YangWang U7 ชื่อนี้อาจฟังดูไม่ได้ใหม่เท่าไหร่นัก เพราะเป็นชื่อที่ว่อนโลกออนไลน์มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่จุดที่น่าสนใจยิ่งกว่าในข้อมูลใหม่ครั้งนี้ของมัน ก็คือการเผยกำลังสูงสุดที่ได้จากขุมกำลัง ซึ่งมีตัวเลขถึง 1,300 กว่าแรงม้าเลยทีเดียว
จากข้อมูลก่อนหน้านี้ ทาง YangWang บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมภายใต้เครือ BYD ได้มีการเผยภาพตัวรถ YangWang U7 ของตนเองเป็นครั้งแรก พร้อมเปรยไว้แบบคร่าวๆว่ามันจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งพกพาแรงม้ามามากกว่า 1,000 ตัว โดยมีเป้าหมายคือตั้งใจที่จะให้มันชนกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงจากแบรนด์สัญชาติสหรัฐอเมริกาอย่าง Tesla Model S Plaid
ล่าสุดในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ก็ได้มีข้อมูลจากหน่วยงาน Ministry of Industry and Information Technology ของประเทศจีน ที่ระบุว่าตัวรถ YangWang U7 ที่ทางค่ายนำมายื่นข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนเตรียมขายในเร็วๆนี้นั้น จะพกพาเอามอเตอร์ไฟฟ้าติดมาเป็นขุมกำลังหลักให้กับรถถึง 4 ตัวด้วยกัน
และนั่นจะทำให้มันสามารถปั่นแรงม้ารวมกันสูงสุดได้มากถึง 1,305 PS ซึ่งถือว่าเยอะกว่า Tesla Model S Plaid ไป 200 กว่าตัว รวมถึง Porsche Taycan Turbo S ตัวแรงสุดของตระกูลที่พึ่งเปิดตัวในวันนี้อีก 300 กว่าตัวด้วย
แน่นอน ด้วยพละกำลังที่มาหาศาล จากการใช้พลังงานโดยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัว ทำให้แบตเตอรี่ LFP ที่ตัวรถรุ่นนี้ต้องพกติดตัวมา ต้องมีขนาดความจุที่ใหญ่ถึง 135.5 kWh เกือบเท่ากับแบตเตอรี่ของ BYD Atto 3 Long Range และ Dolphin Long Range จำนวน 2 คันด้วยกัน
และนั่นอาจทำให้แบตเตอรี่ลูกนี้มีน้ำหนักมากถึง 900 กิโลกรัมต่อชุดเลยทีเดียว แต่ก็ยังทำให้มันสามารถวิ่งได้ไกลสุดเพียงราวๆ 800 กิโลเมตรต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน NECD เท่านั้น ซึ่งในการใช้งานจริง โดยเฉพาะกับรถที่มีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้ อาจทำให้ระยะทางหล่นลงมาเหลือเพียงราวๆ 600-700 กิโลเมตร เท่านั้น
ด้านข้อมูลสมรรถนะอื่นๆของตัวรถ ทาง YangWang ยังไม่ได้มีการระบุตัวเลขเหล่านั้นไว้ในเอกสารที่ยื่นกับทางหน่วยงานข้างต้น
แต่ทางสื่อหลายๆแห่งในประเทศจีน ก็ระบุว่าตัวรถจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียงราวๆ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แม้ว่ามันจะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.195 Cd (ตัวถังมีความลู่ลมสูง) และห่างไกลจากคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Tesla Model S Plaid ที่สามารถวิ่งได้เร็วสุดที่ราวๆ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง มากนักก็ตาม
ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายเอง ก็ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่แน่ชัด แต่ก็คาดว่าเราอาจได้เห็นตัวรถถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการภายในช่วงไม่เกินกลางปีนี้ ซึ่งจะประเดิมกันก่อนในประเทศจีน