MG ประเทศไทย ประกาศเป้าหมายสำคัญ หวังขึ้นเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยระดับ Top 3, เตรียมเผยโฉมรถยนต์โมเดลใหม่ ในปี 2567, และพร้อมผลักดันประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ของแบรนด์สู่ตลาดอาเซียน
MG แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ภายใต้สังกัด บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในปี 2566 ที่ผ่านมา ทางบริษัทสามารถทำยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยได้มากถึง 27,311 คัน ซึ่งจะถูกแบ่งสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์สันดาป ออกเป็นอย่างละครึ่ง ดังนี้
- MG5 : 6,419 คัน
- MG4 ELECTRIC : 5,615 คัน
- MG EP : 4,717 คัน
- MG ZS : 2,534 คัน
- MG VS HEV : 2,071 คัน
- MG ZS EV : 1,354 คัน
- MG HS และ MG HS PHEV : 1,373 คัน
- MG MAXUS 9 : 1,284 คัน
- MG ES และ MG EXTENDER จำนวนรวม 1,943 คัน
เท่ากับว่าในปีที่ผ่านมา MG สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ของไทยไปได้ประมาณ 4% ซึ่งถือเป็นการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลังการทำตลาดในประเทศไทยมานับสิบกว่าปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และเท่ากับว่าตอนนี้พวกเขาสามารถวางจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ MG ในไทยไปได้แล้วมากกว่า 200,000 คัน
มร. ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์ MG และการเข้าสู่ทศวรรษที่สอง แบรนด์ในประเทศไทย ทางบริษัทได้มีแผนที่จะยกระดับแบรนด์ให้ขึ้นเป็นผู้ผลิตระดับ Top 3 ของประเทศ
โดยมีแผนงานหลักคือการเผยโฉมรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายขุมกำลังให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น NEW MG4 ELECTRIC รุ่นผลิตในประเทศไทย ตามนโยบาย EV 3.5 ของภาครัฐ ตามด้วยการวางขายรถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าอย่าง MG CYBERSTER ที่ได้มีการเปิดรับจองไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2565
และที่น่าตื่นเต้นกว่านั้น คือการเตรียมเผยโฉมรถเก๋งขนาดเล็กโมเดลใหม่อีก 1 รุ่น ซึ่งคาดว่าจะเป็น All-New MG3 ที่กำลังจะเผยโฉมอย่างเป็นทางการในระดับโลกช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
และเพื่อให้สอดรับกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทางแบรนด์ยังเตรียมนำเสนอมิติใหม่ของโชว์รูมด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้ว MG EV Showroom ที่จะมุ่งเน้นนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในปัจจุบันอย่าง MG MAXUS9 รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับโมเดลอื่น ๆ ที่เตรียมเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนของนโยบายด้านการผลิต ทางผู้บริหาร MG ยังเปิดเผยอีกว่า ทางบริษัทได้มีการการลงทุนสร้างและขยายพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อผลิตแบตเตอรี่อีวีแห่งแรกในอาเซียน
และเตรียมแผนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และจะช่วยสร้างเม็ดเงินให้กับโลกอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว