ปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ได้สร้างเปิดตลาดรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น หนึ่งในนั้น คือ Honda Civic Type R ที่ทำให้หลายคน อือฮา ด้วยราคาไม่ถึง 4 ล้านบาท แต่อีกรุ่น หลายคนดูจะเมินไปอย่างน่าเสียดาย กับ Honda WR-V ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กพิกัด 4 เมตร ที่มุ่งเน้นตอบตลาดอินโดนีเซีย แต่มันก็มาวางขายในไทยด้วย
ชื่อของ Honda WR-V ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดอเมริกาใต้ เนื้อแท้ของมันพัฒนามาจาก Honda Jazz ที่ต้องการนำเสนอ ในรูปแบบรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก เริ่มเปิดตลาดในประเทศบราซิลก่อน และภายหลังมาเปิดขายที่อินเดีย
ไม่น่าแปลกใจนัก ที่รถยนต์รุ่นนี้ใช้ชิ้นส่วนหลายอย่างจาก Honda Jazz และ เป็นพื้นฐานให้รถรุ่นนี้ จะเรียกว่า Honda Jazz ยกสูง ก็คงไม่ผิดนัก
ทางฮอนด้า อาจเหมือนไม่ตั้งใจทำรถรุ่นนี้เท่าไรนัก ด้วยยอดขายก็ใช่ว่าจะปังมาก แค่นิยมในอินเดีย มันจึงเป็นไอเดียว่า รถรุ่นนี้อาจจะถูกจริต ตลาดบางประเทศ ที่มีคุณลักษณะคล้ายกัน นั่นคือ อินโดนีเซีย บ้านใกล้เรือนเคียงเรานั่นเอง
จริงๆรถอเนกประสงค์แบบนี้ได้รับความสนใจสำหรับหนุ่มสาวชาวอินโดนีเซีย และแน่นอน พวกเขาไม่รอช้าที่จะเอามันออกมานำเสนอ เมื่อมีโอกาส
ตั้งแต่ตอน Honda BR-V เปิดตัว ทางอินโดนีเซียเผยชัดว่า จะมีรถยนต์อเนกประสงค์อีกรุ่น และทันทีที่เปิดตัวในงานแสดงรถยนต์ที่อินโดนีเซีย เมื่อปีกลาย ภายใต้ชื่อ Honda SUV RS Concept ก็ได้รับความสนใจทันที
ที่มาที่ไป Honda WR-V ทางฟากฝั่งบ้านเรา เข้าใจว่า น่าจะมาจากการเห็น Honda Jazz ที่มีสไตล์แบบ MPV ประสบความสำเร็จมาตลอด 3 เจนเนอร์เรชั่น
แต่ด้วยในระยะหลัง ความต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ ก็เพิ่มขึ้นมาก และฮอนด้าก็เคยขาย Honda BR-V 5 ที่นั่ง เป็นความประจวบเหมาะที่ดี ที่จะทำรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง รุ่นใหม่ ออกมาขาย เป็นตัวตายตัวแทน Honda Jazz ที่ยุติการทำตลาดในกลุ่มอาเซียน
ยำใหญ่ภายนอก
ทันทีที่เปิดตัวรถรุ่นนี้ในไทย หลายคนจะดูถูกดูแคลนในแง่ราคาที่ ทำเอาสื่อบางคนถึงกับ ต้องบอกว่า “เอาหล่ะ แยกย้าย”
