เปิดตัวเวอร์ชันต้นแบบไปเมื่อสองปีก่อนและยังเปิดรับจองสิทธิ์ล่วงหน้าจนยอดจองล้นหลามสำหรับ MG Cyberster โรดสเตอร์เปิดประทุนพลังไฟฟ้า
ล่าสุด MG พร้อมที่จะโชว์เวอร์ชันขายจริงอีกครั้งหล่อทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED Projector แบบ Laser Belt กระจังหน้าเรียวยาวพร้อมตรา MG ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตด้านท้ายแบบ Kammback ชุดไฟท้าย LED Red Wing ด้วยเส้นไฟที่เรียวเล็กดูชัดเจนสุดล้ำ ไฟเลี้ยวรูปทรงลูกศรสปอยเลอร์หลังที่ฝังตัวอยู่ในชิ้นเดียวกันลงตัว กันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ ประตูรถออกแบบมาเปิดแบบปีกนกหรือ Scissor Doors ล้ออัลลอยลาย Hacker Blade ทั้งแบบ 19 และ 20 นิ้วให้เลือก
ภายในปรับดีไซน์ให้ใช้งานง่ายจับสะดวกตามสไตล์แบบ “Digital Fiber” วางผังที่นั่งให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางด้วยโทนภายเป็นสีแดง ออกแบบตำแหน่งที่นั่งแยกฝั่งซ้ายขวาออกจากกัน แผงคอนโซลหน้ามีแผงจอแสดงดิจิทัลขนาดใหญ่ LCD เป็นทั้งมาตรวัดและจอสัมผัสในตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านกลับมาใช้แบบท้ายตัดหรือทรง D Shape แล้ว และติดตราโลโก้ MG แบบไม่มีกรอบและแบบพวงมาลัยสไตล์ Yoke-Style Steering หรือพวงมาลัยแบบครึ่งวงอาจเป็นออปชันเสริม มีปุ่มโหมดการขับขี่ Super Sport สีแดง
ขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้ามีให้เลือกสองรูปแบบเป็นแบตเตอรี่ lithium-ion ที่มีความจุแบตเตอรี่ 77 kWh เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมมากสุด 544 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าให้กำลัง 204 แรงม้าและมอเตอร์ไฟฟ้าหลังให้กำลัง 340 แรงม้า สามารถวิ่งไกลสุด 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาทีและรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวจากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ให้กำลังรวมมากสุด 314 แรงม้า โดยทั้งคู่ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยจีนเป็นที่แรกขายช่วงภายในปี 2023 ตามมาด้วยอังกฤษและกลุ่มประเทศยุโรปกลางปี 2024 และถ้าอยากพบตัวจริงสามารถชมได้ที่งาน Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม หลังจากนั้นก็จะขายจริงในช่วงหน้า