แม้จะโดดเด่นในการทำรถกระบะขนาดใหญ่ระดับ Full-Size และยังไม่มีรถกระบะขนาดกลางในระดับ Mid-Size แต่ทาง RAM กลับเลือกมองข้ามและกระโดดมาทำรถกระบะขนาดเล็กแทน ด้วย 2024 RAM Rampage ที่พึ่งถูกเปิดตัวไปในช่วงข้างคืนที่ผ่านมา
หากไม่นับภาพสปายช็อตที่หลุดออกมาให้เห็นเป็นพักๆ 2024 RAM Rampage ก็ได้ถูกเผยที่เซอร์แรกไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา และตอนนี้มันก็ได้ถูกเผยโฉมออกมาแล้วเพื่อตีตลาดในทวีปอเมริกาใต้โดยเฉพาะ
และด้วยความเป็นรถกระบะขนาดเล็ก ที่มาพร้อมกับขนาดตัว ด้านยาว 5,028 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง, 1,886 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,780 มิลลิเมตร, และระยะฐานล้ออีก 2,994 มิลลิเมตร จึงจะเห็นได้ว่ามันคือรถกระบะที่มีขนาดเล็กกว่า Ford Ranger รุ่นล่าสุดลงไปอีกพอสมควร ด้วยตัวเลข -342 มิลลิเมตร ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะคู่แข่งทางการตลาดของมัน คือ Hyundai Santa Cruz, Honda Ridgeline, และ Ford Maverick ต่างหาก
โดยแม้ตัวรถจะเป็นกระบะขนาดเล็ก แต่ RAM ก็ยังคงใส่เอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้มากมายในเจ้า Rampage โดยเฉพาะในส่วนงานออกแบบ ที่ใครเห็นก็บอกได้อย่างชัดเจนว่ามันคือรถยนต์จากแบรนด์ไหน ทั้งกระจังหน้ากรอบ 6 เหลี่ยม และกรอบไฟหน้า พร้อมแถบไฟ DRL แรงบันดาลใจจากพี่กลาง RAM 1500, กันชนหน้าชิ้นงานพลาสติกด้าน พร้อมดวงไฟตัดหมอกและกรอบรูปทรงเดียวกับรุ่นพี่เช่นกัน แต่หากเป็นตัวรถรุ่น R/T ที่มีไว้เอาใจขาซิ่ง ก็จะมาพร้อมกับการทำสีกันชนหน้า และคิ้วขอบซุ้มล้อ ให้เป็นสีเดียวกับตัวถังแทน
ไม่เว้นแม้กระทั่งหน้าตาของแก้มข้างซุ้มล้อหน้าก็อิงเส้นสายจากรุ่นพี่ รวมถึงฝากระบะท้าย และไม่วายที่จะใส่ความเป็นชาตินิยม ด้วยไฟท้ายซึ่งมาพร้อมกับแถบดวงไฟ LED ด้านในซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับลายธงชาติสหรัฐอเมริกา
ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมกับงานออกแบบคอนโซลที่เกือบจะใกล้เคียงกับ Jeep Compass ที่เป็นรถอเนกประสงค์ในเครือเดียวกัน แต่ภายในของ Rampage จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆใหม่ให้ดูดีและทันสมัยกว่า โดยเฉพาะในส่วนของชุดหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ชุดหน้าจอมาตรวัดเอง ก็เป็นแบบ Full-Digital ขนาด 10.3 นิ้ว และยังเสริมความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารด้วยระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน 2 โซน, ระบบไวร์เลสชาร์จ, พอร์ทชาร์จ USB 6 พอร์ท, และที่เก็บของจุกจิกอีกมามายในห้องโดยสาร
หากแค่นั้นยังไม่พอ งานตกแต่งวัสดุหุ้มหนังต่างๆ ก็มีให้เลือกแตกต่างกันตามรุ่นย่อย ทั้งหนังสีดำ, หนังสีน้ำตาล, หนังซูเอด หรือหนังกลับ โดยทั้งหมดจะมาพร้อมกับระบบปรับตำแหน่งไฟฟ้าในฝั่งผู้ขับ, ตามด้วยออพชันสำหรับตัวรถรุ่นบนอย่างไฟแวดล้อม, ลำโพง 10 ตำแหน่งจาก Harman Kardon, เสริมความปลอดภัยด้วยระบบ ADAS ที่มีให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่เว้นแม้กระทั่งระบบ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go
และด้วยความที่ตัวรถ เลือกใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Unibody คล้ายกับรถเก๋ง เพื่อบ่งบอกว่าแท้จริงแล้วมันคือรถกระบะที่เน้นในเรื่องความสะดวกสบายของผู้ใช้ภายในห้องโดยสารระหว่างการเดินทางมากกว่าการบรรทุกของหนักๆ แต่น้ำหนักบรรทุกที่รองรับได้สูงสุด ก็ยังอยู่ในหลัก 1 ตันพอดี ไม่ได้ด้อยกว่ากระบะยอดนิยมสเป็คเดิมๆในบ้านเรา ที่ใช้โครงสร้างแบบ Body-On-Frame เท่าไหร่
ทำให้มันมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ McPherson Struts และด้านหลังแบบ Multilink แถมยังมีออพชันโหลดเตี้ยลงจากรุ่นพื้นฐานอีกเล็กน้อยที่ราวๆ 10 มิลลิเมตร หรือ 0.4 นิ้ว ติดมากับตัวรถรุ่น R/T รวมถึงสปริงกับโช้กที่แข็งและแน่นกว่าเดิมให้ลูกค้าได้เลือกกันด้วย
ส่วนชุดล้อก็จะมีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 17 นิ้ว, 18 นิ้ว, และ 19 นิ้ว แต่จะรัดด้วยยางหน้ากว้างเท่ากัน คือขนาด 235 มิลลิเมตร (แต่ความสูงแก้มยางก็จะลดหลั่นกันไปตามขนาดล้อ) และทุกคันจะได้ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อเป็นออพชันพื้นฐานติดมาเหมือนกันทั้งหมดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
ขุมกกลังของตัวรถมีให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร
ซึ่งทั้งสองขุมกำลังจะส่งกำลังไปยังชุดล้อทั้งสี่ (AWD + 4 Low Mode) ด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เหมือนกันทั้งหมด และพร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ดีที่สุด ด้วยตัวเลข 6.9 วินาที กับความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร ในรุ่น R/T
โดย RAM Rampage พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้เป็นที่แรกในโลก ณ ประเทศบราซิล ด้วยราคาระหว่าง 1.7-1.9 ล้านบาท แล้วแต่รุ่นย่อย ส่วนโอกาสที่มันจะถูกนำมาวางจำหน่ายในประเทศไทยของเรานั้นมีน้อยมากๆ ถึงขั้นไม่มีเลย เพราะทาง RAM ยังไม่มีความคิดที่จะมาบุกตลาดในบ้านเราเลยแม้แต่นิดเดียวจนตอนนี้