หากส่วนที่ผมสนใจคือ รถคันนี้เป็น Regional Car เกิดมาเพื่อคนในอาเซียน และที่สำคัญ การพัฒนาตัวรถกุมบังเหียน โดยคนในอาเซียนเอง ไม่ว่าจะหัวหน้าโครงการ “สาวชาวไทย” หรือจะเป็น “ทีมออกแบบที่คละๆกันมาทั้งไทย อินโดนีเซีย รวมถึง หลายประเทศ” มาร่วมกันพัฒนารถรุ่นนี้ อยู่แถว รามอินทรา – ปราจีนบุรี
กายภายนอก ดูครั้งแรกหลังเปิดตัวยังรู้สึกไม่โดนใจ ด้วยเหตุเหมือนยำใหญ่ จับเอกลักษณ์ รถฮอนด้าหลายๆรุ่นมารวมกัน
ตัว RS หรือ ตัวท๊อปสุด นำเสนอกระจังหน้าลายเกล็ด ถ้าคิดว่ามันคุ้นๆ ก็เพราะมันคล้ายกับ Honda HR-V นั่นเอง
ในส่วนของด้านข้างรุ่น RS ให้ล้อ 17 นิ้ว ลงตัวกับยาง Bridge Stone T005A ตอบการใช้งาน รุ่นนี้จะมีแดง Ignite Red ตอบโจทย์ลูกค้าด้วย มาพร้อมสไตล์ทูโทน บนหลังคานำเสนอราวหลังคาทรงเตี้ย เผื่อใครจะบรรทุกของก็พอได้
ชายล่างเพิ่มคิ้วขอบล้อสีดำด้านเข้ามา ให้รถดูลงตัวต่อการใช้งาน ให้ความรู้สึกลุย เป็นสิ่งที่ WR-V นำเสนอมานาน และยังเล่นรายละเอียดซ่อนมือจับ คล้ายของ Honda HR-V รุ่นก่อน ช่วยให้รถมีความดูดีมากขึ้น
ส่วนด้านท้าย เพิ่มความสปอร์ตด้วยไฟท้ายขนาดใหญ่ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร จนมองไปมา นี่มันไฟท้าย Honda Civic รึเปล่า ?
พอมองรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหมือนกัน โดยเฉพาะสีแดง เข้าท่าเข้าที กับสไตล์ทูโทนและ ล้อสีดำ ขนาด 17 นิ้ว เหมาะกับความเล็กน่ารักของมัน
ภายในยก BR-V
เปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสาร Honda WR-V ใหม่ จะพูดกันสรุป ก็แทบจะเอ่ยว่า ยกเซทมาจาก Honda BR-V ทั้งสิ้น ก็คงไม่แปลกเท่าไร เมื่อมันน่าจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน
อารมณ์ Honda WR-V หลายครั้ง เหมือน BR-V ที่ถูกตัดตูดทอนความยาว ให้มันเป็นรถ 5 ที่นั่ง ตอบการใช้งานคุณ
จริงๆรายละเอียดต่างๆไม่ได้หวือหวานัก มาพร้อมภายในสีดำ ไมล์เข็มพร้อมจอแสดงข้อมูล 4.2 นิ้ว พวงมาลัยขนาดกำลังพอดีมือไม่เล็กจนเกินงาม ในรุ่น RS มี Paddle Shift มาด้วย ตอบสนองทันใจผู้ขับขี่
ที่หลายคนรู้สึกแปลกๆ เพราะรถราคาเกือบ 8 แสนบาท แต่จอกลางกลับ มีขนาดเพียง 7 นิ้ว นั่นเล็กกว่า Honda City ในไทย ที่ใช้จอใหญ่กว่า 8 นิ้ว และมีลูกเล่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน
ยังดี ระบบปรับอากาศเป็นแอร์ออโต้ และเบาะนั่งทั้งคัน ได้หนังเป็นวัสดุหุ้ม มีสลับผ้าสีแดง ให้มันดูสปอร์ตบ้าง
