สำหรับมือใหม่ที่พึ่งจะมีรถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถโฟว์วีลไดรฟ์เป็นครั้งแรกของชีวิตและตั้งใจที่อยากจะใช้ไปลุยบนเส้นทางหฤโหดสุดเหวี่ยงในวันหยุด
นอกจากใช้งานชีวิตประจำวันในวันทำงานแต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่ารถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อไม่ว่าจะเป็นปิกอัพ, เอสยูวี หรือกลุ่มรถอื่นๆที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทั้งแบบ Part Time, Full Time, All Wheel Drive ฯลฯ ถ้าหากไม่ใช้งานมันระบบทรานเฟอร์หรือส่วนต่างๆที่เกี่ยวเนื่องก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพตามมาแล้วแบบนี้จะเอารถคู่ใจไปยืดเส้นยืดสายกันที่ไหนดีผมมีที่หนึ่งอยากแนะนำเป็นที่ฝึกหัดทักษะการใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อแถมเป็นที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯนั่นก็คือ เขากระโจม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
เขากระโจมตั้งอยู่แนวสุดเขตภาคตะวันตกของไทยนอกจากเป็นที่ชมทะเลหมอกในยามเช้าแล้วเส้นทางที่ขึ้นลงนั้นสมบุกสมบันถึงใจคอออฟโรดโดยที่มาของชื่อเขากระโจม นั้นชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินบริเวณนี้มาก่อนเรียกชื่อว่า เขาลันดา คนไทยรุ่นที่ไปทำเหมืองแร่ดีบุกที่นั่นย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เห็นรูปลักษณะของเขาว่าคล้าย กระโจมอินเดียนแดง ก็เลยเปลี่ยนชื่อให้เป็น เขากระโจม โดยเป็นการเล่าจากคนในพื้นที่
2 ชั่วโมงกว่าๆจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่สวนผึ้ง ชมเขาชมธรรมชาติสวยๆเพียง 29 กม. ก็เข้าสู่เขากระโจม เดินทางไปกับรถออฟโรดสุดเท่อย่าง ISUZU V-Cross 4×4 ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part Time Terrain Command รถเดิมๆไม่แต่งเติมใดๆ พ่วงความปลอดภัยขั้นเทพอย่าง ADAS มาให้ก็พร้อมแล้วสำหรับการตะลุยท้าลมหมอกสำหรับผมเองครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 8 ปีการมาแต่ละครั้งมาเคาะสนิมวิชาทักษะออฟโรดที่เคยห่างหายไปให้กลับมาใช้อย่างชำนาญ
เริ่มต้นทางเข้าสองเลนสวนถนนที่เรียบแต่ไปลึกๆมีทางขุรขระที่ใช้ขับสองไม่ไหวก็เริ่มใช้ระบบขับสี่แบบ 4H เพียงหมุนเข้าไปได้ทันทีในที่รถเคลื่อนตัวขับมาสักระยะเมื่อทางถึงจุดกลับใจก็เปลี่ยนมาใช้ระบบ 4L ด้วยการหยุดรถให้สนิทเข้าเกียร์ N บิดปุ่มมาให้สุดหลังจากนั้นไฟโชว์จะปรากฎเพื่อบอกว่าเข้าสู่ระบบเป็นที่เรียบร้อย ความสนุกก็บังเกิดทันที กับเส้นทางที่หฤหรรษ์ จากจุดกลับใจราวๆ 2-3 กม. ก็มาถึงศาลเจ้าพ่อเขาคอด (ช่องเขาคอด) เพื่อมุ่งไปถึงจุดสูงสุดของเขากระโจมอีก 5 กม. เต็มไปด้วยทางขึ้นลงเนินทางหิน หลุม และจะแบบนี้ตลอดไป
