หลังการวางขายร่างธรรมดาไปแล้ว ล่าสุด Yangwang U8 รถอเนกประสงค์ไฟฟ้าจากแบรนด์ลูกของ BYD ก็ได้มีการเปิดตัวร่างทอง หรือ Premium Edition ออกมาเพิ่ม
Yangwang U8 Premium Edition คือรถอเนกประสงค์ไฟฟ้าตัวท็อปรุ่นใหม่ ที่ใส่ออพชันท็อปขึ้นไปอีกขั้น โดยจุดขายของมัน ก็เริ่มจากรูปทรงตัวถังแบบทรงกล่อง ตามสไตล์ของรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ แต่ด้วยความเป็นรถแบรนด์พรีเมียม มันจึงได้รับการแต่งองค์ทรงเครื่องมากมาย
ตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์หรูซับซ้อนแบบตะแกรงดูหรูหรา พร้อมไฟหน้าแบบ LED แยกฝั่งซ้าย-ขวา ตรงกลาง ส่วนไฟเลี้ยวคือแถบดวงไฟด้านบนที่ต่อเป็นแนวเดียวกันกับไฟหน้าด้านล่าง ขอบซุ้มล้อแบบเหลี่ยมพร้อมแถบลายเส้นเอกลักษณ์ซึ่งจะเป็นเส้นสายเดียวกันกับกระจกบานคู่หลังสุดของห้องโดยสาร
ส่วนหลังคามีการออกแบบจุดนูน 3 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งของชุด LiDar Sensor ที่มีใว้เพื่อใช้งานกับระบบความปลอดภัย ถึง 3 ตัวด้วยกัน
ขณะที่ด้านท้ายมีที่ห้อยยางอะไหล่บนฝาท้ายรวมถึงไฟท้าย LED ทรงเลขเจ็ดคล้ายกับด้านหน้า และมีชุดไฟท้ายขอบกระจกแบบ LED รูปตัว L ซ้าย-ขวา และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 22 นิ้ว
ภายห้องโดยสาร มีเพียงตัวเลือกแบบ 5 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยวัสดุหุ้มหนังแนปป้า สีน้ำตาลทั้งหมด เช่นเดียวกับบริเวณแผงประตูที่ใช้วัสดุไม้ซะพีลี (Sapele) มาตัดโทน และที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น คือ คอนโซลหน้าที่ไม่ใช่แค่ดูพรีเมียมตามชื่อเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับจอแสดงผลถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอแสดงผลหน้าผู้ขับ และผู้โดยสาร ขนาดจอละ 23.6 นิ้ว ซึ่งจะถูกคั่นด้วยจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์แนวตั้งตรงกลางขนาด 12.8 นิ้ว
หากยังไม่พอ ที่ด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า ยังมีชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์อีก 2 ตัว ขนาดตัวละ 12.8 นิ้ว มาให้ สำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วย ซึ่งในส่วนของจอคู่หลังนี้ ก็จะสามารถสั่งการแยกด้วยจอแทบเล็กที่อยู่ตรงพนักวางแขนตรงกลางเบาะได้อีก
ถ้าทั้งหมดที่ว่ามายังไม่สาแก่ใจ ตัวรถยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายพร้อมระบบ Fast-Charge อีก 3 ตำแหน่ง, หลังคาซันรูฟแบบเต็มบานหลังคา, ลำโพงพรีเมียม 22 ตำแหน่ง, ระบบกระจายน้ำหอมปรับอากาศ, ระบบนวด 10 จุดที่เบาะนั่ง, และตู้เย็นที่สามารถเปิดค้างไว้ได้ 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่รถดับ ก็ยังมีมาให้
ด้านขุมกำลังตัวรถเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัว ทำให้มันมีพละกำลังรวมกันสูงสุดถึง 1,200 PS และแรงบิดสูงสุดอีกไม่น้อยกว่า 1,500 นิวตันเมตร ช่วยให้มันสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาที แม้ตัวรถอาจจะมีน้ำหนักได้มากถึง 3 ตันกว่าๆเลยก็ตาม
ส่วนตัวแบตเตอรี่ที่ให้มา ก็จะรองรับการชาร์จไฟด้วยระบบ DC Fast Charge กำลังสูงสุด 110 kW ซึ่งช่วยให้มันสามารถชาร์จไฟจาก 30% – 80% ได้ภายในระยะเวลาเพียง 18 นาที ขณะที่ระยะทางในนการวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ ก็มีการระบุไว้ว่าจะสามารถทำได้ถึง 1,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ยังคงอ้างอิงบนมาตรฐานการทดสอบ CLTC เท่านั้น
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับเองก็เรียกได้ว่าจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง ระบบ Tank Turn (ซึ่งคาดว่าจะเป็นระบบที่ทำให้รถสามารถหมุนตัวได้ 360 องศา อยู่กับที่, ระบบรักษาการทรงตัวเมื่อยางแบน, ระบบช่วงล่างไฟฟ้า ที่สามารถยกตัวเองให้สูงขึ้นจากเดิมได้มากถึง 150 มิลลิเมตร และหากเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่นลูกค้าอาจต้องนำรถไปวิ่งบนพื้นที่น้ำขัง ลำธาร หรือมีน้ำท่วม ระบบที่ว่านี้ ก็จะช่วยให้รถสามารถรักษาระดับความสูงได้นานสุดถึง 30 นาที โดยที่รถยังคงสามารถทรงตัวและควบคุมได้ดีดังเดิมอยู่
ฝั่งระบบความปลอดภัยที่ให้มา ก็จะประกอบด้วยเซนเซอร์ต่างๆรอบคันที่มีมากถึง 38 จุด ได้แก่ LiDar Senser ที่อยู่เหนือหลังคา 3 จุด, เซนเซอร์เรดาร์คลื่นสั้นอีก 5 จุด, เซนเซอร์ความเร็วเหนือเสียงอีก 14 จุด, และ กล้องอีก 16 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีไว้เพื่อใช้ในการทำงานและนำข้อมูลไปประมวลผลระบบ ADAS ทั้งหลาย ตั้งแต่ Adaptive Cruise Control, Automatic Parking Assist, Automated Valet Parking และยังรวมถึงระบบ Highway Driving Assist กับ City Navigation Autopilot ที่จะมีการอัพเดทแบบ OTA ในภายหลังให้กับลูกค้าได้ใช้เพิ่มเติมในภายหลังด้วย
ทั้งนี้ Yangwang U8 Premium Edition จะมีการส่งมอบให้กับลูกค้าชาวจีนได้ซื้อและใช้งานกันภายในช่วงเดือนตุลาคมนี้แล้ว และมีการเปิดราคาเริ่มต้นที่ 1,098,000 หยวน หรือราวๆ 5.45 ล้านบาท