พื้นที่นั่งโดยสารตอนหลังจัดว่าสบายในระดับหนึ่ง อาจจะไม่เว่อวังมาก แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้ ที่แน่ๆ มันสามารถติดตั้งเบาะนั่งเด็ก หรือ Car Seat ได้ จะติดเพียง การขึ้นลงผู้โดยสารไม่สะดวกเท่าไร ด้วยประตูไม่เปิดกว้างเท่า Honda Jazz และบานประตูค่อนข้างเล็ก
ฟังก์ชั่นเบาะหลังไม่มีอะไรหวือหวาเท่าใดนัก การพับเบาะเป็นเพียง Utility Mode พับได้เพียง 60/40 เท่านั้น
ถ้าจะถามว่า เบาะหลัง นั่งสบายไหม เรื่องพื้นที่สำหรับคนตัวใหญ่แทบไม่มีเหลือ แต่นั่งได้ เดินทางไกลได้ ติดเพียงที่รองนั่งเล็กตามขนาดตัวรถ เท่าที่ขับเดินทางในระยะ 100-150 ก.ม. เดินทางได้สบายมาก RS มีที่เท้าแขนมาให้ เพิ่มความสบายระดับหนึ่ง
ทางด้านการโดยสารตอนหน้า เบาะนั่งปรับมือทั้งหมดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และ เวลานั่งสองคน จะค่อนข้างรู้สึกใกล้ชิดสักหน่อยก็เท่านั้นเอง
รถคันนี้เป็นรถที่ห้ามคุณทำใครคนใดคนหนึ่งอารมณ์เสีย เพราะ มือไม้ถึงตัวไว้กว่าที่คิดแน่นอน ยังดีตัวเบาะ เป็น 2 ชิ้น ไม่จัดทำเป็นชิ้นเดียว แบบ Amaze
ส่วนห้องสัมภาระท้าย ก็มีขนาดใหญ่ระดับหนึ่ง จุของได้พอประมาณ ใส่รถเข็นเด็ก อะไรแบบนี้ได้สบายมาก กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว สัก 1-2 ใบ ก็ไหวอยู่
เอาเป็นใครใช้ชีวิตคนโสด เพื่อนไม่เยอะ ถือว่าโอเค พาก๊วนเดินทางได้สบาย เหมาะกับ วัยรุ่น หรือสายครอบครัวเดี่ยวลูกเล็กก็พอได้นะ ไม่ขี้เหร่เลย
การวิศวกรรม และการขับขี่
ตัวรถรวมๆ ในแง่การออกแบบและฟังชั่นไม่ได้มีอะไรหวือหวา แล้วการขับขี่จะน่าประทับใจไหมนะ …
ต้องบอกก่อนว่า ใต้เรือนร่าง ผมเชื่ออย่างสุดใจ ว่ารถรุ่นนี้ น่าจะใช้แพลทฟอร์ม ของ Honda BR-V อย่างแน่นอน แต่ใครจะตอบได้ ก็คงมีแต่วิศวกร ฮอนด้า ที่กุมความลับนี้อยู่เท่านั้น
สิ่งที่หลายคนแปลกใจ คือ ในขณะที่ประเทศไทย เรามี Honda City 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่มีราคาถูกกว่า แต่ Honda WR-V คันนี้ ราคาเริ่มต้นเกือบ 8 แสนบาทและจบที่ ราคา 8 แสนบาทกลางๆ ในตัว RS กลับหาญกล้าใช้ เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ขายลูกค้าเอาดื้อๆ แถมกำลัง แรงม้าและแรงบิดต่ำกว่า
ด้วยกำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลัง ลงชุดเกียร์ CVT ตามสไตล์ ฮอนด้ายุคใหม่ รุ่น RS มีระบบ Paddle Shift ให้ติดปลายนวมมาด้วย ไม่มีโหมดการขับขี่ใดๆ อยากสนุกก็เหยียบเอา อาจจะมีเกียร์ ที่ให้โหมด S มาด้วย เพื่อความมันส์ ในการขับขี่ แต่ไม่มีโหมดเครื่องยนต์ Econ / Sport มาให้สักอย่าง
