาพเชิงกำลังมากกว่า อย่าง HEV หรือ PHEV เหมือนกับที่แบรนด์ซุปเปอร์คาร์อื่นๆทำกัน ก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักโดยไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด

โดยโจทย์การพัฒนาขุมกำลังใหม่ด้วยการเสริมระบบไฮบริดเข้าไปในครั้งนี้นั้น ทาง Autocar ระบุว่า Porsche ได้มีการตีกรอบน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากระบบดังกล่าวไว้ให้ไม่เกิน 100 กิโลกรัม ซึ่งแม้อาจจะไม่ได้ดูมากมายเท่าไหร่นักในสายตาคนทั่วๆไป แต่สำหรับรถที่เกิดมาพร้อมภาพลักษณ์ “สปอร์ตสนาม” อย่าง GT2 RS ในความจริงน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม ก็มีผลต่อเวลา และสายตาของลูกค้าสายซิ่งมากพอแล้ว

และถึงแม้จะบอกว่าระบบไฮบริดที่เพิ่มขึ้นมา คือระบบ Mild-Hybrid ที่มีหน้าที่เพียงช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ในจังหวะที่เดินคันเร่ง เพื่อแซงคู่แข่งด้านหน้า หรือในจังหวะที่ต้องรีบทำเวลาออกจากโค้ง เท่านั้น ไม่ได้ช่วยผ่อนกำลังเครื่องยนต์ในจังหวะที่รถมีความเร็วคงที่

แต่ตัวแบตเตอรี่ 400 โวลท์ที่ให้มา ก็อาจจะมีความสามารถในการจุไฟที่มากพอจนมันสามารถใช้โหมดการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน เพื่อลดการรบกวนชาวบ้านชาวช่องในละแวกใกล้เคียง หรือฝูงชน ตอนที่เจ้าของอยากเอารถไปอวดในงานโชว์ แต่ไม่ต้องการประกาศศักดามากไปด้วยสุ้มเสียงอันแสบหูจากเครื่องยนต์ก็ได้

https://youtu.be/C3kl6A_053Q

สุดท้ายคือเรื่องระบบส่งกำลัง ที่ดูเหมือนท้ายที่สุด ทาง Porsche ก็จะยังคงให้ขุมกำลังลูกใหม่นี้ เลือกทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ PDK 7 สปีด เช่นเดิม เนื่องจากมันเป็นระบบส่งกำลังเพียงแบบเดียวที่สามารถเอาพละกำลังอันมหาศาลของเครื่องยนต์ได้อยู่หมัด ไม่เหมือนกับระบบเกียร์ธรรมดา ที่ลูกค้าบางส่วนกันยังคงถวิลหา

นอกจากนี้ แม้มันจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยกันทำงานแบบไฮบริด แต่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าที่ว่า ก็จะถูกติดตั้งให้ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ เพื่อไปยังล้อหลังเท่านั้นอยู่ดี หรือก็คือหมายความว่ามันจะไม่ใช่รถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แต่อย่างใด และยังคงมาพร้อมกับการถ่ายน้ำหนักตามฉบับรถเครื่องยนต์วางท้ายแบบ 39 : 61 ดังเดิม

และเนื่องจากแหล่งข่าวต้นทาง ระบุว่า Porsche 911 GT2 RS (992.1) จะถูกวางจำหน่ายในฐานะรถยนต์โมเดลปี 2026 ดังนั้น อย่างช้าที่สุด เราจึงมองว่ามันอาจจะถูกเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งในระหว่างนี้เราอาจมีข้อมูลใหม่ๆของมัน มาอัพเดทให้ทุกท่านได้รับทราบกันเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.