ค่ายรถซูเปอร์คาร์จากอังกฤษขายไทยมานานจนมีแฟนคลับเป็นจำนวนมากอย่าง McLaren เปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง McLaren 750S อย่างเป็นทางการ
McLaren 750S นับเป็นซูเปอร์คาร์ของค่ายที่เบาที่สุดและทรงพลังที่สุดในบรรดารถจากสายการผลิตทั้งหมดด้วยโครงสร้างแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ การใช้เบาะนั่งแบบรถแข่งที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์และล้อน้ำหนักเบาที่สุดที่ติดตั้งในโมเดลมาตรฐาน คือกุญแจสำคัญที่ส่งผลให้ McLaren 750S เบากว่า 720S ถึง 30 กิโลกรัม นอกจากนี้น้ำหนักรถเปล่ายังเบาสูงสุด เพียง 1,277 กิโลกรัม เบากว่าคู่แข่งหลักถึง 193 กิโลกรัม
การออกแบบของ McLaren 750S มุ่งเน้นให้มีน้ำหนักเบาที่สุดเช่นกัน จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ หลังคาแบบ Retractable Hard Top (RHT) ที่สามารถเปิดปิดได้เร็วกว่า 11 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อม Rollover Protection System และส่วนบนของโครงสร้างด้านหลังเชื่อมกันกับโมโนค็อก ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลัก และด้วยความแข็งแรงของวัสดุนี้ จึงไม่ต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม จึงทำให้มั่นใจว่าจะขึ้นสู่ผู้นำในกลุ่มตลาดนี้ด้วยสัดส่วน 566 แรงม้าต่อตัน และตัวรถเปล่าที่เบาที่สุดที่ 1,326 กิโลกรัม
ได้รับการพัฒนาและต่อยอด ให้แตกต่างจากรุ่นเดิม อาทิ ส่วนของปลายด้านหน้ารถ (จมูกรถ) ที่ต่ำลง ออกแบบให้ช่องรับอากาศเข้าบริเวณไฟหน้าหรือ Eye Socket ให้แคบลง Sill Air Intake แบบใหม่ ช่องรับอากาศเข้าแบบใหม่บริเวณซุ้มล้อหลัง ระบบควบคุมอากาศพลศาสตร์ด้านหลังพร้อมปรับการออกแบบเพิ่มความยาวส่วนหลังเพิ่มรีดลมไปยังปีกคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหลังที่ออกแบบให้สูงขึ้นและยาวขึ้น โดยปีกชุดนี้อยู่เหนือชุดท่อไอเสียตรงกลาง
ออพชั่นสำหรับชุดตกแต่งไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบสีเดียวกับตัวรถและแบบคาร์บอนไฟเบอร์ หรือจะเป็นชุดช่องรับอากาศแบบใหม่ทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลังก็มีให้เลือกเช่นกันในหมวดหมู่วัสดุน้ำหนักเบา (lightweight material) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทัศนวิสัยการขับที่ดีรอบด้านบนโครงสร้างหลักแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่มี A-pillar แบบบางพิเศษและ C-pillar แบบโปร่งแสงทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้เข้ามาให้ห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ คนขับยังสามารถมองเห็นเครื่องยนต์ได้จากภายในห้องโดยสาร อีกไฮไลท์ในรุ่นนี้ได้แก่ชุดท่อไอเสียด้านท้ายกลางตัวรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก McLaren P1™ ส่งมอบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เร้าใจ พร้อมการปรับแต่งอคูสติกให้โทนเสียงแตกต่าง คมชัด และค่อยๆ ดังขึ้นในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น
ภายในได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดโดยให้ความสำคัญกับคนขับเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ชูนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นจอควบคุม Active Dynamic Settings ติดตั้งตรงคอพวงมาลัยรถ และสวิทช์แบบคันโยก ทำให้คนขับสามารถปรับโหมดช่วงล่างและระบบส่งกำลังได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ยังภูมิใจนำเสนอ McLaren Control Launcher (MCL) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอำนวยความสะดวกให้คนขับสามารถบันทึกโหมดการขับที่ชื่นชอบ สร้างประสบการณ์การขับตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้ และเลือกใช้ได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านปุ่ม MCL ทรงเอกลักษณ์รูป Speedmark ซึ่งใช้ควบคุมได้หลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอากาศพลศาสตร์ การตั้งค่าระบบส่งกำลัง และระบบเกียร์
เพิ่มเติมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay® ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นนี้ และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ USB-C และ USB-A พร้อมด้วยหน้าจอ Central Information Screen แบบใหม่ กล้องมองหลังและกล้องมองรอบรถที่อัพเกรดให้มีความละเอียดและภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี ระบบ Vehicle-Lift ใหม่ล่าสุด เพียงปุ่มเดียวก็สามารถยกด้านหน้าของรถขึ้นได้อย่างฉับพลันใน 4 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถรุ่นอื่นๆ และเร็วกว่ารุ่นเดิม 720S (ที่ใช้เวลา 10 วินาที)
กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการซูเปอร์คาร์ก่อกำเนิดจากการวิเคราะห์รุ่น 720S อย่างพิถีพิถัน จากนั้นจึงยกระดับชิ้นส่วนกว่า 30% ทั้งยกเครื่องใหม่และปรับแต่งใหม่ให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น ทำให้ทรงพลัง เบา ปราดเปรียวยิ่งขึ้น แรงกดเพิ่มมากขึ้น สมดุลด้านอากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบสัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวกันกับรถมากยิ่งขึ้น ก้าวล้ำสูงสุดในด้านการลดทอนน้ำหนักให้มีความเบาแหวกม่านอากาศ ด้วยสัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักรถอยู่ที่ 587 แรงม้าต่อตัน เหนือกว่าคู่แข่งถึง 22 แรงม้า (เมื่อเทียบน้ำหนักรถเปล่าของรุ่นคูเป้) มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbocharged ทรงพลัง 750 แรงม้า ด้วยแรงบิด 800 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลังใหม่ สอดประสานกันกับชุดเกียร์ 7 สปีดเอื้อให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.8 วินาที และเร่งความเร็วจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.2 วินาที สำหรับรุ่นคูเป้ และ 7.3 วินาที สำหรับรุ่นสไปเดอร์
มาพร้อมชุดช่วงล่างใหม่ล่าสุด PCC III (McLaren’s Proactive Chassis Control linked-hydraulic suspension) ชุดสปริงและชุดดูดซับแรงกระแทกแบบน้ำหนักเบาที่คำนวณและออกแบบใหม่เพื่อความคล่องตัวกว่าในการขับ ชุดพวงมาลัยแบบ electro-hydraulic ที่เลื่องชื่อผนวกอัตราทดที่เร็วขึ้นเพื่อการเข้าโค้งที่คมมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกใหม่อัพเกรดมาพร้อมชุดเบรกเซรามิค ชุดปั๊มสุญญากาศและบูสเตอร์ชุดใหม่ และชุด monobloc caliper ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบเบรกของ McLaren Senna เทคโนโลยีระบายความร้อนแคลิเปอร์เบรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถฟอร์มูล่าวัน พร้อมความมั่นใจในการบริการสูงสุดกับการรับประกันถึง 3 ปี โดยขายในราคา 32,000,000 บาท