พอฮอนด้า บอกคันนี้เครื่อง 1.5 นะ ทุกคน ก็ยี้ทันที เพราะวันนี้ในไทย มีเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ
แต่เอาความจริงบ้านเรานี่แหละ ตัวประหลาดในอาเซียน ด้วย Honda City บ้านอื่นเขาให้เครื่อง 1.5 ลิตร บล็อกนี้ทั้งนั้น แต่เดชะบุญ ฮอนด้าคนญี่ปุ่น รักคนไทยมากเป็นพิเศษ กอปรกับบ้านเรา เข้มเรื่องการปล่อยไอเสีย เลยได้เครื่อง 1.0 ลิตรเทอร์โบ เป็นเจ้าเดียวในตอนนี้ในเครือบ้านอาเซียน
ด้วยเหตุนี้ Honda WR-V เลยดู จะประหลาดในสายหลายคน รถ 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ N/A ขนาดกระจิ๋วเดียว ราคาตั้ง 8 แสนบาทกลางๆ และ ตัวเลือกในตลาดรถขนาดนี้ก็มีไม่น้อย ทั้งรถเก๋งอเนกประสงค์ เพียบไม่น่าแปลกใจเลย ท้ายสุดจะโดนมองข้ามเอาง่ายๆ จนบางเพจสายฮา เอาไปแซวว่า มันหายากกว่า Honda Civic Type R ด้วยซ้ำ
ลองขับจริง ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรบล็อกนี้ แม้จะเก่าและไม่ทันยุคสมัย ก็ยังเก๋าอยู่
ในแง่การตอบสนอง ซึ่งหลายคนไม่ค่อยชิน กับการขับขี่เครื่องดั้งเดิมแล้ว ด้วยเครื่องเทอร์โบก็มา ไฮบริดก็มี
เครื่อง N/A เดิมๆ ตอนนี้มีคลาส 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร ในบางรุ่นเท่านั้น สิ่งที่ Honda WR-V ใหม่ ได้เปรียบเพื่อนพ้องหลายรุ่น ก็ด้วยขนาดตัว และน้ำหนักตัวอันเบาหวิวของ มัน ทำให้ คุณสัมผัสได้ถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์
อันที่จริง ส่วนตัวผมแอบรู้สึกว่ามันเร่งดีกว่า Honda Jazz GK อาจจะด้วยการปรับปรุง การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า , และการปรับจูนเครื่องยนต์ รวมโปรแกรมชุดเกียร์บางประการ ทำให้ขับสนุกขึ้นอย่างน่าสนใจ และเมื่อรถเล็กตัวมันก็เบาหวิว น้ำหนักตัวเปล่าเพียง 1,143 กก.
ยิ่งในรุ่น RS มาพร้อมกับ ระบบ Paddle Shift ขยับนิ้ว เปลี่ยนเกียร์ เพิ่มการตอบสนองได้ทันใจ ดีต่อใจนักขับมากๆ
เรื่อ อัตราประหยัดนั้น ก็ไม่เป็นรองใคร ในบางมุม ส่วนตัว กลับรู้สึกว่า มันทำอัตราประหยัดการขับขี่ในเมืองได้ดี จนน่าตกใจ ในเมืองถ้าขับช้าๆ ไหลไปตามการจราจรเอื่อยๆ 50-60 ก.ม./ช.ม. อัตราประหยัด จะอยู่ที่ 15-16 ก.ม./ลิตร
ปัญหาคือ ถ้าคุณเจอการจราจรติดขัด แบบหยุดนิ่งสนิทนานๆ ด้วยการไม่มีระบบ idling Stop และตัวช่วยอื่น อาจเลวร้ายได้ถึงระดับเลขตัวเดียวในบางสถานการณ์ มันไม่น่าโสภาเท่าไรนัก
