แม้จะมีการเปิดตัวรถซุปเปอร์คาร์ขุมกำลังไฮบริดออกมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ทาง Lamborghini ก็ยังคงเลือกที่จะไม่สร้างรถซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% ออกมา แต่ยืนยันที่จะนำขุมกำลังชนิดนี้ ไปใช้กับรถยนต์รูปแบบตัวถังอื่นก่อน

ย้อนไปในช่วงไม่กี่เดือนก่อน Lamborghini ได้ออกมาให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโปรเจ็กท์รถยนต์ไฟฟ้า 100% แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้น ยังเป็นเพียงการเปิดเผยข้อมูลแบบยังไม่เป็นทางการ แต่ล่าสุดทางค่ายได้ออกมายืนยันแล้วว่า รถยนต์คันแรกที่มาพร้อมกับขุมกำลังรูปแบบดังกล่าว ภายใต้แบรนด์ของตนเอง คือรถที่จะมาพร้อมกับตัวถังแบบ “2+2 Grand Tourer” และจะถูกเปิดตัวในช่วงปี 2028

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้แม้ในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่แบรนด์ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา ชาวโลกจะรู้จักพวกเขาจากการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ 2 ที่นั่ง แต่ทาง Lambirghini กลับมองว่า เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลกให้ความสนใจ กลับยังไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในรถประเภทนี้ในปัจจุบัน

นั่นจึงทำให้ตอนนี้ทางค่ายเลือกที่จะทำให้มันกลายเป็นรถยนต์แบบแกรนด์ทัวร์ที่เหมาะกับรูปแบบของขุมกำลังมากกว่า ทั้งในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งาน และหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องของน้ำหนักแบตเตอรี่ที่มีผลในด้านลบมากเกินไปสำหรับรถที่เน้นในเรื่องสมรรถนะการขับขี่เป็นหลัก อย่างรถซุปเปอร์คาร์

“สำหรับรถซุปเปอร์สปอร์ตคาร์(ไฟฟ้า)”, “เราเชื่อว่าในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของมัน” Rouven Mohr หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Lamborghini กล่าวในช่วงการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Mohr ยังระบุอีกว่า เทคโนโลยีระบบขุมกำลังที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกราวๆ 5-6 ปี ถึงจะดีพอสำหรับการนำมาใช้กับรถยนต์ของ Lamborghini ทว่านั่นหมายถึงเฉพาะรถที่เน้นการใช้งานเป็นหลักเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการทำเป็นขุมกำลัง หรือรูปแบบการขับเคลื่อนของรถซุปเปอร์คาร์ที่เป็นของเด่นเอกลักษณ์ของแบรนด์แต่อย่างใด

และหัวหน้าฝ่ายเทคนิครายนี้ ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจ็กท์ตัวรถ 2+2 Grand Tourer ที่ว่านี้ แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับสมรรถนะที่เปรียบเสมือนกับเกิดมาเพื่อเป็นดาวเด่นในสนามแข่งขัน แต่มันก็มีความเร็วมากเกินพอสำหรับการใช้งาน แค่ในจุดขายส่วนอื่นๆจองตัวรถเน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลักก็เท่านั้น

ซึ่งคล้ายกับ Lamborghini Urus ที่แม้จะเป็นรถอเนกประสงค์ แต่ก็ได้สมรรถนะที่แรงตามฉบับแบรนด์กระทิงดุ จนลูกค้าเปิดใจ และทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ไปแล้วในตอนนี้