ผ่านไปเกือบ 7 ปี นับตั้งแต่ BMW Series-5 เจเนอเรชันที่ 7 รหัส G30 ได้ถูกเปิดตัวและทำตลาด ล่าสุด ก่อนเข้าปี 2024 ทางค่ายก็ได้ทำการเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 8 ของมันออกมา ด้วยรหัสประจำตัว G60
2024 BMW Series-5 รหัส G60 มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ในแทบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานออกแบบภายนอก ที่แต่เดิม ในส่วนรุ่นพี่เจเนอเรชันที่ 7 ก็ถูกปรับเสริมเพิ่มความทันสมัย และใส่ความโฉมเฉี่ยวเข้าไปในตัวรถที่ถูกปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ (MY2021 เป็นต้นมา) มากพอแล้ว
คราวนี้ ในตัวรถเจเนอเรชันที่ 8 ก็ยิ่งถูกใส่ความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวให้กับตัวรถมากขึ้นไปอีก ราวกับว่ามันคือ BMW Series-3 ที่มีตัวถังใหญ่กว่า และมีเส้นสายหรูหราขึ้นมากกว่ากันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หาได้เป็นเส้นสายที่เน้นแต่ความขึงขังเหมือน BMW Series-7 ไม่ และนั่นถือว่าดีมากๆเลยทีเดียว เพราะมันไม่ต้องสืบทอดกระจังหน้าไตคู่ชิ้นเขื่อง และไฟหน้าแบบแยกส่วนบนล่าง จากรุ่นพี่มาด้วย
ด้านงานออกแบบภายในห้องโดยสารเอง ก็ยังถูกปรับเปลี่ยนรายละเอียดใหม่เกือบทั้งหมด เพราะแม้คอนโซลหน้า จะยังคงใช้เส้นสายแบบเหลี่ยม นูนตรงกลาง แต่มันก็มาพร้อมกับพวงมาลัยที่ถูกปรับรูปทรงใหม่ ให้เป็นแบบ D-Shape ซึ่งดูสปอร์ตยิ่งขึ้น
ชุดหน้าจอ Curve Display แบบกึ่งลอยตัว ซึ่งจะเชื่อมต่อกันระหว่างชุดจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14.9 นิ้ว กับจอแสดงผลข้อมูลมาตรวัดของผู้ขับขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งมีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ คือระบบเกมคอนโซลที่ผู้โดยสารสามารถดาวน์โลหดเกมไว้เล่นในรถได้ แต่จะทำได้เฉพาะเมื่อรถจอดอยู่กับที่
และในส่วนแผงควบคุมระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารที่อยู่ใต้แนวจอ ก็ถูกปรับเป็นแบบระบบสัมผัส ทว่ามันจะมีให้เป็นออพชันพื้นฐานเฉพาะรุ่นที่ใช้ขุมกำลังไฟฟ้า 100% อย่าง i5 เท่านั้น
ด้านแท่นคอนโซลกลาง ก็จะถูกปรับรายละเอียดด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มจากการถอดเอาคันเกียร์ดั้งเดิมทิ้งไป แล้วแทนด้วยสวิทช์โยกขนาดเล็ก ที่ทำให้ตัวรถดูสะอาดตามากกว่า
ส่วนตัวลูกบิด iDrive ที่ยังคงมีมาให้ แท้จริงแล้วก็เหมือนใส่มาเพื่อความภาคภูมิใจของทาง BMW เท่านั้น เพราะทางค่ายระบุว่า ด้วยการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์อินโฟเทนเมนท์ใหม่ เป็น iDrive 8.5 กับการอัพเดทระบบสังเกตท่าทางผู้ใช้ภายในห้องโดยสาร จึงทำให้ตัวลูกบิดนี้ แทบไม่จำเป็นต่อการใช้งานอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ
สิ่งสุดท้ายภายในห้องโดยสาร ที่ต้องกล่าวถึงก็คือเบาะนั่งภายในห้องโดยสาร ที่ได้ถูกปรับแบบใหม่ ให้มันดูสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น แต่ทั้งนี้มันก็ยังคงถูกหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์จากพืชที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายเมื่อถึงเวลาอยู่ดี
ขุมกำลังของ BMW Series 5 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ จะมีออพชันให้ลูกค้าได้เลือก 4 แบบด้วยกันในตอนนี้สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มจาก
รุ่นวางเครื่องยนต์สันดาปภายใน เสริมด้วยระบบ Mild-Hybrid รหัส 530i และ 530i xDrive ที่จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 258 PS และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่พื้นถนนด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ซึ่งในจุดนี้ก็แล้วแต่ลูกค้าว่าอยากได้ระบบขับเคลื่อนแบบไหนตามความชอบของตนเอง
ถัดมาคือรุ่น 540i xDrive ที่จะได้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมให้กำลังสููงสุด 380 PS และมีแรงบิดสูงสุดที่ 540 นิวตันเมตร เมื่อผู้ใช้กดคันเร่งเต็มที่ และสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที
ส่วนอีก 2 ขุมกำลังที่เหลือ จะเป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับตัวรถรุ่นซึ่งใช้ขุมกำลัง ไฟฟ้า 100% หรือตัวรถรหัส i5 เท่านั้น ได้แก่ i5 eDrive40 ที่จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 340 PS กับแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่มีไว้ขับเคลื่อนเฉพาะล้อหลังเท่านั้นพร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 5.7 วินาที
ขณะที่อีกรุ่นคือ i5 M60 xDeive ที่จะได้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 261 PS เพิ่มเข้ามาขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งหากมันทำงานอย่างเต็มที่รพ่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าลูกหลังที่มีมาให้แต่แรกแล้ว มันก็จะสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 598 PS กับแรงบิดสูงสุด 795 นิวตันเมตร และสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.7 วินาที
และเนื่องจากในคราวนี้ ตัวรถมีรุ่นที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% รหัส i5 ด้วย ทำให้มันต้องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ นั่นคือแบตเตอรี่ขนาด 84.3 kWh ที่รองรับการชาร์จไฟจาก 10%-80% แบบ DC 205kw ได้นานสุดดำได้ภายในเวลา 30 นาที และรองรับระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จได้มากสุด 475 กิโลเมตร ในฝั่ง eDrive 40 และลดลงเหลือ 412 กิโลเมตร ในฝั่ง M60 xDrive
ในส่วนรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม และราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW Series-5 G60 ทั้ง 4 รุ่นย้อย ยังคงไม่มีการเผยตัวเลขออกมาใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้