กลับกันขับทางไกล ใช้ความเร็ว 90-120 ก.ม./ช.ม. ขับเนียนๆไปเรื่อยๆ ตามการจราจร คุณอาจทำ อัตราประหยัดได้ สูงสุดถึง 17 ก.ม./ลิตร ด้วยซ้ำส่วนตัวมองว่าค่อนข้างประหยัดพอตัว
สนุกที่คล่องตัว หาใช่กำลัง
ความประหยัด เริ่มสร้างความประทับใจใน Honda WR-V ให้เราบ้าง หลายคนคงเริ่มคิดว่า ก็มันรถใช้งาน คงไม่ได้ให้ความบันเทิงอะไรหนักหนา เหมาะกับคนงบน้อยใช้สอยอย่างประหยัด อยากมีรถสักคัน
ผมจะบอกเลยว่า คุณกำลังคิดผิด เพราะ WR-V คือรถที่มุดสนุกที่สุด ตั้งแต่ทำอาชีพรีวิวรถมา
จุดเด่นของมัน คือสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นข้อด้อย นั่นคือ ตัวถังขนาดเล็ก ความยาวเพียง 4 เมตร เศษๆ แม้ว่ามันจะพอๆ กับ อดีต Honda Jazz หากจุดที่ไม่เหมือนกัน คือการจัดเลยเอาท์ ตัวถัง และจุดที่เรานั่งอยู่
ใน Honda Jazz เราจะนั่งอยู่ ค่อนไปทางด้านหน้า ด้วยการออกแบบ หน้าฝากระโปรงสั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร ให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
กลับมาทางเจ้าจิ๋วเราในวันนี้ ถ้าดูตัวรถ คุณจะพบว่า รถคันนี้มีหน้ากระโปรงที่ค่อนข้างยาวในระดับหนึ่ง และ ห้องโดยสารจะอยู่ตรงกลาง ค่อนไปข้างหลังเสียด้วย ตำแหน่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า แทบจะเรียกว่า อยู่ในจุดกึ่งกลางพอดีตัวรถ
ทำให้สมดุลน้ำหนัก เมื่อเราไปอยู่ในตำแหน่ง น้ำหนักจะอยู่แทบจะตรงกลาง สมดุลน้ำหนัก อยู่ในจุดที่ดี โดยเฉพาะ รถแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็น่าจะนั่งคน หรือ 2 คน มากกว่า
แต่การนั่งอยู่ตรงกลางตัวรถ มันยังมีข้อดี อีกอย่างคือ เวลาเราจะขับแซงรถ จะกะระยะค่อนข้างง่าย ยิ่งใครสายมุดจะเข้าใจดี รถที่มุดสนุก คือพวกรถสปอร์ต เพราะคนขับ จะนั่งอยู่ตรงกลางตัวรถพอดี จึงกะระยะง่าย เวลาเร่งแซง แล้ว ต้องไปปาดไปแทรกรถคันอื่นๆ (แต่ถึงรถมันจะทำได้ดี ก็หมายได้หมายความว่าเราจะแนะนำให้คุณทำ เพราะมันเสี่ยงอันตรายต่อผู้อื่น)
อย่างที่ผม พูดไป Honda WR-V มีขนาดตัวรถ ค่อนข้างสั้นเพียง 4 เมตรนิดๆ เมื่อเรามานั่งอยู่ตรงกลาง เท่ากับ เรามีระยะที่ต้องเผื่อตอนแซง อีกเพียง 2 เมตร เท่านั้น นับว่าค่อนข้างสั้นมาก หรือ ราวๆเพียงมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ 1 คัน
