นอกจากการประกาศราคา 2023 Audi A8 L 60 TFSI e ในวันเดียวกันนี้ ทางผู้บริหารของ Audi ประเทศไทย ยังได้มีการประกาศราคาของ Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro ที่เตรียมโชว์ตัวจริงในสิ้นเดือนนี้ด้วย
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro ถือเป็นรถยนต์แนว Gran Turismo 4 ประตู พร้อมรูปทรงท้ายลาดอันเป็นเอกลักษณ์ รูปลักษณ์ไดนามิก ไฟหน้าแบบ HD Matrix LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า-หลัง (Light staging) พร้อมไฟ Projector LED
และยังเสริมลุคสปอร์ตด้วยชุดแต่งภายนอกแบบ S line Black Edition และล้อลายใหม่ Audi Sport 5-double arm style ขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นตั้งแต่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S line ตกแต่งภายในด้วยลาย Dark Matte Brushed Aluminum, เบาะนั่งคู่หน้าหนัง Valcona แบบ Sports plus ตกแต่งด้วยลาย Diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line, หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, และแป้นเบรก แป้นคันเร่ง และที่พักเท้าตกแต่งด้วย Stainless steel
ส่วนลูกเล่นที่น่าสนใจ ก็ยังมีทั้ง ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน, ช่อง USB-C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ระบบเครื่่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ และไฟเรืองแสงในห้องโดยสารมากถึง 30 สี (Contour/ambient lighting), ตามด้วย ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มการขับขี่ (Stationary air conditioning) เป็นต้น
แต่ที่โดดเด่นกว่านั้น คือการที่มันมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดที่ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบชาร์จขนาด 2 ลิตร ให้กำลัง 265 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ซึ่งทั้งหมดจะให้กำลังขับรวมได้สูงถึง 367 แรงม้า
และด้วยการทำงานร่วมกับระบบเกียร์ S tronic 7 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra technology พร้อมเทคโนโลยีที่ให้ความไดนามิกในการขับขี่ เกาะถนนได้ดีเยี่ยม จึงช่วยให้มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ส่วนตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ให้มา จะสามารถเก็บพลังงานได้ถึง 17.9 kWh พร้อมระบบ Recuperation ที่สร้างพลังงานไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่ขณะขับขี่ โดยในการวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้า 100% จะรองรับระยะทางวิ่งไกลสุดอ้างอิงตามผลการทดสอบมาตรฐาน WLTP ถึง 69 กิโลเมตร และสามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ระบบชาร์จ เลือกใช้ หัวชาร์จแบบ Type 2 สำหรับใช้กับเครื่องชาร์จสาธารณะ รองรับการชาร์จไฟได้สูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนั้น สำหรับการชาร์จด้วยแท่นชาร์จ Compact Charger กับไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่เปล่าให้เต็มได้ภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง
โดยตอนนี้ ตัวรถ Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line ได้มีการเปิดให้ลูกค้าได้จองแล้วในราคาเริ่มต้น 4,799,000 บาท และหากเป็นรุ่นเสริมแพ็คเกจ Black Edition ก็จะสนนราคาเพิ่มขึ้นอีกนิด เป็น 5,099,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี Metallic Glacier White, Metallic Floret Silver, Metallic Mythos Black, Metallic Chronos Grey, และสีใหม่ Metallic Firmament Blue และ Metallic Grenadine Red Audi
ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี