หลังจากมีทั้งภาพสิทธิบัตร และภาพหลุดต่อเนื่องนานหลายเดือน ล่าสุด Toyota Tacoma โฉมใหม่ปี 2024 ก็ได้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา
Toyota Tacoma 2024 รุ่นใหม่นี้ ถือเป็นการปรับโฉมใหม่แบบ All-New ในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่โครงสร้างภายใน ที่คราวนี้หันไปพัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA-F ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทาง Toyota เคยใช้มาแล้วกับกระบะพี่ใหญ่ Tundra และอเนกประสงค์ยักษ์ Sequoia
โดยแพลตฟอร์มใหม่นี้ หลักๆแล้วจะมาพร้อมกับจุดเด่นใหม่หลายรายการ เช่นการใช้โครงสร้างเหล็กกล้าแบบ Ladder Frame ที่จะถูกขึ้นโครงด้วยวิธี “เชื่อมเลเซอร์” ที่มีความแม่นยำ เที่ยงตรงมากกว่า ส่วนตัวดามกลางโครงก็มีความแข็งแกรงมากขึ้น แม้แต่ตัวแร็คบังคับเลี้ยว ก็ยังเป็นแบบใหม่ ที่มีความแข็งแรง และยังช่วยให้การควบคุมตัวรถเป็นไปอย่างเฉียบคม มั่นคงมากขึ้น
ด้านระบบกันสะเทือน ทาง Toyota ไม่ได้มีการเปิดเผยความเปลี่ยนแปลงอื่นใดมากนัก เว้นเพียงแต่การระบุว่า ตัวรถแต่ละรุ่นย่อย ต่างก็จะได้รับการปรับเซ็ทการทำงานของระบบกันสะเทือนแตกต่างกันไป เพื่อให้มันเข้ากันกับรูปแบบการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่นบนๆ ที่ระบบบกันสะเทือนด้านหลัง จะถูกเปลี่ยนระบบกันสะเทือนหลัง จากแบบแหนบธรรมดา เป็นแบบช่วงล่างมัลติลิงค์ และการเล่นใหญ่ด้วยโช้กโมโนทูบจาก Bilstein พร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก แถมยังมาพร้อมกับระบบแปรผันค่าไฟฟ้า ที่จะคอยแปรผันความหนืดให้เหมาะกับสภาพถนนที่ขับผ่านไปอีก
และในขณะที่ชุดล้อ จะมีให้เลือกตั้งแต่ ขอบ 17 นิ้ว แบบล้อกระทะเหล็ก ไปจนถึงล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว และ 18 นิ้วตามลำดับ พร้อมออพชันใส่ยางทางฝุ่นขนาด 33 นิ้ว ฝั่งระบบเบรกของมัน ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นแบบดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อในทุกรุ่นย่อย ไม่มีการใส่ดรัมเบรกมาให้สำหรับชุดล้อคู่หลังอีกต่อไป
ด้านขุมกำลังของตัวรถเอง ก็เรียกว่าจัดเต็มตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเช่นกัน เพราะจากเดิมที่เคยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ กำลังสูงสุด 161 PS กับแรงบิด 244 นิวตันเมตร คราวนี้มันก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 231 PS กับแรงบิดสูงสุด 329 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ขุมกำลังถัดมา คือเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เทอร์โบ เช่นกัน แต่ด้วยการปรับจูนกำลังแบบรหัส “i-Force” จึงทำให้มันสามารถทำกำลังสูงสุดได้ 282 PS กับแรงบิดสูงสุด 429 นิวตันเมตร ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
แต่หากเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มันก็จะถูกดร็อปกำลังลงเล็กน้อย เหลือ 274 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 420 นิวตันเมตร ทว่าตัวรถรุ่นเกียร์ธรรมดานี้ ก็จะได้ระบบคุมรอบเครื่องยนต์อัตโนมัติ ให้สัมพันธ์กับการขึ้นลงเกียร์ (คล้ายระบบ iMT ของ Hilux Revo ในบ้านเรา) และมีระบบป้องกันเครื่องยนต์ดับ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าด้วย
ส่วนขุมกำลังรุ่นบนสุด จะเป็นเครื่องยนต์ Hybrid i-Force Max ซึ่งจะผสานการทำงานระหว่างเครื่อยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เทอร์โบ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่จะคอยดึงไฟจากแบตเตอรี่นิกเกิลไฮไดรด์ ขนาด 1.87 kWh ส่งกำลังผ่านไปยังชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
จากการผสานการทำงานทั้งหมด ส่งผลให้ขุมกำลังชุดนี้ สามารถทำกำลังสูงสุดรวมกันได้ 331 PS และมีแรงบิดสูงสุดอีก 630 นิวตันเมตร ซึ่งนั่นถือว่าแรงกว่าขุมกำลังสุดแรงของรุ่นก่อนหน้า ที่เป็นเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตรเสียอีก
และนอกจากชุดเกียร์ที่จะมีให้เลือกตามแต่ชนิดขุมกำลัง ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง กับระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ก็จะเป็นออพชันพื้นฐานในทุกรุ่นย่อย ส่วนลูกค้าที่เลือกซื้อรถพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีเสริมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ฝากไฟฟ้า 2 สปีด (4H-4L), ระบบป้องกันล้อลื่นไถลอัตโนมัติ
ไม่เพียงเท่านั้น ในรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ก็จะได้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อเช่นกัน แต่จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time พร้อมระบบล็อคเพลากลาง และระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้าในรุ่นตัวลุยทั้งหลายอีก
ด้านงานออกแบบภายนอกรอบคัน Tacoma 2024 ก็มาพร้อมกับการปรับงานออกแบบเปลือกนอกใหม่ทั้งหมด โดยลดเส้นสายที่โค้งมน แต่บึกบึนเหมือนมีมัดกล้ามรอบคันทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยเส้นสายใหม่ ที่ดูมีความเป็นเหลี่ยมสันชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่หัวจรดท้าย
ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชุดกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม ที่ดูเล็กลงกว่าเดิม, กันชนหน้าที่ดูดุดันกว่าเดิม, ไฟหน้า LED กรอบเหลี่ยมแบบใหม่ พร้อมแถบช่องดักลม(หลอก)ด้านล่าง, คิ้วซุ้มล้อขอบเหลี่ยมตัดสันเป็นเส้นแข็งกว่าเดิม, และเส้นสายอื่นๆรอบคันอีกมากมาย ที่ทำให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะช่วงท้ายรถ กับหลังคาที่มาพร้อมกับลิปสปอยเลอร์ในตัว และตัวหลังคาที่ว่ายังมีช่องสำหรับต่อแร็คถูกทำมาให้ตั้งแต่ออกโรงงานเพื่อความสะดวกของลูกค้าด้วย ส่วนชิ้นงานพลาสติกชายล่างกันชนหน้าขนาดใหญ่ เป็นออพชันที่มีให้เฉพาะบางรุ่นเท่านั้น
งานออกแบบภายในห้องโดยสาร แม้จะบอกว่าถูกปรับใหม่ แต่ในความจริงแล้วมันคืองานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ Toyota Tundra ทั้งพวงมาลัยแบบใหม่, หน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.4 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 7 นิ้ว ในรุ่นเริ่มต้น และจะขยับขึ้นไปเป็น 8 นิ้ว กับ 14 นิ้ว สำหรับตัวรถรุ่นบน
ซึ่งจอทั้งหมดจะรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ผ่านระบบ Android Auto และ Apple CarPlay ส่วนการชาร์จโทรศัพท์มือถือก็มีทั้งผ่านแท่นชาร์จไร้สาย และสาย USB-C และหากเป็นรุ่นบนรหัส Limited ยังจะได้ชุดลำโพงจาก JBL พร้อมลำโพงพกพา ที่สามารถถอดยกออกมาจากคอนโซลกลาง ไว้วางตั้งบนโต๊ะ ขณะแคมปปิ้งได้อีก โดยแก็ดเจ็ทนี้เป็นของที่สร้างขึ้นมาเพื่อเจ้า Tacoma โดยเฉพาะ
นอกจากเทคโนโลยีต่างๆภายในห้องโดยสาร มันยังมีลูกเล่นที่สามารถใช้งานได้จริงอีกมากมาย ทั้งมือจับสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ข้างแท่นคันเกียร์, ช่องเก็บของขนาดใหญ่, เบาะผู้โดยสารตอนหลัง สามารถพับเก็บได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระในห้องโดยสาร
ในด้านเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในการขับขี่ ก็จะมีทั้ง ระบบ Downhill Assist Control, ระบบ Multi-Terrain Monitor, ระบบ Multi-Terrain Select System ที่สามารถทำงานได้ทั้งในโหมดการขับเคลื่อนแบบ 4WD-High และ 4WD-Low, ระบบ CRAWL Control หรือระบบที่ช่วยให้การตะกรุยพื้นขรุขระต่างๆเป็นไปอย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ปิดท้ายด้วยระบบ ADAS ที่ให้มาเป็น ระบบ Toyota Safety Sense 3.0 ซึ่งจะประกอบไปด้วย Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (Adaptive Cruise Control หรือระบบล็อคความเร็วแบบแปรผัน), Lane Tracing Assist (Lane Centering ระบบรักษาการอยู่กลางเลน), และ Pre-Collision System with Pedestrian Detection (ระบบป้องกันก่อนการชน และระบบป้องกันการใช้คันเร่งผิดวิธี, Automatic High Beams, Road Sign Assist, และ Proactive Driving Assist
ทั้งนี้ ทาง Toyota ยังไม่มีการเปิดเผยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Toyota Tacoma 2024 ออกมา ส่วนความเป็นไปได้ที่ว่า งานออกแบบและพื้นฐานโครงสร้างของมัน อาจถูกนำมาดัดแปลงเป็น Toyota Hilux Revo รุ่นใหม่ในบ้านเราด้วยหรือไม่ ? ยังต้องรอติดตามดูกันต่อไป