ผลคือ มันทำให้รถตอบสนองเวลาขับขี่มุดแทรกได้ดีเกินคาด ยิ่งการจราจรคับคั่ง แล้วคุณอยู่ในโหมดกำลังรีบ สามารถพลิกวิกฤติ เป็นโอกาส ผ่านการจราจรคนเมืองไปถึงที่หมายได้ไวก่อนใคร ถ้าขับจนชิน
ไม่เพียงเท่านี้ การตอบสนองช่วงล่าง ก็เป็นอีกไฮไลท์ สำคัญของรถรุ่นนี้ มันค่อนข้างนิ่ง อยู่พอตัว การโยนตัวหรือ Body Roll ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตัวรถที่ค่อนข้างสูง ออกแนวสไตล์ Buggy หน่อยๆ ช่วงล่างมีความยืดหยุ่น ซับแรงดีเก็บอาการเร็ว กำลังสบายในการขับขี่ มีแรงสะเทือนจากถนนบ้าง ไม่มากจนน่ารำคาญ หรือ กระด้างจนเกินไป
ส่วนหนึ่ง มาจากชุดล้อและยางขนาด 17 นิ้ว ที่ออกแบบ มาสำหรับ ตอบโจทย์การเดินทาง บางคนที่ได้ลองขับ ก็ว่ามันค่อนข้างติดกระด้างไม่ถูกใจ อาจจะด้วยผม ใช้ชีวิต กับรถสปอร์ตมานาน เลย รู้สึกว่า ค่อนข้างพอใจอยู่ในเรื่องความสบายในการขับขี่
ผมคิดว่า ในรุ่น SV อาจจะสบายกว่านี ก็เป็นไปได้ ด้วยล้ออัลลอย 16 นิ้ว และ ยางไม่ใช่ตัวสปอร์ต อย่างที่นำเสนอในรถรุ่นนี้ อาจจะน่าจะพึงพอใจในเรื่องการเดินทางมากกว่านี้
อย่างไรก็ดี ด้วยช่วยตัวสั้น รถรุ่นนี้ จึงมีประเด็นในการเข้าโค้งอยู่บ้าง ยิ่งใครติดการสาดโค้ง เข้าโค้งไม่ชะลอ จะรู้สึกถึงความท้ายไว ของเจ้า WR-V ได้ชัดเจนอาการเหวี่ยงท้ายรถออกอาการชัด ถ้าคุณเข้าโค้งเร็วเกินไป และช่วงหลังทอร์ชั่นบีม ก็ออกแนวยุบในจังหวะแรก ทำให้หลายคนอาจมีเหวอบ้าง
แต่เมื่อคุณเดินคันเร่งต่อ จะพบว่าช่วงล่างมันเอาอยู่ในโค้ ไม่ได้ย่อหย่อนเลย เพราะการยุบตัวของมัน พอยุบเสร็จก็หยุดอยู่แค่ตรงนั้นเป็นจังหวะเดียว ไม่ได้โยกขึ้น-ลงต่อ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนทิศทางรถ และยิ่งดี กับเส้นทางในลักษณะของ Winding Road หรือ ทางโค้งต่อเนื่อง ขับสนุกไม่น้อย กับเจ้ารถอเนกประสงค์คันจิ๋วคันนี้
และต้องไม่ลืมเรากำลังพูดถึง รถอเนกประสงค์ที่มีความสูง จากพื้นถึงท้องรถ 220 มม. ซึ่งมีผล ต่อการโคลงตัวของรถค่อนข้างมาก กลับทำได้ เฟิร์มแน่นมากขนาดนี้
ส่วนใครเห็นความสูงจากพื้นถึงท้องรถ แล้วกำลังมองว่า มันน่าจะเอาไปบุกตะลุยได้ ต้องขอแสดงความเสียใจ เพราะผมลองแล้ว และ สอบไม่ผ่าน แม้กับทางง่ายๆ เนื่องด้วยกำลังเครื่องยนต์ และแทรคชันกับยางเดิมๆ
เอาเป็นว่าความสูงตัวรถที่มีให้ คือทำไว้สำหรับลุยน้ำท่วมเป็นหลัก หรือ ยามปีนฟุตบาท ฝ่ารถติด อะไรแบบนั้นมากกว่า
สรุป Honda WR-V RS ขับสนุก ได้ประหยัด คุ้มราคามากกว่าที่คิด