ระหว่างทางโดยเฉพาะทางลงเนินก็ลองมาใช้ระบบ HDC หรือควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยควบคุมรถควบคุมความเร็วให้สม่ำเสมอขณะลงโดยหน่วงไว้ไม่ให้รถไหลลงอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางขึ้นไปจะเจอสภาวะลุยๆแบบนี้กันไปเรื่อยๆเมื่อหนักสุดๆ ปีนป่ายอาจไม่ไหว Diff Lock หรือล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าอีกตัวช่วยให้ตัวรถไปได้อย่างง่ายดาย
มาถึงจุดลุยน้ำที่มีความลึก 400-500 ม. แต่ถ้าหน้าฝนไม่แน่อาจสูงถึง 600-700 มม. ต้องบอกว่าคันนี้สบายๆเพียงแต่ก่อนจะลุยเพื่อลดภาระของเครื่องควรปิดระบบแอร์ไว้ลุยต่อเนื่องอย่าหยุดแต่ด้วยตัวรถที่สามารถลุยน้ำได้ 800 มม.เรียกว่าสบายหายห่วงและมาถึงจุดสำคัญก่อนถึงจุดสูงสุดนั่นก็คือเนิน 800 เป็นทางโหดสุด ด้วยอานุภาพของเครื่อง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ใช้งานได้ง่ายกำลังต่อเนื่องจนในที่สุดขับมาจนถึงจุดสูงสุดของเขากระโจม จุดชมวิวสามารถมองเห็นทั้งไทยและพม่า อากาศเย็นสบาย เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและตกในเวลาเย็น
ตลอดกว่า 10 กม.กับการขึ้นไปถึงเขากระโจมาสิ่งสำคัญในการขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อนั้นการคุมกำลังเครื่องคุมความเร็วให้สม่ำเสมอไม่เร็วมากไม่ช้ามากหรือ Walking Speed เพื่อให้ผ่านอุปสรรคที่เจอกันระหว่างทาง การจับพวงมาลัยแบบเปิดนิ้วโป้งตำแหน่งเก้านาฬิกาและสามนาฬิกาเหตุผลเพื่อไม่ให้นิ้วโป้งเกิดการบาดเจ็บในตอนที่สาวพวงมาลัย สำคัญสุดคือคนขับที่ขำนาญการมองไลน์ถนน การควบคุมกำลังเครื่องสม่ำเสมอ ก็ทำให้ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างสบายใจเรียกว่าเดินทางตั้งแต่ต้นจนจบรถไม่ช้ำ บันไดข้างและชุดแต่งไม่เสียรูป
เขากระโจมคือสนามทดสอบฝีมือชั้นดีที่บรรดามือใหม่หรือมืออาชีพมากฝึกทักษะขับออฟโรดเป็นใบเบิกทางในการตะลุยเส้นทางที่โหด ดุ ดิบกว่าอีกหลายแห่งในไทยแม้ทุกวันนี้เขากระโจมจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง ปลายทาง เส้นทางที่เคยเรียกโหดขั้นเทพทั้งทางหินขุรขระ ทางเนินสูงชัน แอ่งน้ำลึก เนิน 800 ก็กลายเป็นว่าขึ้นไปง่ายทางสะดวกขึ้นบางจุดเกลี่ยทางจนเรียบแม้กระทั่งรถขับเคลื่อนสองล้อยกสูงธรรมดาๆยังสามารถไปได้
ทั้งที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่ไปอย่างตัวผมที่ไปมานั้นไปช่วงเดือนพฤษภาคม ปลายร้อนต้นฝน ยังดีที่มีฝนเล็กน้อยแต่ถ้าไปช่วงฝนชุกรับรองทางเละไม่มีชิ้นดี แม้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อทุกระบบทุกรุ่นจะมีเป้าหมายเดียวกันคือพาไปถึงจุดหมายแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคนขับถ้ามีประสบการณ์การขับขี่รู้จักขีดความสามารถของรถก็ยิ่งทำให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย กับ ปิกอัพออฟโรดตัวจริงทุกเส้นทางอย่าง ISUZU V-Cross 4×4