หลังจากขับมาหลายวัน พอเริ่มคุ้นมือกับรถคันนี้สักหน่อย ก็จะพบว่า มันเป็นรถขับสนุกราคาประหยัด และทั้งหมดนั้นมาจากของง่ายๆ ที่นำมา Mix & Match ผสมปนเป จนลงตัว เหมาะกับการใช้งานคนเมืองหลายคนมองหา
ผมขับผ่าน สำนักงานใหญ่ ของ Honda R&D รามอินทรา ท่ามกลาง การจราจร มอเตอร์เวย์ที่คับคั่ง รถช้ายามเช้า ไม่สามารถไปไหน มีเพียงช่องน้อยๆให้ Honda WR-V แทรกตัวผ่านไปได้สบายๆ
รถคันนี้ เครื่องยนต์ อาจไม่ใช่จุดเด่น ที่ทำให้ถึงกับต้องอ้าปากค้าง ในเรื่องพลังขับ ทว่ามันอยู่ที่การตอบสนอง ในการมุดการแทรก การควบคุมที่ทำได้ดีดั่งใจ อาจติดปลายนวมความกระด้างไปบ้าง ก็ดูจะตอบกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนเมืองทั้งหลาย ที่ต้องฝ่าการจราจรรถติดๆแน่นๆทุกเช้าวันทำงาน
ประเด็นที่รถคันนี้ขายไม่ดี ส่วนหนึ่งก็มาจากราคาขาย ที่ค่อนข้างสูงเกินไป ยิ่งเมื่อมองความจริงว่าเป็นเครื่อง 1.5 ลิตร N/A ราคาขนาดนี้ มีตัวเลือกที่ดีกว่า อย่าง Honda City e:HEV ที่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า และออพชั่นจัดเต็มกว่าในราคาไม่หนีกัน จนคนซื้อต้องรักกันจริง
สาเหตุทางด้านราคา ส่วนหนึ่งมาจาก รถรุ่นนี้ประกอบที่อินโดนีเซีย และ อีกอย่างด้วยมันใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ฐานภาษี จึงค่อนข้างสูง ไม่เหมือนกับ ระดับอีโค่คาร์ หรือ ไฮบริด ปล่อยไอเสียน้อย ฐานภาษีจึงถูกกว่าพอสมควร
จริงๆถ้ารถรุ่นนี้ทำราคาในระดับ 6-7 แสนบาท มันน่าจะเป็นรถที่ขายดี รุ่นหนึ่งเช่นกัน เนื่องจาก ขนาดตัวรถ และสมรรถนะไม่ได้ย่อหย่อน ก่อนเปิดตัว ผมแอบลุ้น ถ้ามันจะได้ 1.0 ลิตรเทอร์โบ นี่น่าจะขับสนุกสะใจโดนสุดๆ กับ เครื่อง 1.5 ลิตร ก็เรียกว่าพอไปวัดไปวาได้
อาจขาดความมันส์ ประกอบกับ เทคโนโลยีค่อนข้างเก่า ที่ขายแพงกว่า 1.0 เทอร์โบ ก็เลยทำให้ หลายคนกังขา
หากภาพรวม ก็นับเป็นรถที่ลงตัว ทั้งฟังก์ชัน และสมรรถนะ แค่ต้องถามว่า คุณมองหาอะไร ถ้าเน้นขับสนุก มั่นใจ ควบคุมได้ดี มีความประหยัด
พลังขับไม่เน้น นี่คือรถที่ดีอีกคันจากฮอนด้าครับ เหมือนหลายรุ่นที่ผ่านมา
และจากที่ดู ฮอนด้า อาจมีแผนการส่งไปญี่ปุ่น ด้วยคุณลักษณะตัวรถที่เหมาะสม ถ้าวันนั้นเป็นจริง รถรุ่นนี้ต้องประกอบจากไทย รวมถึงใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ และเราอาจได้ใช้มันในราคาถูกลง ก็ได้ … ใครจะไปรู้